"ธนกร" เชื่อดีลตั้งรัฐบาลก้าวไกลไม่สะดุด​ มอง​ "รทสช."​ ควรรีแบรนด์​ให้ทันโลกยุคใหม่​ บอก​ ไม่ก้าวล่วงตอบแทน​ หลังสะพัด "พล.อ.ประยุทธ์​ -​ พล.อ.ประวิตร​" เตรียมอำลาการเมือง​ ก่อนคุยว่าที่ส.ส.ใหม่​กำหนดทิศทางพรรค 22 พ.ค.นี้

นายธนกร​ วังบุญคงชนะ​ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี​ ในฐานะรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ​ กล่าวถึงทิศทางการทำงานของพรรคในอนาคต ว่า​จากที่ตนได้พูดคุยกับนายเอกนั​ฏ​ พร้อม​พันธุ์​ เลขาธิการ​พรรค​ เราต้องถอดบทเรียนในการทำการเมือง​ว่าวันนี้โลกมันเปลี่ยน​ แม้คะแนนพลเอกประยุทธ์​ จันทร์​โอชา​ นายก​รัฐมนตรี​และ​รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​กลาโหม​จะสูงกว่า​ 5 ล้านเสียงและสูงกว่าหลายพรรค​ แต่ยุทธศาสตร์​การเลือกตั่งจะต้องปรับเปลี่ยนบ้างเนื่องจากเป็นโลกคนรุ่นใหม่​ ฉะนั้นการหาเสียงจะต้องมีการปรับเปลี่ยนโดยใช้เรื่องดิจิทัล​ และใช้คนรุ่นใหม่ของพรรคให้มากขึ้น​ ซึ่งจะต้องปรับยุทธศาสตร์​ของพรรคให้สมดุลกับคนทุกรุ่นให้ไปด้วยกันได้ พร้อมมั่นใจว่าพรรค รทสช.จะไปได้อยู่ในอนาคต​ แต่ต้องมรการรีแบรนด์พรรคและใช้ความสามารถของคนทุกรุ่นมาผสมผสานกัน​

ส่วนมีความเป็นไปได้หรือไม่ที่นายเอกนัฏ​ ขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรคแทน นายพีระพันธุ์​ สาลี​รัฐ​วิภาค​ นายธนกรกล่าวว่า​ ประเด็นดังกล่าวเป็นเรื่องของอนาคต​ แต่จากที่ตนมอง นายเอกนัฏเป็นคนที่มีรุ่นราวคราวเดียวกันกับตน​ ตนแค่เสนอความเห็นว่าพรรคต้องมีการปรับ​ แต่พอเทรนด์​มันเกิดในสถานการณ์​การเลืิกตั้งเราก็ต้องปรับตัวให้ทันการเป็นโลกยุคใหม่ให้ได้​

ส่วนจะมีการพูดคุยกับว่าที่ส.ส.ของพรรคเมื่อใดนั้น​ นายธนกร​ กล่าวว่า​ เท่าที่ทราบวันจัน​ทร์ที่​ 22 พ.ค.นี้เวลา​ 16.00 น.ก็จะมีการประชุมส.ส.ทั้ง​ 36 คนที่ทำการพรรค

ส่วนได้มีการหารือนายสุชาติ​ ชม​กลิ่น​รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​แรงงาน​ แกนนำพรรคแล้วหรือไม่​ นายธนกรกล่าวว่า​ จากที่ได้พูดคุยนายสุชาติก็ผิดหวังบ้าง​ เพราะนายสุชาติตั้งใจทำการเมืองมาก และอยากให้พลเอกประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่งเช่นเดียวกับตน เพราะเราทั้งสองคนมากับพลเอกประยุทธ์​ รวมถึงส.สในพื้นที่ภาคใต้ของตนก็ไม่เข้าเป้า ได้มาเพียง 14 ที่นั่ง แต่ถึงอย่างไรก็พอใจ ไม่ได้มีอะไร​ และขณะนี้ก็พูดคุยกับนายสุชาติอยู่ตลอด

เมื่อถามว่าสาเหตุที่ทำให้จำนวนส.สของพรรคไม่เข้าเป้า ส่วนหนึ่งมาจากการแยกพรรคของรวมไทยสร้างชาติกับพลังประชารัฐใช่หรือไม่ เนื่องจาก หากนำคะแนนในพื้นที่มาบวกรวมกัน จะได้มากกว่าผู้ชนะในหลายพื้นที่​ นายธนกร​ กล่าวว่า​ เป็นเพียงส่วนหนึ่งแต่ยังคงมีอีกหลายองค์ประกอบ ขึ้นประเด็นนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่ง พร้อมย้ำว่า หลายสิ่งหลายอย่างต้องปรับปรุง และปรับตัว และวันนี้เอง เห็นพรรคว่าที่รัฐบาล ก็ประกาศตั้งรัฐบาลได้ ผมก็ยินดีด้วย จะได้เข้าไปบริหารตามนโยบายของท่าน แต่อย่างที่ตนเคยบอกฝากไปยังพรรคก้าวไกล พร้อมกับอยากให้ลูกพรรคก้าวไกลหลายคนหยุดพฤติกรรม ควรมีวุฒิภาวะให้มากกว่านี้ ไม่ควรไปกดดันส.ว. จากทาง Social Media หรือโพสต์ข้อความข่มขู่ ซึ่งควรหยุดพฤติกรรมแบบนี้ได้แล้ว เพราะท่านต้องไปขอเสียงจากเขา แต่วันนี้ก็ยังมีลักษณะแบบนี้อยู่ ดังนั้นจึงเชื่อว่าหากวันนี้ต้องการเสียงสนับสนุนจากส.ว. ก็ควรไปเจรจากับเขาได้เห็นด้วยผล หรือไปพูดดีๆ เพราะผมคิดว่า ส.ว. ทุกคนเป็นบุคคลที่มีวุฒิภาวะ ท่านต้องมององค์ประกอบหลายอย่าง คงไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แตกหากยังใช้พฤติกรรมกดดัน ส.ว.เขาไม่ฟังใครอยู่แล้ว เขามีเอกสิทธิ์ของเขา​ พร้อมเปรียบว่าผมจะโหวตให้ท่านแล้วท่านด่าผมทุกวัน​ แล้วผมจะโหวตให้ทำไม​ พร้อมย้ำว่าต้องพูดคุยกันที่ดี​ และในส่วนของตนก็พร้อมจะทำหน้าที่ฝ่ายค้านในการตรวจสอบรัฐบาลอยู่แล้ว

