"บิ๊กตู่" ลั่น นโยบาย "รทสช." ให้มากกว่า รับไปเลย 12,000 บาทต่อปี เมินผลโพลตกอันดับ ยันไม่เสียกำลังใจ เหน็บบางพรรคการเมือง ออกนโยบาย คิดเอง เออเอง ไร้หลักการ แต่หากคนชอบ ก็กรรมเวรของประเทศ

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานยุทธศาสตร์ ให้สัมภาษณ์  ก่อนลงพื้นที่ตลาด อตก. ว่า ก่อนอื่นต้องขอโทษประชาชนด้วย ที่วันนี้มีความจำเป็นออกมาลงพื้นที่ ในฐานะเป็น แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ในนามพรรครวมไทยสร้างชาติ ถือเป็นกติกาที่ต้องหาเสียง  ดังนั้นต้องขอโทษหากรบกวนคนที่มาตลาด  แต่ก็ยินดีที่ทุกคนให้การต้อนรับอย่างดียิ่งทุกคน มีมิตรไมตรีให้กัน ขออวยพรให้ทุกคนประสบความสำเร็จ ในการค้าขายต่างๆและ ทำให้ตนมีการบ้านกลับไปคิดอีกว่าจะทำอะไรให้ดีขึ้นกว่าเดิม เป็นการทำต่อและทำใหม่ให้ดีขึ้นกว่านี้อีก ปัญหาบ้านเรา มีคือร้านค้าเล็กๆน้อยๆค่อนข้างเยอะ กำลังการผลิตเยอะ แต่กำลังซื้อน้อยไปจะต้องทำให้ทั้ง 2 ทางไปด้วยกัน ทั้งคนขายและคนซื้อ สามารถพึ่งพา อาศัยซึ่งกันและกันได้ในการเพิ่มรายได้ให้กับประชาชนในระดับฐานราก เพราะเป็นส่วนสำคัญของประเทศไทย ทั้งในวันนี้และวันหน้า หากเราสามารถพึ่งพาตัวเองได้ ใช้จ่ายในพื้นที่ได้ เงินก็จะหมุนเวียนในระบบมากขึ้น ในส่วนของงบประมาณรัฐบาลที่เพิ่มเติมมา คือเรื่องของการลงทุน โดยเฉพาะการลงทุนจากต่างประเทศ ที่เรายังมีแผนงาน ซึ่งจะมีผลในไม่อีกกี่ปีข้างหน้า เป็นการเติมทั้ง 2 อย่างประเทศไทยก็จะมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน

 

พลเอกประยุทธ์ ยังอธิบายถึงนโยบาย ที่จะให้เงินมากกว่า 10,000  บาท ที่เป็นนโยบายของพรรครวมไทยสร้างชาติ ว่า หากลองดูตัวเลขง่ายๆ ถ้าตัวเลขที่เราทำได้คำนวณดูแล้ว ไม่ผิดกติกาไม่ผิดกฎหมาย ตั้งวงเงินไว้ เดือนละ 1,000 บาท ถ้ารวมทั้งปีได้ 12,000 บาท อันนั้นถ้าเปรียบเทียบ 10,000 บาทกี่เดือน ในระยะเวลา 6 เดือน ที่ใช้ และเป็นการให้ครั้งเดียว แต่สิ่งที่เราทำจะได้ทุกเดือน และมันพุ่งเป้าไปสู่กลุ่มที่เขามีความเดือดร้อนจริง การใช้เงินไม่ใช่จะหว่านไปทั่วไม่ได้ อันนี้เป็นความคิดเห็นของต่างประเทศด้วย เราก็นำมาวิเคราะห์วิจัยว่าอะไรทำได้หรือทำไม่ได้ อย่าลืมว่าเราจะต้องให้ความ สำคัญกับเสถียรภาพการเงิน ของเรา ที่แข็งแกร่ง

 

