ผัวระแวงเมียแอบคบชู้บีบคอเมียดับ ทาแป้งแต่งหน้าให้ ก่อนใช้มีดกรีดแขน แทงท้องตัวเองจนไส้ไหล แขวนคอตายตาม ลูกชายช็อกกลับบ้านมาเจอสองศพในห้อง

จากกรณีสองสามีภรรยาเสียชีวิต ในบ้านพัก หมู่ 4 ต.หนองสิม อ.เขมราฐ จ.อุบลราชธานี เมื่อเวลา 20:47 น. วันที่ 24 เมษายน 2566 เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบผู้เสียชีวิต คือ นายไพระณา อายุ 49 ปี และนางสาวกองศรี อายุ 46 ปี สภาพศพนายไพระนา ฝ่ายชายมีบาดแผลฉกรรจ์บริเวณคอ ข้อมือทั้งสองข้าง บริเวณหน้าท้องมีไส้ทะลักออกมา พร้อมมีบาดแผลถูกแทงที่ท้อง และมีเชือกผูกคอบริเวณขื่อบ้าน สวมกางเกงขายาวสีดำไม่สวมเสื้อ

ส่วนนางสาวกองศรี นอนเสียชีวิตอยู่บนที่นอน สวมกางเกงขายาวสีดำ เสื้อสีชมพู ใกล้กันพบอาวุมีด กระป๋องแป้ง และน้ำยาล้างห้องน้ำ แต่ไม่พบร่องรอยหรือบาดแผล มีเพียงคราบเลือดที่ติดตามเสื้อผ้า

คุณนฤทธิ ทีมข่าวช่อง 8 เดินทางไปที่เกิดเหตุ พบว่า บนพื้นบ้านยังมีคราบเลือดหยดเลือดอยู่เต็มพื้น และฟูกที่นอน สอบถามนายณัฐพล อายุ 18 ปี เล่าให้ฟังว่า ช่วงเช้าก่อนเกิดเหตุ พ่อได้ขี่รถมอเตอร์ไซค์ไปส่งแม่ที่สามแยกบ้านหนองผือ ห่างจากบ้านประมาณ 2 กิโลเมตร โดยแม่บอกว่าจะเดินทางไปที่จังหวัดอำนาจเจริญ เพื่อจะไปทำบัตรประกันสังคม ขอสิทธิรับเงินคนว่างงาน เมื่อพ่อไปส่งแม่เสร็จ ได้กลับมารอที่บ้าน แต่ขณะรอแม่อยู่บ้าน มีอาการร้อนรน เดินไปเดินมา ไม่รู้เป็นอะไร

ก่อนที่เวลาประมาณเที่ยงกว่า แม่ได้เดินทางกลับมาที่บ้านเอง เมื่อเจอกับพ่อ จากนั้นพ่อกับแม่ก็ได้ทะเลาะมีปากเสียงกันรุนแรง โดยพ่อระแวงว่า แม่ไปแอบมีชายอื่นและหึงหวง ตนเองเมื่อเห็นทั้งสองทะเลาะกันในบ้าน ไม่อยากฟังเพราะทะเลาะกันประจำ เป็นปัญหาเดิมๆ จึงได้ขี่มอเตอร์ไซค์ออกไปนอนเล่นที่นา และเลี้ยงวัว

จากนั้นเวลาประมาณ 1 ทุ่ม ตนเองได้เดินทางกลับมาที่บ้าน เห็นไฟที่บ้านปิดมืด ตะโกนเรียกก็ไม่มีเสียงตอบรับ จึงเดินขึ้นบันไดไปดูบนชั้น 2 จนพบว่า ทั้งพ่อกับแม่เสียชีวิตแล้ว โดยพ่อใช้เชือกผูกคอตายกับขื่อบ้าน มีแผลเต็มตัวเลือดไหลเต็มพื้นบ้าน ส่วนแม่นอนเสียชีวิตอยู่บนฟูกที่นอน ด้วยความตกใจตนเองจึงรีบวิ่งไปบอกยายที่อยู่ข้างบ้านให้ขึ้นมาดูศพ และรีบโทรแจ้งตำรวจ

