ก้าวไกลถูกซ้อนแผน MOU ลับลวงพราง ปชป. แบะท่าเป็นได้หมดย้ายขั้วจับมือ

หลังจากมีกระแสข่าวว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จะลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค เพื่อเปิดทางให้ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ย้ายออกจากพรรค ไปสังกัดพรรคใหม่

โดยได้มอบหมายให้นายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรค และนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ จะเป็นผู้ชี้แจงในวันที่ 23 พ.ค.นี้

แต่ปรากฏว่าล่าสุด มีการส่งไลน์ส่งถึงสื่อมวลชนแจ้งยกเลิกการแถลงข่าวออกไปอย่างไม่มีกำหนด

ผู้สื่อข่าวไปสอบถามนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ แกนนำพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งบอกว่ากับกระแสข่าวที่เกิดขึ้นนั้นต้องยอมรับว่าทุกพรรคก็อยากร่วมรัฐบาล แต่ในเมื่อทางพรรคเพื่อไทยก็ประกาศชัดว่าไม่เอาพลังประชารัฐ ก้าวไกลก็ประกาศชัดว่ามีลุงไม่มีเรา เพราะฉะนั้นเราก็คงจะไปแสดงอาการว่จะไปอยู่กับเขาหรือเสนอตัวไม่ได้ ก็ต้องรอให้เขาเชิญ ส่วนในอนาคตจะเป็นไปได้ที่จะไปร่วมหรือไม่ก็ต้องรอทางกรรมการบริหารพรรคเป็นผู้ตัดสินใจแต่ตนก็คิดว่าเป็นไปได้ยาก แต่ถ้าจะให้วิเคราะห์ในนามสวนตัวไม่เกี่ยวกับกรรมการบริหารพรรค ก็คิดว่าถึงอย่างไรก็ตามทางพรรคก้าวไกลก็ต้องหาเสียงมาเพิ่มให้ครบ 376 เสียง ซึ่งมองว่าน่าจะไปคุยกับทาง ส.ว.มากกว่า เพราะถ้าจะให้ฝ่ายค้านหรือฝ่ายที่ไม่ได้เป็นรัฐบาลจะมาโหวตให้คงเป็นไปได้ยาก ซึ่งทั้งก้าวไกลและเพื่อไทยสถาปนาตัวเองเป็นฝ่ายประชาธิปไตย ก็คงที่จะไม่ทำอะไรที่ฝืนหลักประชาธิปไตยด้วยการไปเชียร์ให้ฝ่ายค้าน

ส่วนกรณีการยุบพรรคนั้นตนในฐานะคนนอก ไม่เกี่ยวกับการเป็นกรรมการบริหาร
พรรคก็มองว่า พรรคพลังประชารัฐ และพรรครวมไทยสร้างชาติเป็นพรรคเฉพาะกิจ พร้อมที่จะแตกตลอดเวลา และเปราะบางมาก เมื่อไม่มี พล.อ.ประยุทธ์ พรรครวมไทยสร้างชาติไม่มีวันเดินไปได้ และเมื่อไม่มี พล.อ.ประวิตร พรรคพลังประชารัฐก็ไปยาก นี่คือความจริงในทางการเมือง

ขณะที่นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวชี้แจง กรณีมีกระแส
ข่าวว่าพรรคประชาธิปัตย์ไปเจรจากับพรรคอื่นเพื่อจัดตั้งรัฐบาล ว่าเป็นข้อมูลที่บิดเบือนทั้งสิ้น ถือว่าเป็นการทำลายความน่าเชื่อถือของพรรค และพรรคมีกฎเกณฑ์ข้อบังคับชัดเจนว่าทุกอย่างต้องผ่านมติจากที่ประชุมของพรรค ข่าวที่ปรากฏมาว่า มีใครไปเจรจาประสานงานร่วมรัฐบาลนั้นเป็นเท็จ

