"พิจารณ์" ชี้ เหตุเรือหลวงสุโขทัยล่ม จากความบกพร่องของกองทัพเรือ ยุทโธปกรณ์ ชำรุด ไม่พร้อมใช้งาน ถาม "บิ๊กตู่" เรือรบหรือขนมเค้ก จ้องจะกินอะไหล่เรือทุกส่วน

นายพิจารณ์  เชาวพัฒนวงศ์  ส.ส.พรรคก้าวไกล อภิปรายถึงกรณีเรือหลวงสุโขทัยอับปาง ซึ่งมองว่า อาจเกิดได้จาก 3 สาเหตุคือความผิดพลาดของมนุษย์ สภาพอากาศ  และความพร้อมของเรือ 

 

โดยตั้งคำถามว่า ใครเป็นคนออกคำสั่งให้เรือหลวงสุโขทัยกลับฐานทัพสัตหีบ และเหตุใดจึงไม่เข้าเทียบท่าที่บางสะพาน  และหากดูจากศักยภาพของเรือหลวงสุโขทัยแล้วสภาพอากาศ ไม่น่าใช่สาเหตุที่ทำให้เรือล่มได้  เพราะเรือหลวงสุโขทัยสามารถทนต่อ sea  state level 6  หรือทนต่อคลื่นสูง 6 เมตร นอกจากเรือหลวงสุโขทัยจะอยู่ในสภาพไม่พร้อมใช้งาน ประตูผนึกน้ำ ซีนยางขอบประตูใช้งานไม่ได้ เสื่อมสภาพ

 

จึงตั้งคำถามถึงพลเอกประยุทธ์ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมที่ปล่อยประละเลยให้มีการทุจริต ทุกกระบวนการจะซื้อจัดจ้าง รวมถึงการซ่อมบำรุง

 

ซึ่งทางกรรมาธิการการทหารสภาผู้แทนราษฎรได้มีการเชิญกองทัพเรือเข้ามาชี้แจงถึง 4 ครั้ง ซึ่งผ่านมาเกือบสองเดือนกองทัพเรือก็อ้างว่าอยู่ระหว่างการรวบรวมเอกสาร แต่ยังดีที่มีข้าราชการทหารส่งเอกสารการซ่อมบำรุงเรือหลวงสุโขทัยมาให้ ในช่วงปี 2561 ถึง 2565 งบประมาณ 60 ล้านบาท  ซึ่งเป็นเอกสารที่มีอยู่แล้วแต่กองทัพเรือกลับไม่ส่งให้กรรมาธิการ และเมื่อได้อ่านเอกสารก็ถึงบางอ้อว่าต้องการปกปิดข้อมูลการซ่อมบำรุง

 

ซึ่งหากไล่เรียงตามเอกสารก็พบว่ามีการซ่อมบำรุงแล้วแต่ก็ยังมีหลายจุด ตั้งแต่จุดเล็กๆไปถึงจุดใหญ่ๆที่ยังมีปัญหา เช่น สมอเรือ ซ่อมแล้วก็พัง มาตรวัดแรงดันต่างๆใช้การได้บ้างไม่ได้ติดตั้งบ้าง  มอเตอร์น้ำรั่วแถมสั่นรุนแรง  เครื่องจักรหลายตัวสั่นรุนแรงเกินค่ามาตรฐาน  เครื่องกำเนิดไฟฟ้าสำรองซ่อมแล้วก็พัง แม้แต่เครื่องยนต์ที่ติดตั้งใหม่ก็ยังสั่นผิดปกติชัดเจนว่าแรงสั่นไม่ได้เกิดจากเครื่องแค่เกิดจากคุณภาพการติดตั้ง  ทำให้พูดได้เลยว่าไม่ใช่ความบกพร่องโดยสุจริต แต่เป็นความจงใจบกพร่อง  เป็นการทุจริต แบ่งกันกินทำคนละส่วน จนไม่แน่ใจว่าคือเรือรบหรือขนมเค้ก เพราะซ่อมกันอย่างไรและตรวจรับกันอย่างไร

 

