"ชัชชาติ" น้อมรับผลโพลคนกรุงพอใจลดลง เปรียบเหมือนรถป้ายแดง ถอยมาแล้วราคาก็ตก แต่ยืนยันทำงานเต็มที่ มอบหน่วยงานเก็บข้อมูลเร่งปรับปรุง ยันทำเต็มที่ 200 นโยบาย - เตรียมรับมือน้ำท่วมหน้าฝนแล้ว ยอมรับห่วงจุดคลองหลัก

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึง ผลสำรวจนิด้าโพล ที่สำรวจพึงพอใจการบริหารกรุงเทพมหานครตลอด 1 ปีที่ผ่านมาลดลง ว่า ส่วนตัวไม่ได้มีความกังวลใดๆ ได้แค่นี้ก็ถือว่าดีแล้ว และจะนำสิ่งที่ประชาชนคิด ไปปรับปรุง วันนี้เปรียบนักการเมืองก็เหมือนรถใหม่ วันแรกที่ถอยรถออกมาราคาปกติ จากนั้นราคาก็ลดลง แต่ย้ำว่า จะนำความเห็นทุกอย่างมาปรับปรุงให้ดีขึ้น ขณะเดียวกัน ต้องคุยกับรัฐบาลใหม่ด้วย โดยเฉพาะปัญหาค่าครองชีพของประชาชน

 

"ไม่เป็นไร เป็นเรื่องธรรมดา พร้อมน้อมรับและนำมาปรับปรุงดีแล้วที่มีคนติ ถ้ามีคนชมอย่างเดียวเราไม่รู้จะปรับปรุงตรงไหน เราก็ต้องหน้าเต็มที่ คำติเหมือนเป็นแรงผลักดันของเรา ยิ่งกว่าคำชมอีก เรายิ่งต้องเปลี่ยนมาเป็นพลังบวกให้ได้ ก็ขอบคุณ 1 ปี เราทำเต็มที่แล้ว เชื่อว่าเราได้รับความร่วมมือหลายๆด้าน"

 

ทั้งนี้ ส่วนตัวไม่ได้วิเคราะห์ว่าคะแนนนิยมที่ลดลงมาจากสาเหตุใด แต่ก็ถือเป็นเรื่องธรรมดาต่อการทำงานย่อมมีคนชอบและไม่ชอบ แต่ก็ได้มอบหมายให้ทีมงานแต่ละด้านไปวิเคราะห์จุดอ่อน และจะพยายามทำงานอย่างเต็มที่เช่นเดียวกับ 1 ปีที่ผ่านมา พร้อมขอบคุณผลสำรวจโพลที่ทำให้ทราบรายละเอียดที่ต้องแก้ไข

 

และย้ำว่า ใน 4 ปี ประชาชนจะได้เห็น 200 นโยบายที่ประกาศไว้ แน่นอน อาจจะมีบางข้อที่จะต้องปรับปรุง เนื่องจากไม่ทันสมัย แต่อาจต้องมาปรับปรุง ขณะเดียวกันคาดว่า สัปดาห์หน้าเว็บไซต์ที่ติดตาม 200 นโยบายจะแล้วเสร็จ

 

ซึ่งจะเป็นการติดตามงานได้มากขึ้น เพราะทุกเขตจะมีการรายงานทุกปัญหาเข้ามา

 

นายชัชชาติ ยังกล่าวถึงการรับมือน้ำท่วมขังในพื้นที่ กทม. ช่วงหน้าฝนได้ว่า  สถานการณ์ปีนี้ จะดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา เพราะได้ทำตามแผนการระบายน้ำและลอกท่อไปกว่า 3,000 กิโลเมตร แล้ว รวมถึงโครงการหลายอย่างได้ดำเนินการเสร็จสิ้นไปแล้วด้วย เช่น โครงการประตูระบายน้ำก็ปรับปรุงไปร้อยละ 50 และเตรียมความพร้อมแบบชั่วคราวในการรับมือด้วย เรายอมรับเป็นห่วงจุดก่อสร้างขนาดใหญ่ เช่น การก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงส่วนต่อขยาย ที่จะต้องไปดูว่ามีการกีดขวางทางระบายน้ำหรือไม่

 

แต่ตอนนี้ พื้นที่ ที่น่าห่วง คือ จุดคลองเปรมประชากร คลองลาดพร้าว และคลองประเวศบุรีรมย์ ซึ่งถือเป็นครองหลัก โดยเฉพาะคลองลาดพร้าวที่มีการรุกล้ำพื้นที่เป็นจำนวนมาก ไปขุดลอกคลองลำบาก ส่วนคลองประเวศบุรีรมย์ ที่มีการเสนอโครงการระบายน้ำไปฝั่งตะวันออก ก็ยังอยู่ในแผนเนื่องจากมีเส้นทางยาว แต่ขณะนี้ได้ร่วมมือกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แล้วเพื่อที่จะระบายน้ำไปยัง อ.แปดริ้ว ฉะเชิงเทรา ได้มากขึ้น

 

ขณะเดียวกันยืนยันว่า กว่า 500 จุดที่มีปัญหาน้ำท่วมในกรุงเทพมหานคร จะนำมาเป็นบทเรียน ทำเป็นแผนที่การแก้ไข

 

พร้อมย้ำอีกว่า อุโมงค์ระบายน้ำก็มีประสิทธิภาพอยู่ ที่ผ่านมาไม่ใช่ปัญหา แต่พบว่าน้ำไม่ไปถึงอุโมงค์ระบายน้ำ ดังนั้น จะต้องทำโครงการเส้นเลือดฝอยให้เข้มแข็ง ทั้งการดูแลปั้มสูบน้ำ การลอกท่อ ซึ่งจะต้องเข้มแข็งเพื่อไปสู่เส้นเลือดใหญ่

 

ส่วนในวันที่ 6 มิ.ย.นี้ จะมีการหารือกับนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และว่าที่ ส.ส. กทม.พรรคก้าวไกล นายชัชชาติ กล่าวว่า มี 17-18 ประเด็นในการหารือ ส่วนตัวมองว่าไม่ว่า เป็นใครก็ตาม ที่เป็นรัฐบาลก็ต้องหารือในประเด็นนี้ โดยเฉพาะการใช้ทรัพยากรหลักในการเข้ามาสนับสนุนการทำงานในกรุงเทพมหานคร ทั้งใช้พื้นที่ใต้ทางด่วนปลูกต้นไม้ การคมนาคมขนส่ง การจราจร สาธารณสุข สวนสาธารณะ บางเรื่องกรุงเทพมหานครไม่มีอำนาจเต็มโดยตรง