มรดกเลือด! คลั่งถูกบูลลี่ยิงน้อง เรียกช่อง 8 ปรับทุกข์ก่อนมอบตัว

เมื่อเวลา 13.00น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางโพงพาง  และกู้ภัยได้รับแจ้งเหตุมีคนร้ายยิงปืน จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บ2 ราย  ในบ้านพักหลังหนึ่ง ภายในซอยจันทร์23 แขวงช่องนนทรี เขตคันนายาว กรุงเทพฯ

เมื่อไปถึงพบผู้เหตุยืนถืออาวุธปืนอยู่หน้าบ้าน เดินไปเดินมา ไม่ยอมให้กู้ภัย เข้าไปดูอาการผู้บาดเจ็บ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเจรจา  แต่ผู้ก่อเหตุยังไม่ยอม เดินถืออาวุธปืนวนไปวนมา ลักษณะมีอาการเครียด บางครั้งถืออาวุธปืนมาจ่อที่ตัวเอง

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มี การเจรจาเพื่อขอให้เอาคนเจ็บที่ถูกอาวุธปืนยิงเข้าบริเวณหน้าอกซึ่งอยู่บริเวณด้านในจุดเกิดเหตุเพื่อไปส่งโรงพยาบาล ก่อนที่ผู้ก่อเหตุจะยินยอมเจ้าหน้าที่จึงนำรถพยาบาลเข้าไปรับผู้บาดเจ็บที่ถูกยิงซึ่งเป็นหญิงส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาล

ขณะที่ดาบตำรวจปราวิน แสงจันทร์ ผบ.หมู่ บก.สปพ. ซึ่งถึงที่เกิดเหตุเป็นชุดแรก และเข้าเจรจากับผู้ก่อเหตุ  เปิดเผยเบี้ยงต้นว่า ผู้ก่อเหตุชื่อนายศักดา อายุประมาณ80ปี  เป็นอดีตทหารเกษียณอายุราชการ ใช้อาวุธปืนลูกโม่ .38มม. ก่อเหตุยิง น้องสาวจำนวน1นัด เนื่องจากมีปัญหาทะเลาะกันเรื่องทรัพย์สิน  ซึ่งหลังก่อเหตุที่ลงมือยิงน้องสาวบาดเจ็บ ผู้ก่อเหตุได้ขังตัวหลานสาว ซึ่งเป็นคู่กรณีที่ทะเลาะกันไว้บนบ้านชั้น2 ก่อนจะปล่อยตัวออกมาให้ช่วยดูน้องสาว ซึ่งเป็นแม่ของหลานสาวที่นอนบาดเจ็บอยู่ ทั้งนี้หลังจากที่ผู้บาดเจ็บออกจากพื้นที่ไปหมดแล้ว ตำรวจได้เข้าเจรจาอีกครั้ง จนผู้ก่อเหตุยอมเก็บปืนและเผชิญหน้ากับเจ้าหน้าที่ตำรวจ  มีการพูดคุย จนผู้ก่อเหตุมีท่าทีสงบลง และยังคาใจกับญาติพี่น้องอยู่ จึงไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัว

และได้มีการร้องขอจะพูดคุยกับผู้สื่อข่าว ทีมข่าวช่อง8 จึงรับอาสากับตำรวจที่จะเข้าไปพูดคุยกับผู้ก่อเหตุ ที่ยืนรออยู่บริเวณหน้าบ้านและยังคงพบปืนอยู่ที่ด้านหลัง เมื่อผู้สื่อข่าวเดินไปพบกับผู้ก่อเหตุได้ถามว่ามาจากช่องไหน เมื่อผู้สื่อข่าวบอกว่ามาจากช่อง 8 ผู้ก่อเหตุก็ยิ้มให้ และมีสีหน้าที่ผ่อนคลายลง เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ามีปัญหา หรือจะอยากระบายอะไรหรือไม่ ผู้ก่อเหตุได้พูดแค่เพียงสั้นสั้นๆว่า ถูกพี่น้องโกงสมบัติ แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเห็นท่าทีว่าผู้ก่อเหตุยังคงมีอาวุธปืนอยู่จึงได้กันตัว ผู้สื่อข่าวออกมาเพราะเกรงว่าจะได้รับอันตราย

ทีมข่าวช่อง8 ได้พูดคุยกับน้องชายของผู้ก่อเหตุ และอยู่ในเหตุการณ์ เล่าว่า เมื่อเช้าพี่ชายของตนเองยังคงนั่งกินข้าวและพูดคุยกับตัวเองพร้อมกับญาติคนอื่นเป็นปกติ จนกระทั่งผู้ก่อเหตุได้มีปากเสียงกับหลานที่เป็นลูกของน้องสาว ก่อนที่ผู้ก่อเหตุจะใช้อาวุธปืนยิงน้องสาวตัวเองไปหนึ่งนัด เมื่อจนล้มลงไปได้รับบาดเจ็บ ตนเองเข้าไปห้ามก็ถูกพี่ชายใช้อาวุธปืนตบเข้าไปที่ใบหน้า และหันกระบอกปืนมาจะยิงตนเอง ซึ่งตนเองก็ยินยอมที่จะให้ยิงแต่พี่ชายก็ไม่ยิงตนเอง ส่วนสาเหตุมาจากเรื่องที่ผู้ก่อเหตุเก็บกดสะสมหลายเรื่องกับพี่น้อง ทั้งเรื่องทรัพย์สินและเรื่องที่ถูกต่อว่าไม่ได้เรียนหนังสือ จบแค่ ป.7 และยืนยันว่าพี่ชายไม่ได้มีป่วยอาการทางจิต เชื่อว่าพี่ชายได้มีการเตรียมการที่จะอาวุธปืนมาก่อเหตุ

กระทั่งต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถเจรจาเกลี้ยกล่อมให้ผู้ก่อเหตุยินยอมมอบตัว และนำตัวขึ้นรถกลับไปสอบปากคำที่สถานีตำรวจนครบาลบางโพงพาง ซึ่งใช้เวลาในการต่อรองประมาณ 3 ชั่วโมง สถานการณ์ทุกอย่างคลี่คลาย เมื่อตัวผู้ก่อเหตุมาถึงที่สถานีตำรวจ ได้ถูกควบคุมเข้าไปสอบสวนซึ่งระหว่างนั้น ปฏิเสธที่จะตอบคำถามพูดแต่เพียงสั้นๆว่าไม่รู้สึกเครียด หรือกังวลแต่อย่างใด

ขณะที่ พล.ต.ต.ธวัชเกียรติ จินดาควรสนอง ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 เปิดเผยว่า เกิดจากความเครียดเกี่ยวกับเรื่องทรัพย์สิน โดยมูลค่าของมรดกนั้นไม่ทราบรายละเอียด โดยเป็นปืนลูกโม่ขนาด .38 มม. ซึ่งต้องตรวจสอบรายละเอียดอีกครั้งว่าเป็นปืนที่มีทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่

ขณะที่ผู้ก่อเหตุไม่ใช่ทหารแต่ ประกอบอาชีพธุรกิจส่วนตัว ซึ่งเคยอบรมเกี่ยวกับรปภ. จึงมีความชำนาญในการใช้อาวุธปืนเป็นพิเศษ จึงนำตัวผู้ก่อเหตุไปสอบปากคำที่ สน.บางโพงพาง และดำเนินคดี เบื้องต้นเข้าข่ายความผิด พยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา , พกพาอาวุธปืน และยิงปืนในที่สาธารณะ

ยิงน้องระแวงแย่งมรดก