เฉลย! ทำไมก้าวไกลต้องหา 1 เสียงเพิ่ม "พรรคใหม่" จบดีลคุยเช้าเข้าร่วมบ่าย

ประเด็นการเมือง ยังถูกจับจ้อง โดยเฉพาะการจัดตั้งรัฐบาล โดยในวันนี้พรรคก้าวไกลนัดประชุมกัน เป็นการซักซ้อมวางกฎระเบียบในการเป็นส.ส. เป็นแกนนำรัฐบาล

ที่ล่าสุดวันนี้ มีการดึงพรรคร่วมรัฐบาลเพิ่มอีก 2 พรรค รวมขณะนี้เป็น 10 พรรค ตอนนี้มี 316 ที่นั่ง ซึ่ง 2 พรรค คือ พรรคใหม่ จำนวน 1 ที่นั่ง และ พรรคชาติพัฒนากล้า จำนวน 2 ที่นั่ง

โดยเพจเฟซบุ๊กพรรคใหม่ โพสต์ข้อความระบุว่า มติคณะกรรมการบริหารพรรคใหม่ สรุปเข้าร่วมรัฐบาลอย่างไม่มีเงื่อนไข

ทีมข่าวช่อง8 เดินทางไปเจอกับ นายกฤดิทัศ แสงธนโยธิน หัวหน้าพรรคใหม่ เปิดเผยว่า เช้าวันนี้เวลาประมาณ 10.00 น. เศษ ก็ได้รับคำยืนยันจากทางฝั่งพรรคก้าวไกล เพื่อเป็นคำยืนยันที่ชัดเจน โดยตนเองในฐานะพรรคเล็กก็ร่วมตอบรับในการอยู่ฝั่งเดียวกันกับพรรคเสียงข้างมาก และยอมรับว่าก่อนหน้านี้ก่อนที่ทางพรรคก้าวไกลจะมีการติดต่อมา ก็ยังมีพรรคการเมืองอื่นติดต่อทาบทามเข้ามาเช่นเดียวกัน แต่ไม่ได้มีการตัดสินใจหรือมีแนวโน้มที่จะเข้าไปร่วมงาน

ซึ่งเหตุผลในการเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคก้าวไกล ต้องแก้ไขปัญหาประเทศให้ไปสู่กระบวนการตามกติกาของระบอบประชาธิปไตย และรวบรวมเสียงให้ครบในการเข้าสู่กระบวนการสรรหานายกรัฐมนตรี ซึ่งนโยบายของพรรคใหม่ กับพรรคก้าวไกล มีความใกล้เคียงกัน โดยยังคงมุ่งเน้นที่จะดำเนินการปฏิรูประบบราชการ และแก้ไขปัญหาโดยเฉพาะระบบข้าราชการตำรวจ ที่มีตำแหน่งนายพลเยอะจนกระทั่งเสียงบประมาณในการจ่ายภาษีประชาชนซึ่งเป็นเงินเดือน ดังนั้นควรที่จะมีการปรับลดหรือปรับแก้ หรือทำให้ประชาชนได้รับเงินภาษีส่วนดังกล่าวแทน และที่สำคัญควรที่จะได้รับการแก้ไขโดยเฉพาะระบบการศึกษาของไทย ดังนั้นจากนโยบายที่มีความใกล้เคียงกับพรรคใหม่ ทำให้จึงตัดสินใจได้ง่ายมากขึ้นในการเข้าร่วมการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้

แต่เหตุผลหนึ่ง ที่ตนเองตัดสินใจเข้ามาร่วมในการอยู่พรรคเสียงข้างมากกับพรรคก้าวไกล แม้ว่าก่อนหน้านี้จะเข้าใจว่าพรรคมีการผลักดันนโยบายเกี่ยวกับการแก้ไข มาตรา112 แต่วันนี้มีท่าทีที่ผ่อนปรนและผ่อนคลายมากขึ้น โดยทางพรรคยืนยันว่าจะไม่ระบุหรือบรรจุเอาไว้ในเอ็มโอยูที่มีการเซ็นร่วมกันกับพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งอาจจะมีการแก้ไขหรือยื่นขอแก้ไขในภายภาคหน้า แต่ไม่เกี่ยวข้องกับช่วงปัจจุบันที่มีการปฏิรูปหรือการเข้ามาทำงานเพื่อประชาชน จึงทำให้พรรคเล็กอย่างตนเองจึงตัดสินใจเข้าร่วมได้ง่ายมากยิ่งขึ้น และเชื่อว่าพรรคเล็กอีกหลายพรรคที่อยู่ระหว่างการพิจารณาตัดสินใจ ก็จะสามารถตัดสินใจเข้ามาร่วมจัดตั้งรัฐบาลได้ง่ายมากขึ้นเช่นเดียวกับพรรคของตนเอง

ขณะที่อีก 1 พรรค คือพรรคชาติพัฒนากล้า ที่เบื้องต้นเห็นด้วยกับเสียงข้างมาก และวันนี้เข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลแล้ว

เมื่อไปดูเส้นทางที่นายพิธา จะได้รับโหวตให้เป็นนายกรัฐมนตรี มีเสียงตอนนี้ 316 ที่นั่ง ซึ่งยังขาด 60 เสียง

และเมื่อย้อนคำสัมภาษณ์ของส.ว. ที่มีแนวโน้มจะสนับสนุนนายพิธาประมาณ 20 เสียง ซึ่งนั่นหมายความว่าจะต้องไปหาเสียงมาเพิ่มอีก 40 เสียง

โดยวันนี้พรรคก้าวไกล จัดประชุม ส.ส. ทั้งผู้ที่ได้รับเลือกตั้งและไม่ได้รับเลือกตั้งรวม 500 คน โดยนายพิธา กล่าวขอบคุณทุกคนที่มีส่วนในความสำเร็จของพรรคก้าวไกลในการเลือกตั้ง 14 พฤษภาคม 2566

มีรายงานว่าในการประชุม นายพิธา เน้นย้ำ ให้ว่าที่ส.ส.ออกไปขอบคุณประชาชน และเริ่มทำงานได้ทันที ไม่ต้องรอ กกต. รับรองผล เพราะประชาชนได้แสดงเจตจำนงชัดเจนแล้ว ที่สำคัญที่สุดต้องห้ามทำตัวกร่าง ห้ามเจ้ายศเจ้าอย่าง

และให้ท่องจำประโยคนี้ไว้ให้ดี "ใหญ่กว่าเราคือพรรค ใหญ่กว่าพรรคคือความหวังของประชาชน"

“และจากคะแนนนิยม 6.3 ล้านเสียงในปี 2562 มาเป็น 14 ล้านเสียงในปี 2566 กลายเป็นพรรคที่ประชาชนไว้วางใจมากที่สุดในประเทศไทย นี่คือโอกาสที่แท้จริงในการสร้างความเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง เป็นจังหวะประวัติศาสตร์ ความคิดอุดมการณ์แบบพรรคก้าวไกลกลายเป็นความคิดกระแสหลักของสังคม”

พรรคเราโตขึ้นเรื่อยๆ แต่เราต้องทำตัวให้เล็กลงเรื่อยๆ

อีก 1 เสียงก็สำคัญ!