ฟังชัด ๆ !! "พิธา" ลั่นทหารยังสำคัญต้องมี แต่ควรสมัครใจ ซัด "บิ๊กตู่" มีรัฐประหารทุก 5 ปี คงไม่เรียกประชาธิปไตยเกินใบ

20 เม.ย. 66 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวช่อง 8 ถึงกรณีการถูกโจมตีหนักเรื่องนโยบายเกณฑ์ทหาร โดยเฉพาะคำพูดที่ว่า “ผมไม่เชื่อถ้ารบกันจริงก็ไม่คิดว่าทหารไทยรบชนะได้”

 

นายพิธา ยืนยันว่าข้อความดังกล่าวเป็นการบิดเบือน ซึ่งตนเองถูกกระทำเป็นประจำในทางการเมือง โดยยกตัวอย่างเช่นที่ตนเคยพูดเรื่องการจัดงบประมาณของประเทศที่เกรงว่าอาจจะไม่มีเงินมาจ่ายในเรื่องเงินบำนาญของข้าราชการ ซึ่งต้องการให้มีมั่นคง โดยมีการอภิปรายไป 40 นาที แต่ก็ตัดออกมา 30 วินาที
ฉะนั้นตนยืนยันว่าทหารยังมีความสำคัญกับประเทศไทย แต่ต้องเป็นทหารที่เป็นมืออาชีพ แล้วการที่เราลดการเกณฑ์ทหารลงให้เป็นการสมัครใจ เราจะมีงบประมาณเพิ่มขึ้นมาหมื่นล้าน ซึ่งจะเอางบประมาณเหล่านี้จะเอาไปสู้กับความท้าทายอื่นๆ และจะเอางบประมาณไปดูสวัสดิการ รวมถึงดูแลสิทธิมนุษยชนของทหารชั้นผู้น้อย ตนเชื่อว่าถ้าทหารที่ตนฟังอยู่หรือที่ตนไปหาเสียงแล้วเข้ามาจับมือเข้ามาขอบคุณ เชื่อว่าเขาเข้าใจว่าสิ่งที่พรรคก้าวไกลต้องการทำในเรื่องการยกเลิกเกณฑ์ทหาร ซึ่งไม่เท่ากับการยกเลิกทหาร ซึ่งยังมีทหารอยู่ 6 หมื่นกว่านายในประเทศไทย แต่มาจากการสมัครใจเพื่อจะมีงบประมาณไปดูแลประชาชน ดูแลสวัสดิการทหารชั้นผู้น้อย หรือแม้กระทั่งเอาไปซื้อเทคโนโลยีความในการสู้กับความมั่นคงใหม่ๆ ที่มากับไซเบอร์ ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยมั่นคงขึ้นเป็นกองทัพที่เป็นมืออาชีพ รวมถึงยังมีงบประมาณเหลือในการดูแลเศรษฐกิจอีกด้วย

 

ส่วนกรณีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พูดล่าสุดถึงเกณฑ์ทหารยังจำเป็นเพื่อรักษาอธิปไตยของชาติ นายพิธา กล่าวว่า มีความจำเป็นแต่จำนวนไม่เหมาะสม และงบประมาณด้านความมั่งคงของทหารมากเกินไป จนไม่มีงบประมาณไปดูแลสวัสดิการดูแลประชาชน และการสร้างเศรษฐกกิจ หากดูตัวเลขของ SME 2,700 ล้านที่ดูแลพ่อค้าแม่ค้า และ 2 แสนล้านที่เป็นงบประมาณของกองทัพ ซึ่งต่างกันเยอะทั้งนี้หากถามว่ายังจำเป็นที่ต้องมีกองทัพอยู่หรือไม่นั้น ยังจำเป็น แต่มากเกินไป ดังนั้นต้องหาสมดุลให้ประเทศให้ได้

 

ส่วนที่พลเอกประยุทธ์ ระบุว่า ปัจจุบันบ้านเราก็มีประชาธิปไตยเกินใบแล้ว คือใบครึ่ง ไม่ใช่ยุคเผด็จการอีกต่อไป นายพิธา กล่าวว่า นิยามประชาธิไตยของตนและของพลเอกประยุทธ์ คงไม่ตรงกัน และต้องถามกลับว่านิยามประชาธิปไตยเกินใบของพลเอกประยุทธ์ ที่เป็นผู้ยึดอำนาจมาผ่านมาทำรัฐประหารว่านิยามคืออะไร แต่สำหรับตนการเป็นประชาธิปไตยได้ไม่ใช่มีแค่การเลือกตั้ง หรืออิสระของสื่อ คือการควบคุมวาระของสังคม เลือกตั้งต่อเนื่อง และเมื่อมีการถ่ายอำนาจให้กันและกันต้องทำด้วยความสงบสุข แต่ถ้ามีรัฐประหารเกิดขึ้นทุก ๆ 5 ปี เราไม่เรียกว่าประชาธิปไตยเต็มใบ หรือการต้องมาคุยระหว่างอำนาจของประชาชนที่มาจากการเลือกตั้งกับการลากตั้งของวุฒิสภา คงไม่ใหนึ่งในนิยามของประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ ยังคงเป็นครึ่งใบอยู่และพรรคก้าวไกลหวังว่าจะทำให้เต็มใบให้ได้