เมื่อถามว่าของเดิมที่ทำอยู่จะดีกว่าตรงที่ใช้ได้ทั้งประเทศไม่ได้กำหนด รัศมีในการใช้ใช่หรือไม่ พลเอกประยุทธ์ กล่าวว่า ก็น่าจะเป็นอย่างนั้น เพราะใช้ได้ทุกพื้นที่ อย่าลืมว่าบางร้านค้าข้างล่างที่หวังจะไปเก็บเงินอะไรเขา มีปัญหาอยู่ตรงที่บางร้านเป็นร้านเล็กๆน้อยๆ อาจไม่ได้จดทะเบียนด้วยซ้ำ ซึ่งเราก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเหมือนกัน นอกจากยกระดับให้เขาดีขึ้นเพื่อเข้าสู่ระบบในการจดทะเบียน ห้างร้าน เพราะถ้าไม่จดทะเบียนขึ้นทะเบียนก็พัฒนาไม่ได้ เก็บภาษีไม่ได้ แต่ก็เห็นใจเพราะบางคนรายได้น้อย เข้าใจหรือไม่ลองคิดเปรียบเทียบอย่างนี้

 

"ผมไม่ได้ ติเตียน ว่าใคร ทั้งหมด ผมบอกเหตุผลของผม และล่าสุดผมเป็นผู้บริหารเองในขณะนี้ลองเปรียบเทียบดูแล้วกัน ถ้าไม่พุ่งเป้า เราจะเพียงพอหรือไม่ ถ้าไม่แก้ปัญหาแบบพุ่งเป้า ใครเดือดร้อนมากเดือดร้อนน้อยก็ต้องดูแลกันตามนั้น ทุกเรื่อง ก็ต้องทำตามนี้ในหลักการ"

 

พล.อ ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงในนโยบายที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง ให้ส่งตามกำหนดระยะเวลา ว่า พรรคทำแล้วและต้องส่งให้ทันคงใกล้เสร็จหมดแล้ว เผลอๆจะเสร็จหมด แล้วด้วยซ้ำไป เพราะเมื่อวานตนก็ได้ถาม ทราบว่าใกล้เสร็จแล้ว เพราะเขาทำมาหลายวันแล้ว และรู้ว่าต้องชี้แจง กกต .ที่ของเงินอย่างไร จากต้องคำนึงถึงรายรับ ที่มีอยู่ และรายจ่ายที่ต้องมีอยู่แล้วเดิม ซึ่งการดูแลผู้มีรายได้น้อยก็มีอยู่แล้ว ซึ่งทุกนโยบายต้องผ่านประธานยุทธศาสตร์ไม่เช่นนั้นจะเป็นประธานไปทำไม เพราะประธานไม่ได้มีหน้าที่นั่งเฉยๆ

 

เมื่อถามว่าผลโพลตกไปอยู่อันดับ 3 ที่ออกมาทำให้เสียกำลังใจหรือไม่ พลเอกประยุทธ์ กล่าวทันที ว่า ไม่เสียหรอก ก็เป็นเรื่องของประชาชน เป็นเรื่องของประเทศชาติ ว่าจะได้รับอะไรต่อไปก็แล้วแต่ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคน ตนไม่ห้ามและไปว่าอะไรกับใครไม่ได้อยู่แล้ว

 

ส่วนช่วงโค้งสุดท้าย พรรครวมไทยสร้างชาติ จะมีปรับกลยุทธ์ในการหาเสียงอย่างไรหรือไม่ เพื่อให้ผลโพลมาอันดับ 1 พลเอกประยุทธ์กล่าวว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดตนมองในแง่ว่าทำอย่างไรให้ประชาชนเข้าใจ และให้ความร่วมมือ หากเราหาเสียงกันแบบมีแต่ให้ จะเกิดอะไรขึ้น ในอนาคต เราก็ทราบกันมาอยู่แล้ว ที่ผ่านมาก็เกิดเยอะแยะแล้ว แล้วได้อะไรกลับมาหรือไม่ ก็มีปัญหามาตลอด ดังนั้น วันนี้ทุกประเทศในโลก ถ้าใช้วิธีการนี้ ก็คือการดูแลเฉพาะเจาะจง กลุ่มรายได้เท่าไหร่ ควรจะได้อะไร อะไรที่ควรจะได้  ทุกอย่างต้องมี หลักคิด ถ้าจะพูดเอง เอออเอง ทั้งหมด แล้วคนชอบ ก็กรรมเวรของประเทศชาติไปก็แล้วกัน