ก้าวไกลหัดเกรงใจบ้าง! "สมคิด" กร้าวใส่ปิยบุตรขอ "ปธ.สภา" ถ้าหวังพิธาเป็นนายกฯ

นายสมคิด เชื้อคง อดีต ส.ส.เพื่อไทย ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กว่า ทำไม? วานนี้(24พค.66) พรรคเพื่อไทยมีประชุมผู้สมัครทั้งสอบผ่านและสอบไม่ผ่าน ก็เป็นปกติธรรมดา ที่พรรคต้องพูดคุยกัน จุดดีจุดด้อยอย่างไร ก็ไปว่ากันในการทำงาน ก็ทำกันมาทุกครั้งหลังเลือกตั้ง

โดยได้สัมภาษณ์นายสมคิด ผ่านรายการลุยชนข่าวถึงกรณีนี้ โดยระบุว่า ผมออกความเห็นเรื่องตั้งรัฐบาล ผมก็ถามทำไม?? ต้อง MOU ในเมื่อเราสามารถตกลงแนวทางกันได้ พรรค พท.บอกจนปากฉีก ว่าไม่ตั้งรัฐบาลแข่ง ก้าวไกลตั้งแต่แรก สื่อโซเชี่ยลยังกระหน่ำตลอด ว่าจะตั้งแข่ง ทำไม..ใครทำ ?? ทำไม..ทาง ก้าวไกลถึงรีบประกาศยึดตำแหน่งประธานสภาก่อน ทั้งที่สามารถคุยภายในได้ เหมือนใช้สื่อบีบทุกพรรคให้ทำตาม ทำไมไม่คุยกันว่าทำอย่างไรจะตั้งรัฐบาลได้ ทำอย่างไร ส.ว.จะโหวตให้ แกนหลักอย่างก้าวไกล ควรคุยภายใน ถอยลงมาบ้าง หากพรรค กก.ได้ 250 เสียงขึ้นไป ไม่ถอยก็ได้ นี่มี 151 เสียง อย่าคิดว่าจะทำได้ทุกอย่าง ไปทีละอย่างก็ไม่สาย อย่าใจร้อน ให้เกียรติพรรคร่วมทำงานกันบีบมากๆเข้า ผมว่าเพื่อไทยถอยไปเป็นฝ่ายค้านก็ได้นะครับ อย่าคิดว่าเราทำไม่ได้ มันเป็นไปได้หมด เพราะยังไม่ทันตั้งไข่ เพื่อนก็กินรวบแล้ว แบบนี้ไหวมั๊ยละนึกถึงใจเขาใจเรา

นายสมคิด ได้อ่านข่าว อ.ปิยบุตร ที่เขียนบอกว่าเขาถอยไม่ได้อีกแล้วในตำแหน่งประธานสภา ผมเองก็เคารพนับถือ อ.ปิยบุตร ซึ่งรู้จักกันดี แต่สิ่งหนึ่งอยากจะบอกว่าเวลาพูดถึงอะไร ควรจะพูดภายใน ผมไม่อยากให้พูดออกสื่อแล้วเหมือนว่า พวกเราจะต้องทำตามทุกอย่าง ทุกเรื่อง ก็เหมือนว่าจะร่วมรัฐบาลด้วยกัน พวกเราจะต้องทำตามทุกเรื่อง อย่าลืมว่าเราเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ถ้าจะร่วมรัฐบาลด้วยกันต้องพูดคุยกันก่อน เรื่องใหญ่ที่สุดคือเรื่องเลือกนายกรัฐมนตรี ต้องเอาให้ได้ก่อน ส่วนประธานสภาเราก็ไปพูดกันวงในไม่ดีกว่าเหรอ ในเมื่อคุณได้ฝ่ายบริหารแล้ว ฝ่ายนิติบัญญัติก็ต้องให้เราบ้าง คุณมายืนแบบนี้เวลาคุยกันทำไมไม่คุยภายใน นำมาออกสื่อทำไม เรื่องนี้ผมมองว่าเขาขี่เราตลอด พรรคเพื่อไทยก็มีหัวใจ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องกรรมการบริหารพรรคเป็นเรื่องส่วนตัวของผม ผมเชื่อว่าเรื่องนี้พูดคุยกันได้ ไม่ใช่ว่าใครถอยไม่ถอย แต่เป็นการให้เกียรติซึ่งกันและกัน