ตนเองเชื่อว่า สาเหตุที่ทำให้ทั้งสองเสียชีวิต น่าจะเกิดจากความหึงหวงของพ่อ ที่พักหลังถึงแม้จะเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยพูด แต่ค่อนข้างจะเป็นคนคิดมาก และอาจจะไปรู้อะไรบางอย่างที่เชื่อว่า แม่อาจปันใจให้ชายคนอื่น ไม่ได้เดินทางไปทำบัตรประกันสังคมจริงๆ อย่างที่แม่บอก พ่อจึงลงมือทำร้ายแม่จนตาย เพราะความหึงหวง

ก่อนจะทำร้ายตัวเองด้วยการใช้มีดแทงตัวเอง ทั้งใช้มีดกรีดข้อมือ แทงท้อง แทงหลังตัวเองหวังตายตาม แต่พ่ออาจจะกลัวไม่ตาย จึงได้ใช้เชือกผูกคอตัวเองและยืนบนกระสอบข้าวแล้วทิ้งตัวผูกคอตายในที่สุด ซึ่งตนเองไม่รู้จริงๆ ว่า พ่อรู้ได้อย่างไรว่าแม่ไปหาชายคนอื่น ซึ่งตนเองที่ผ่านมาก็ไม่รู้เช่นกันว่า แม่ไปแอบเจอชายคนอื่นจริงหรือไม่

ทีมข่าวได้ภาพวงจรปิดก่อนตาย พบว่า เมื่อเวลาประมาณ 06.52 น. นายไพระณา ขี่รถมอเตอร์ไซค์พานางสาวกองศรี ซ้อนท้ายออกไปจากหมู่บ้าน ทราบว่าไปส่งเมียที่บริเวณสามแยกบ้านหนองผือ เพื่อทำบัตรประกันสังคม ขอสิทธิ์รับเงินคนว่างงาน ก่อนที่นายไพระณา จะขี่รถกลับมาบ้านคนเดียว

กระทั่งเวลาประมาณ 07.30 น. นายไพระณา เดินกระวนกระวายมาที่ร้านค้าเหมือนคนร้อนใจ เจ้าของร้านได้สอบถามไปว่าเป็นอะไร นางไพระณาก็บอกว่า “โกรธกับเมีย” พร้อมกับเดินวนไปวนมาหน้าร้าน และยังบอกอีกว่า “วันนี้ผมอารมณ์ไม่ดี ใจคอไม่ดีเลย” แต่ไม่ยอมเล่ารายละเอียดให้ฟัง เจ้าของร้านจึงพูดให้สงบสติอารมณ์ไปว่า “ใจเย็นๆนะลูก มีอะไรก็ค่อยๆปรึกษากัน เวลาโมโหอย่าใช้ความรุนแรง เขาเป็นผู้หญิง มีอะไรก็ค่อยพูดค่อยจา เรามีลูกแล้วตั้ง 2 คน”

ยอมรับว่าเหตุการณ์นี้สลดใจมาก เพราะตอนที่ตนเองไปดูศพพร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ สังเกตเห็นใบหน้าของฝั่งเมียยังแต่งหน้าสวย ทาปากแดง คาดว่าทุกอย่างคงเกิดขึ้นเร็วมาก สวนมีดที่เจอในที่เกิดเหตุ ก่อนหน้านี้ตนเคยได้ยินเรื่องเล่าของมีดเล่มนี้มาก่อน มีคนเล่าให้ฟังว่า ทุกครั้งที่ทั้งคู่ทะเลาะกัน ฝั่งเมียชอบเอามีดเล่มนี้มาเก็บไว้ใต้หมอน หรือไม่ก็เอามากอดไว้ ทำให้ตอนแรกที่มีการพบศพ ทุกคนก็เลยสันนิษฐานเหมือนกันว่าเมียเป็นคนฆ่าผัว แต่ก็ยังไม่มีใครปักใจเชื่อ เพราะถ้าเมียฆ่าผัวจริง ทำไมศพผัวถึงอยู่ในสภาพถูกผูกคอ