นายพิจารณ์ กล่าวว่า กองทัพเรือ ยอมรับในกรรมาธิการ ว่าเครื่องกำเนิดไฟฟ้าสำรองเสีย 1 เครื่องจริง แต่กองทัพเรือก็ยังชี้แจงว่าแม้เสีย 1 เครื่องแต่เรือยังมีความพร้อม จึงอยากให้พลเอกประยุทธ์ ตอบคำถาม ว่าความพร้อมในการรบอยู่ตรงไหนหรือไม่ได้คิดจะรบกับใคร หรือแค่ซ่อมเรือเอาไว้จัดงานวันเด็ก หรือแค่พาผู้หลักผู้ใหญ่ในกองทัพออกไปลอยอังคาร นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องการซ่อมตัวเรือ ซึ่งมีทั้งหมด 13 จุด ที่จะต้องเปลี่ยนเหล็กให้หนาขึ้น ได้ใช้แผ่นเหล็ก AS-36 และลวดเชื่อมที่มีมาตรฐานหรือไม่ จากการตรวจสอบพบว่ามี 8  จุด ที่เหล็กบางกว่ามาตรฐานเดือนกลับไม่ได้เปลี่ยน แต่กองทัพเรือกลับไม่ได้ซ่อม และในทางกลับกันมี 10 จุด ที่ความหนาของเหล็กได้มาตรฐาน แต่กลับมีการซ่อมบำรุง แสดงให้เห็นถึงความบกพร่องอย่างชัดเจน เพราะในจุดที่ไม่ได้ซ่อมมีความสำคัญต่อความเป็นความตายของเรือ เนื่องจากตรงกับห้องเครื่องของเรือ หากมีรอยรั่วน้ำจะไหลเข้าไป ห้องเครื่องและระบบกำเนิดไฟฟ้า ขณะที่บริษัทรับงานซ่อมเรือหลวงสุโขทัย เป็นเพียงห้องแถว ทุนจดทะเบียนเพียง 1 ล้านบาท และมีพนักงานแค่ 20 คน ซึ่ง รู้กันทั้งกองทัพว่า เอกชนรายนี้ที่ได้งานซ่อมเรือของกองทัพเป็นประจำ เพราะมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับ “พลเรือโท” อักษรย่อ “ว” ชื่อเล่นอักษรย่อ “ก” เป็นอดีตเจ้ากรม เพียงขณะนี้หลักฐานอาจจะยังไม่ชัด แต่คนรู้กันทั้งกองทัพ แสดงให้เห็นชัดว่ากินกันหนักตั้งแต่ลวดเชื่อม ค่าแรง แล้วก็หลับหูหลับตาเซ็นรับงานแค่ให้เรือลอยน้ำได้ก็พอ ซึ่งเป็นความจงใจในการแบ่งเค้กแบ่งกันกินจนพุงกางสุดท้าย สร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติ

 

นายพิจารณ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้เรื่องของการซ่อมเรือหลวงสุโขทัย ยังมีการซ่อมอะไหล่ครีบกันโคลง ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ใช้รักษาสมดุลเรือ ซึ่งตนได้มีการสอบถามกองทัพเรือในกรรมาธิการ ว่าในการซ่อมมีการถอดครีบกันโคลงหรือไม่ ทางทร. ระบุว่าตัวครีบกันโคลงไม่มีผลต่อเรือร่ม และเรือเก่าอะไหล่หาไม่ได้ หากซ่อมเองไม่ดีอาจเกิดความเสียหายจึงถอดทิ้ง ตนยืนยันว่าอะไหล่สามารถหาได้ไม่ว่าเรือจะเก่าแค่ไหน แต่ที่หาไม่ได้เพราะบริษัท ตีสนิทกับพลเรือโท “ว” โดนเงินทอนจนไม่รู้ว่าจะไปเอาเงินที่ไหนมาซื้ออะไหล่ และแม้ว่าครีบกันโคลงจะไม่ทำให้เรือล่มแต่การไม่มีครีบกันโคลงทำให้ประสิทธิภาพของเรือลดลง และอย่าลืมว่าเรือหลวงสุโขทัยคือเรือรบ หากไม่มีครีบกันโคลงเรือจะมีความนิ่งและสามารถยิงขีปนาวุธได้อย่างแม่นยำได้อย่างไร ทั้งยังตั้งข้อสังเกต ถึงความไม่ชอบมาพากล ของการจัดซื้อแบริ่งเพลาใบจักร แม้ของเรือหลวงสุโขทัยจะอยู่ในสภาพที่ใช้งานได้ แต่มีหลักฐานว่าเรือรบของกองทัพเรืออย่างน้อย2 ลำ คือเรือหลวงสีชัง และเรือหลวงรัตนโกสินทร์ มีการซื้อแบริ่งเพลาใบจักร ตั้งแต่ปี 2560 แต่ผ่านมาแล้ว 6 ปี อะไหล่ดังกล่าว ยังไม่มีการซ่อมบำรุง ยังนอนค้างอยู่ในโกดังของกองทัพเรือ เหตุใดพวกท่านจึงจ้องจะกินอะไหล่ทุกส่วนของเรือแบบนี้ อะไหล่ที่ควรเปลี่ยนก็ไม่เปลี่ยน ผู้รับเหมาที่ควรจ้างก็ไม่จ้างและพบว่ารายจ่ายงบประมาณประจำปี 2566 เรือหลวงสุโขทัยรอซ่อมอยู่ 19 รายการ งบ 16.25 ล้านบาท  จึงตั้งคำถามว่าเรือที่รอซ่อมออกไปปฏิบัติภารกิจได้อย่างไร ถือเป็นหลักฐานที่ชัดเจนว่าเรือหลวงสุโขทัย ไม่ได้อยู่ในสภาพพร้อมปฎิบัติงาน นอกจากนี้กำลังพลก็ยังไม่พร้อม ตามหลักการต้องมีกำลังพลประจำเรือ 97 ตำแหน่ง แต่ขาดไปถึง 22 ตำแหน่ง รวมถึงตำแหน่งสำคัญคือต้นกลเรือที่ยังว่าง มีหน้าที่ดูแลเครื่องจักรในท้องเรือ ยืนยันได้ว่าในวันที่เรือหลวงสุโขทัยอับปาง ไม่มีต้นกลเรืออยู่บนเรือในวันดังกล่าวนั้น ผู้บังคับบัญชาอนุมัติให้เรือหลวงสุโขทัย ออกไปปฎิบัติภารกิจได้อย่างไรโดยไม่มีต้นกลเรือ นอกจากนี้ยังพบว่ามีเรือหลวงนเรศวร และเรือหลวงตากสินที่ไม่พร้อมปฏิบัติงานเช่นกัน เพราะหลังจากออกปฎิบัติภารกิจค้นหาผู้สูญหายจากเรือหลวงสุโขทัยอับปาง ไม่ถึง 10 วัน ก็พบหลายส่วนขัดข้องและชำรุด