เมื่อถามว่าได้ติดตามข่าวการแถลงร่วม 8 พรรคจัดตั้งรัฐบาลแล้วหรือไม่​ นายธนกรกล่าวว่า ตนไม่ได้ติดตามการแถลงข่าว​ แต่ทราบว่าสามารถจัดตั้งได้แล้ว ส่วนที่เขารวมสิ่งได้ 313 เสียงและมั่นใจว่าสามารถตั้งรัฐบาลได้นั้น​ ก็ท่านมั่นใจ​ แต่ผมบอกว่า ความมั่นใจของท่านก็ต้องไปบอกลูกทีม ว่าควรที่จะหยุดพฤติกรรมกดดันหรือใช้วาจาข่มขู่ส.ว.​ เพราะทุกคนในประเทศ​ก็หวังดีกันทั้งนั้น​ แต่ถ้ามีพฤติกรรมแบบนี้ ก็ไม่มีใครสนใจใคร พร้อมยังว่าตนไม่ได้มีปัญหาส่วนตัว แต่ ในเรื่องของการแก้ไขมาตรา 112 นั้นตนไม่เห็นด้วย และจะไปยกมือให้นายพิธา​ ลิ้มเจริญรัตน์​ หัวหน้าพรรคก้าวไกล​ เป็นนายกรัฐมนตรีตนคงไม่ทำ​ เพราะการหาเสียงของตนและพรรคบรมไตรสร้างชาติยืนยันมาโดยตลอดว่าไม่มีการแก้ไขมาตรา 112

เมื่อถามถึงกระแสวงเจรจาจะต้องรัฐบาลวานนี้ ในเนื้อหาสัตยาบันไม่มีการระบุการแก้ไขมาตรา 112 นายธนกรกล่าวว่า ตนเห็นว่ามันยังไม่ได้ตกผลึก​ แต่บางพรรคการเมืองก็ไปไกลในเรื่องของนโยบายอยู่แล้ว ฉะนั้นอยากให้พรรคร่วมรัฐบาลเห็นแก่บ้านเมืองเยอะๆ ซึ่งตนจะเอาใจช่วย

เมื่อถามว่าพลเอกประยุทธ์ได้มีการปรารภถึงการจับขั้วรัฐบาลหรือไม่ นายธนกรกล่าวว่า พลเอกประยุทธ์ไม่ได้พูดอะไรเพียงแต่กล่าวว่า ขอให้พรรคอันดับ 1 จัดตั้งรัฐบาลไป​ ก็บอกว่าต้องไปตามรัฐธรรมนูญให้เขาตั้งไป พร้อมยืนยันว่าพลเอกประยุทธ์ไม่ได้มีอะไรและอารมณ์ก็ยังดี ไม่ได้มีปัญหาอะไร เข้าใจสังคมการเมืองอยู่แล้ว จึงไม่มีปัญหาอะไร

ส่วนพลเอกประยุทธ์จะมีความหวังจะได้กลับมาอีกหรือไม่ นายธนกรปฏิเสธโดยระบุว่าเรื่องนี้ตนไม่สามารถตอบแทนพลเอกประยุทธ์ได้

เมื่อถามว่าหากการจับขั้วรัฐบาลไม่สามารถทำได้จะมีโอกาสที่พรรครัฐบาลเดิมจะจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ นายธนกรกล่าวว่า แต่ว่าก็มั่นใจว่า พรรคที่ได้ลำดับ 1 เขาก็น่าจะจัดตั้งได้อยู่แล้ว​

ส่วนหลังจากนี้พลเอกประยุทธ์จะมีการแถลงถึงทิศทางทางการเมืองหรือไม่​ นายธนกรกล่าวว่า พลเอกประยุทธ์​ ไม่ได้เปรย แต่พลเอกประยุทธ์ ให้กำลังใจผู้สมัครส.ส.พรรคทุกคน​ พร้อมย้ำว่า​ พลเอกประยุทธ์ยังไม่ได้มีการพูดอะไร ถึงเรื่องการวางมือทางการเมือง ซึ่งตนไม่ขอเข้าร่วม ก็แล้วแต่ที่ว่าท่านจะทำอะไรต่อไปก็แล้ว แต่พวกเราพร้อมที่จะสนับสนุนเองก็จะยืนเคียงข้างคนอื่นประยุทธ์อยู่แล้ว

เมื่อถามย้ำถึงกระแสข่าว การวางมือทางการเมืองทั้งของพลเอกประยุทธ์​ และพลเอกประวิตร​ วงษ์สุวรรณ​ รองนายกรัฐมนตรี​ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ​ นายธนกร​ กล่าวว่า​ เรื่องนี้ตนไม่ทราบ​ และไม่กล้าไปก้าวล่วง