ขณะที่ ยายทุมพร อายุ 70 ปี แม่ของนางสาวกองศรี บอกกับทีมข่าวว่า ตนเองถึงแม้จะอยู่บ้านติดกันแต่ไม่รู้เรื่องเลยว่า ทั้งสองมีปากเสียงจนถึงฆ่ากันในบ้าน มารู้ช่วงค่ำแล้ว เพราะหลานกลับบ้านมาเจอและวิ่งมาบอกตนเอง ตนเองรีบขึ้นไปดูบนบ้าน เห็นศพของทางสองหัวใจแทบสลาย เพราะทั้งสองคนถือเป็นเสาหลักที่หาเลี้ยงตนเองมาตลอด ไม่คิดว่า ลูกเขยจะฆ่าลูกสาวตนเองได้ขนาดนั้น

ก่อนหน้านี้ยอมรับว่า ลูกสาวกับลูกเขยทะเลาะกันบ่อย ลูกเขยชอบคิดว่า ลูกสาวไปมีชายคนอื่น ซึ่งตนเองก็ไม่รู้ว่าลูกสาวไปมีชายอื่นจริงหรือไม่ เพราะตนเองก็ไม่เคยเห็นลูกสาวพาชายอื่นมาที่บ้านสักครั้ง ก่อนหน้านี้ตนเองเคยบอกทั้งสองคนแล้วว่า “หากอยู่กันต่อไม่ไหว ก็แยกทางกันอยู่ก็ได้ จะได้ไม่ต้องทะเลาะกัน” แต่ทั้งสองก็ยังคบกันต่อ ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด แต่ลูกเขยเป็นคนเงียบๆไม่ค่อยพูด ซึ่งตนเองก็ไม่คิดว่า ลูกเขยจะทำแบบนี้ โดยวันนี้ก็ได้ฝังศพทั้ง 2 โลงไว้คู่กัน

ส่วนความคืบหน้าทางคดี ทีมข่าวช่อง 8 สอบถามไปยัง พันตำรวจเอกอดุลย์ สุรำไพ ผู้กำกับ สภ.เขมราฐ ให้ข้อมูลว่า จากการตรวจสอบสภาพศพของผู้ตายทั้งสอง ไม่พบว่า สารพิษภายในกระเพาะอาหาร ฝ่ายหญิงพบมีอาหารในกระเพาะ ส่วนฝ่ายชายไม่มีอาหารในกระเพาะ คาดว่า ไม่ได้กินข้าวมานานหลายชั่วโมง น่าจะเกิดจากความเครียดก่อนจะก่อเหตุ

การสันนิษฐานของเจ้าหน้าที่ วันเกิดเหตุคาดว่าฝ่ายชายได้มีปากเสียงทะเลาะกับฝ่ายหญิง ก่อนจะลงมือใช้มือบีบคอฝ่ายหญิงจนเสียชีวิต เพราะพบว่า ฝ่ายหญิงเสียชีวิตจากการขาดอากาศหายใจ

จากนั้นฝ่ายชายเมื่อเห็นว่า ได้ฆ่าเมียตัวเองตาย เกิดสติแตก คุมตัวเองไม่ได้ และด้วยความเสียใจ จึงได้ไปหยิบน้ำยาล้างห้องน้ำหวังจะกินเพื่อฆ่าตัวตาย แต่เมื่อนำมาแล้ว ฝ่ายชายอาจเกิดเปลี่ยนใจ และเปลี่ยนไปใช้มีดทำร้ายตัวเองแทน

แต่ก่อนที่จะลงมือแทง คาดว่า ด้วยความที่เจ้าตัวรักเมียตัวเองมาก นายไพระณา คาดว่าได้นำแป้งมาทาใบหน้าให้กับเมียอีกด้วย เพราะสภาพศพฝ่ายหญิง มีแป้งอยู่เต็มใบหน้า

ซึ่งหลังจากแต่งหน้าให้เมียเสร็จ นายไพระณาถึงได้ใช้มีดแทงเข้าที่บริเวณท้อง ด้านหลัง และใช้มีดกรีดคอ และข้อมือทั้งสองข้าง หวังฆ่าตัวเองตายตาม แต่เจ้าตัวอาจจะกลัวไม่สำเร็จ จึงใช้เชือกแขวนกับขื่อบ้าน โดยขึ้นไปเหยียบกระสอบข้าวสารที่อยู่ภายในห้องนอน แล้วทิ้งตัวแขวนคอตายตาม ไม่ได้เป็นการจัดฉากฆาตกรรมแต่อย่างใด