นายสมคิด กล่าวว่า ผมเคารพในแนวคิดคน แต่แนวคิดนั้นต้องไม่บั่นทอนจิตใจของเพื่อนด้วย ถ้าไม่เอาเพื่อนแบบพี่ แบบเพื่อไทย ก็ไม่เป็นไรเราไม่ว่า เราเดินออกมาได้ไม่เป็นไร

ขณะเดียวกันนายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีตปกนนำ นปช. มีการตั้งคำถาม ว่าในช่วงที่นายพิธากำลังจะได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรี แต่กลับมีประเด็นเรื่องหุ้นสื่อ ของนายพิธา ที่หยิบยกมาถาม ว่ายังดำเนินกิจการอยู่หรือไม่ ซึ่งได้คำตอบว่าดำเนินอยู่

พร้อมกันนี้ นายจตุพร ยังกล่าวถึงประเด็นการเลือกประธานรัฐสภาว่า ตำแหน่งนายกรัฐมนตรียังไกล เพราะฉะนั้นการเมืองการต่อรองทางการเมือง เรื่องตำแหน่งประธานสภา จะเป็น "ของจริง" เพราะนายกรัฐมนตรี ยังเป็น"ของทิพย์" อยู่ เพราะยังขาดอีก 64 เสียงและไม่มีวี่แววว่าวุฒิสภาจะโหวตให้ถึงจำนวนดังกล่าวหรือเปล่า

ดังนั้นช่องทางความระหองระแหงกับก้าวไกล กับ เพื่อไทย มีอยู่เดิมแล้วนั้น เมื่อเพื่อไทยประกาศว่าต้องการ ถ้าพรรคก้าวไกลถอย ยกตำแหน่งประธานสภาให้พรรคเพื่อไทย แล้วถ้านายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เกิดอุบัติเหตุเรื่องหุ้นไอทีวี และ แคนดิเดทนายกฯของพรรคก้าวไกลก็ไม่มีแล้ว และตำแหน่งประธานสภาไปอยู่ที่พรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกลจะไม่เหลือะไรเลย มองว่าก้าวไกลกลัดกระดุมผิด เพราะการทำเอ็มโอยูควรมีเรื่องแค่ ร่วมมือกันจับมือกันในการตั้งรัฐบาล แล้วทอดเวลาให้กกต.รับรองก่อน หลังจากนั้นค่อยคุยเรื่องตำแหน่งประธานสภา แล้วจึงจะมีการเลือกนายกฯ แต่พอเปิดเอ็มโอยูเห็นรอยร้าวเต็มไปหมด

โดยในวันนี้ มีการเผยแพร่ภาพการวัดตัวตัดสูท ที่ร้านทรงสมัยซังฮี้ ของนายพิธา และส.ส.อีกหลายคน

ล่าสุด พรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความแสดงท่าที โดยมีใจความโดยรวมว่า ประธานสภาควรเปิดทางผลักดัน "ทุกนโยบาย" ของ "พรรคร่วมรัฐบาล" ให้สำเร็จ ไม่ใช่ผลักดันวาระของพรรคใดพรรคหนึ่งเท่านั้น ปัจจุบันที่เป็น "รัฐบาลผสม" มีภารกิจสำคัญใน MOU ร่วมกัน ไม่ว่าประธานสภาจะเป็นใคร มาจากพรรคใด ก็ต้องทำภารกิจร่วมกันให้บรรลุเป้าหมาย

และปิดท้ายในกรณีนี้ เราชนะมาด้วยกัน ก็ควรทำงานร่วมกันด้วยความไว้เนื้อเชื่อใจในฐานะพรรรคร่วมรัฐบาล หลีกเลี่ยงที่จะใช้มวลชนกดดัน แต่ควรหาทางทำภารกิจเพื่อประชาชนร่วมกันให้สำเร็จ ประเทศจึงจะได้ประโยชน์สูงสุด

"พิธา" ไม่ได้เป็นนายกฯ ถ้าหวงเก้าอี้!