ผบช.สอท.เผยผลตรวจค้นห้องพักมือแฮกข้อมูล 55 ล้านรายชื่อ พบอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีจำนวนมาก คาดเป็นมืออาชีพ

พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. พร้อม พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท. แถลงผลการตรวจค้นที่พักของจ่าสิบโท ทหารสังกัดกรมการขนส่งทหารบก ผู้ต้องหาในความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งเป็นแฮกเกอร์นาม “9near” ที่นำข้อมูลส่วนตัวของคนไทยกว่า 55 ล้านรายชื่อ ไปเผยแพร่บนโลกออนไลน์

พล.ต.ต.วิวัฒน์ กล่าวว่า ได้รับมอบจาก ผบช.สอท. ให้ไปตรวจสอบที่ห้องพักของผู้ต้องหา พบมีฮาร์ดดิสก์อุปกรณ์รีโมทควบคุมทางไกล อุปกรณ์โน้ตบุ๊ก คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ และฮาร์ดดิสก์อีก 7-8 ตัว อุปกรณ์สำหรับการซ่อมคอมพิวเตอร์จำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ พบเราเตอร์ ซ็อกเก็ต เรื่องการใช้ wifi 3 ค่าย ถือเป็นผู้มีความรู้เรื่องคอมพิวเตอร์เป็นอย่างดี มีความเชี่ยวชาญ ขณะนี้ยังรอผลการตรวจร่องรอยทางคอมพิวเตอร์

ด้าน พล.ต.ท.วรวัฒน์ กล่าวว่า การตรวจค้นครั้งนี้ พบพยานหลักฐานเชื่อมโยงกับคำให้การของผู้ต้องหาว่าเป็นคนซื้ออุปกรณ์มา ทางตำรวจมองว่า กลุ่มคนที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีก็จะหาช่องทางที่จะแสดงตัวตนและความสามารถของตัวเอง จึงก่อเหตุดังกล่าวขึ้น ส่วนการที่ไปซื้อข้อมูลในดาร์กเว็บ ขณะนี้อยู่ระหว่างการขยายผล เนื่องจากเครือข่ายเว็บไซต์ที่ซื้อมาเป็นของต่างประเทศ ส่วนราคาซื้อที่จ่าสิบโทอ้างว่า ซื้อข้อมูลส่วนบุคคลมาในราคา 8,000 บาทนั้น เป็นเพียงคำให้การเบื้องต้น ตำรวจมีสิทธิจะเชื่อหรือไม่อยู่ที่พยานหลักฐาน

ส่วนการนำข้อมูลไปขายต่อหรือไม่นั้น ตามคำให้การยืนยันว่า จากการสอบปากคำมี 3 เจตนา ในการโพสต์ข้อมูลส่วนบุคคลนี้ 1. เพื่อต้องการประกาศขาย เนื่องจากต้องการเงิน 2. ต้องการโพสต์ให้คนสนใจ โดยใช้ข้อมูลของบุคคลมีชื่อเสียง ในลักษณะการข่มขู่ และ 3. เมื่อรู้ว่ามีการติดตามจับกุม ก็เบี่ยงเบนประเด็นไปเรื่องการเมือง เบื้องต้นจากการหลบหนี ผู้ต้องหาคิดว่าตำรวจไม่สามารถจับกุมตัวได้ จึงหลบหนีโดยขับรถไปยังภูมิลำเนา จ.เชียงราย ระหว่างหลบหนีไม่ใช้โทรศัพท์มือถือ และทิ้งเครื่องมือสื่อสารทุกอย่าง แต่มีการทิ้งเบาะแส คือการแวะไปหาเพื่อนตามสถานที่ต่าง ๆ ก่อนมุ่งไปที่ จ.เชียงราย เพียงคนเดียว

ส่วนเส้นทางการเงิน จากการตรวจสอบพบว่าไม่มีการเชื่อมโยงไปยังภรรยา เพราะในบัญชีภรรยามีจำนวนเงินหลักร้อยเท่านั้น

พล.ต.ท.วรวัฒน์ กล่าวว่า จากการสืบสวนตั้งแต่วันที่ 14 มีนาคมที่ผ่านมา ตำรวจตรวจสอบอุปกรณ์ที่ใช้ พบ IP อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ตรงกับอุปกรณ์ที่ตรวจพบในที่พักของจ่าสิบโท และเมื่อตรวจพยานแวดล้อมและสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ก็นำไปสู่การรวบรวมหลักฐาน จนสามารถจับผู้ต้องหาได้ในวันนี้