"หมอชลน่าน" เผย เตรียมเคาะ 3 รายชื่อแคนดิเดตนายกฯ 5 เม.ย.นี้ มอง "ก้าวไกล" ยกตนเองเป็นประชาธิปไตยเพียงพรรคเดียวแค่สีสันการเมือง แจงไม่ส่ง "เอกภพ สายไหมต้องรอด" ในนามเพื่อไทย เพราะคุณสมบัติไม่เหมาะ -ไม่มั่นใจมาจริงหรือไม่

นายแพทย์ชลน่าน  ศรีแก้ว  หัวหน้าพรรคเพื่อไทย  ให้สัมภาษณ์ ระหว่างลงพื้นที่หาเสียงที่จังหวัดระยอง ถึงการยุบสภาว่า เพื่อไทยได้วางไทม์ไลน์สำหรับการเลือกตั้งไว้พร้อมแล้วโดยยึดเกณฑ์ยุบสภา วันที่ 20 มีนาคมนี้ แต่หากคลาดเคลื่อนก็ไม่น่าจะเกินวันที่ 23 มีนาคม

 

ส่วนรายส.ส. บัญชีรายชื่อทั้ง 100 คน พักจะส่งให้แต่ละจังหวัดไปทำไพรมารี่โหวตภายในวันที่ 26 ถึง 28 มีนาคมนี้ ให้เสร็จภายใน 3 วัน จากนั้นส่งกลับมายังกรรมการสรรหา เพื่อจัดเรียงลำดับรายชื่อ แล้วส่งให้กรรมมาการบริหารพรรคภายในวันที่ 1 เมษายน  และวันที่ 5 เมษายน กรรมการบริหารพรรคและตัวแทนสาขาจะมีการเคาะรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี  ส่วนแคนดิเดตนายกฯจะอยู่ในบัญชีรายชื่อ ส.ส.ด้วยหรือไม่นั้นกฎหมายไม่ได้กำหนด แต่ส่วนตัวเห็น ควรอยู่ในบัญชีรายชื่อส.ส.ด้วย  เพราะพรรคเพื่อไทยเคยยื่นแก้กฎหมายให้นายกมาจาก ส.ส. แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความประสงค์ของตัวว่าที่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเพราะกฎหมายไม่ได้กำหนด

 

นอกจากนี้ยังกล่าวถึงกรณีของพลเอกประยุทธ์  จันทร์โอชา  โดยเชื่อว่า พลเอกประยุมธ์ จะไม่ลงบัญชีรายชื่อ แต่หากพลเอก ประยุทธ์ อยากเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง ควรให้ความสำคัญกับสภาด้วย เพราะหากเป็นส.ส.จะได้เห็นว่าสภาผู้แทนราษฎร มีความสำคัญอย่างไร

 

ส่วนกรณีที่พรรคก้าวไกลปราศรัยบนเวทีว่ามีเพียงพรรคก้าวไกลพรรคเดียวเท่านั้นที่เป็นประชาธิปไตย  นายแพทย์ชลน่านมองว่า เป็นสีสันทางการเมืองในการหาเสียงบนเวทีปราศรัย อะไรที่ยกตัวเองเด่นหรือข่มคนอื่นได้มักจะนำมาใช้  เรื่องนี้ตนเองไม่ติดใจจะพิสูจน์ว่าใครเป็นประชาธิปไตยอยู่ที่การกระทำ และอยู่ที่ประชาชน

 

ส่วนกรณีมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงสาเหตุที่นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ จากกลุ่มสายไหมต้องรอดไปลงสมัครส.ส.ในนามพรรคภูมิใจไทย เพราะไม่ได้รับการเสนอชื่อจากพรรคเพื่อไทยนั้น นายแพทย์ชลน่านชี้แจงว่านายเอกภพเคยเสนอจำนงว่าจะลงสมัครในนามพรรคเพื่อไทย ในเขตสายไหมแต่เมื่อคณะกรรมการพิจารณาแล้วก็ไม่มีความเชื่อมั่นว่านายเอกภพจะมาทำงานกับเพื่อไทยจริงหรือไม่ รวมถึงเรื่องคุณสมบัติที่ฝ่ายตรวจสอบดูแล้วมีความสุ่มเสี่ยงในการรับเข้ามา ซึ่งจะเรียกว่าปฏิเสธก็ได้

 

ส่วนจะทำให้เพื่อไทยทำงานหนักในพื้นที่มากขึ้นหรือไม่นั้น นายแพทย์ชลน่านระบุว่ามองในมุมกลับเพื่อไทยมีโอกาสมากขึ้นเพราะนายเอกภพกับว่าที่ผู้สมัครพรรคเพื่อไทยเป็นคนกลุ่มเดียวกัน ทำงานด้วยกันมาตลอด เมื่อมาแข่งกันหากไม่สามารถขยายกลุ่มได้ ฐานคะแนนจะถูกแบ่ง ในมุมของตนเห็นเป็นโอกาสของพรรคเพื่อไทย