 

นายพิจารณ์ กล่าวสรุป ถึงสาเหตุของเรือหลวงสุโขทัยอับปางว่า เพราะขาดต้นกลเรือ สมอเรือขวาขัดข้อง มาตรวัดแรงดันใช้ไม่ได้ ขาดครีบกันโคลง เครื่องกำเนิดไฟฟ้าสำรองเสียขาดกำลังเครื่องยนต์ที่จะไปต่อ นำไปสู่การสูญเสียกำลังพลถึง 24 นาย และสูญหายอีก 5 นาย จึงอยาก สื่อสารไปยังพลเอกประยุทธ์และกองทัพเรือ ได้โปรดอย่ามองยุทโธปกรณ์เป็นเหมือนขนมเค้กที่ต้องแบ่งกันกิน ตั้งแต่การจัดซื้อไปยังการซ่อมบำรุง เพราะทุกครั้งที่กินกันอย่างเอร็ดอร่อยทำให้เกิดความสูญเสียอย่างใหญ่หลวง เช่น กรณีของเรือหลวงสุโขทัย และแม้ว่าเรือหลวงสุโขทัย จะจมลงก้นทะเล แต่ก็ยังตามไปกินกันต่อจากการกู้เรือขึ้นมา ซึ่งมีบริษัทชั้นนำกว่า 30 บริษัท ที่มีศักยภาพและเข้าเงื่อนไข ทั้งบริษัทจากเกาหลีใต้และเนเธอร์แลนด์ เสนอตัวในการกู้เรือขึ้นมา รวมถึงบริษัทของสหรัฐอเมริกาเสนอตัวช่วยกู้เรือแบบฟรีๆ แต่กองทัพเรือปฏิเสธการช่วยเหลือ เพราะกลัวว่าความลับเรื่องสาเหตุของเรืออับปางจะถูกเปิดเผยเพราะเกิดจากความผิดพลาดของกองทัพเรือ

 

ทั้งนี้พบว่าบริษัทที่จะได้รับงานกู้เรือเป็นบริษัทของไทย ที่ไม่มีคุณสมบัติ แต่มีคุณสมบัติพิเศษที่เหนือกว่าทุกบริษัทคือ ได้รับการรับรองจากพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเพิ่มงบประมาณให้กับกระทรวงกลาโหมเท่าไหร่ แต่ตราบใดที่ยังภายใต้รัฐบาลปรสิต และระบอบ 3ป. ก็ยังจะวนเวียนอยู่กับการทุจริตคอรัปชั่น แบ่งกันกินและปกปิดความผิดก็จะไม่มีกองทัพที่เข้มแข็ง ทั้งนี้นายพิจารณ์ เรียกร้องให้พลเอกประยุทธ์ ชี้แจงด้วยตนเองไม่ใช่ให้พลเอกชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ช่วยชี้แจงเหมือนทุกครั้ง