นายราเมศยังยืนยันว่าไม่มีใครใช้อำนาจไปเจรจาได้ ส่วนจะมีสมาชิกโหวตเห็นชอบนายกรัฐมนตรีให้ก้าวไกล หรือข่าวว่าไปร่วมกับคนนั้น คนนี้ เป็นความเห็นส่วนบุคคล ตนพูดในนามพรรคที่มีข้อบังคับพรรคชัดเจนในส่วนของก้าวไกลที่ชนะการเลือกตั้ง เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล รวบรวมพรรคต่างๆ เป็นเรื่องของพรรคก้าวไกลที่พรรคประชาธิปัตย์จะไม่ก้าวล่วง สถานะของพรรคประชาธิปัตย์ มีตัวเลข ส.ส.อยู่ที่ 24 เสียง ไม่มีสิทธิทักท้วง คัดค้านในเรื่องที่พรรคก้าวไกลและพรรคร่วมคุยกัน และขอให้พรรคก้าวไกลโชคดีในการจัดตั้งรัฐบาล

ขณะเดียวกันนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ กล่าวว่าMOU จัดตั้งรัฐบาล แผนซ้อนแผนวันนี้มีการแถลงข่าว “ร่วมจัดตั้งรัฐบาล“ ที่โรงแรมคอนราด เป็นสถานที่ “โชว์สื่อ” เพื่อสื่อสารไปยังสังคมให้เห็นภาพของการตกลงจับขั้วรัฐบาล

แต่ที่จะสำเร็จเป็น “รัฐบาล” ทำงานได้จริง มีนายกฯ ชื่อพิธา มันต้องมี “อำนาจพิเศษ”
ที่ยอมให้ “พรรคก้าวไกล” ทำงานได้ แม้ว่าประชาชนเลือกมาล้นหลาม

ณ เวลานี้ “อำนาจเก่า” สุมหัววางแผนใช้ “หุ้นสื่อ” ที่พิธาถือ สกัดแคนดิเดตนายกฯ โดยไม่ต้องไปยืมมือ ส.ว. บรรดา ส.ว. เริ่มสงบปากเรื่องคัดค้าน อ้างเคารพเสียงส่วนใหญ่ที่ประชาชนเลือกมา ทำทีเปิดทางให้จัดตั้งรัฐบาลแล้วตลบหลังเรื่อง “หุ้นสื่อ” เป็นข้ออ้างไม่โหวต

เพื่อไทยรอรับ “ส้มหล่น” เพราะมีแคนดิเดตนายกฯ ถึง 3 คน “แผนสอง” รองรับ ตกไปถึงมือพรรคเพื่อไทย เป็น “ไฟท์บังคับ” หลัง ส.ว. “โหวตแล้วโหวตเล่า” ไม่ผ่าน ขึ้นอยู่กับ “ก้าวไกล” ว่าจะทนต่อไปไหวไหม?หากหมดโอกาส ก้าวไกลเสนอชื่อนายกฯ ถึงทางตัน

ตัวแปรเพื่อไทยที่คะแนนตกเป็นอันดับสองในรอบ 20 ปี กลายเป็น “แลนด์ไถล” แทน “แลนด์สไลด์" แค่พูดไม่ทันคำว่า “มีลุง ไม่มีเรา”

หงายไพ่ใบสุดท้าย “ได้กลับมาเลี้ยงหลาน”อำนาจเก่าเลือกเจรจา “พรรคเพื่อไทย“ มากกว่า “พรรคก้าวไกล”

จำใจให้ทั้งหนูทั้งแมลงสาบมาร่วมวงไพบูลย์เพื่อชาติ เดินเกม “อันตราย” พลิกจากแพ้คะแนน แต่กลับมาจับขั้วใหม่ตั้งรัฐบาล ได้ ส.ว. ยกมือพรึบพรับไร้ข้อกังขา แผนซ้อนแผนต้องทัน “เกมอำนาจ”

“สายลมแห่งความเปลี่ยนแปลง” เริ่มไหลล่องลอย รอวัดใจ “ประชาชน” จะทนไหวด้วยไหม?

MOU ลับลวงพราง