"นายกฯ" ลุกแจงสภาฯครั้งแรกหลังอภิปราย ม.152 ผ่านไปกว่าครึ่งวัน ลั่นไม่เคยเอื้อประโยชน์ให้ใคร หลังถูกโยงเอี่ยวทุจริต

“นายกฯ”​ ลุกแจงสภาฯครั้งแรก​หลังอภิปราย​ ม.152 ผ่านไปกว่าครึ่งวัน  เบรกฝ่ายค้าน​​หลังเอาเรื่องที่ทำมาแล้วมาตีกินในสภา เคยแจงก็ไม่ฟัง เย้ย นโยบายต่างๆหากได้เป็นรัฐบาลก็ทำเถอะ ลั่นก็คือ​ตัวผม ไม่เคยเอื้อประโยชน์ให้ใคร หลังถูกโยงเอี่ยวทุจริต ขอ​อย่าก้าวล่วงอำนาจบริหาร ต่างคนต่างทำหน้าที่

 

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลุกขึ้นชี้แจงการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามมาตรา 152 เป็นครั้งแรกในเวลา 15:55 น. โดยระบุว่าตนนั่งฟังมาตั้งแต่เช้า มีหลายคนแสดงความคิดเห็นทั้งแนะนำ กล่าวหา ตักเตือนหลายอย่าง ตนอยากบอกว่าที่ท่านพูดมาทั้งหมด “ในด้านเศรษฐกิจตนทำมาหมดแล้ว แต่มันยังไม่เกิดผล แต่ท่านก็เอามาตีกินอยู่ตรงนี้ ที่พูดมาทั้งหมด เวลารัฐบาลพูดท่านไม่ฟังกระทรวงการคลังหน่วยงานราชการชี้แจงท่านก็ไม่ฟังอีก ดังนั้นนโยบายอะไรของท่าน เมื่อท่านเป็นรัฐบาลท่านก็ทำเถอะ ถ้าท่านได้เป็นนะ”

 

นายกรัฐมนตรียังกล่าวต่อว่าในส่วนของการดูแลประชาชน รัฐบาลทำตั้งแต่ระดับฐานราก เอสเอ็มอี วิสาหกิจชุมชน สหกรณ์ กองทุนหมู่บ้าน ประชาชนที่มีรายได้น้อย มีการแก้ปัญหาความยากจนแบบพุ่งเป้า ขอให้ลองไปศึกษาดูก็แล้วกัน ถ้ามันง่ายอย่างที่ท่านพูดคงทำได้นานแล้ว สมัยก่อนท่านก็ทำไม่ได้

 

ส่วนเรื่องการทุจริตผิดกฎหมาย ในกระบวนการยุติธรรมก็ไปว่ามา การที่เอาตนไปโยนคนนั้น คนนี้ญาติคนโน้น คนนี้ “ผมคือตัวผม คือครอบครัวผม และผมไม่เคยเอื้อประโยชน์ให้ใคร ก็ไปตรวจสอบมา เวลาสมัยก่อนผมไม่เห็นพูดเก่งแบบนี้เลย สมัยท่านเป็นรัฐบาลกันน่ะ เรื่องทุจริตไม่เห็นมีการพูดกันสักคำ”

 

โดยต่อไปนี้ต่อไปนี้ก็จะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ชี้แจง ตนก็ไม่อยากจะทำให้เสียบรรยากาศ เพราะเพิ่งผ่านห้วงเวลาของวันวาเลนไทน์มาเมื่อวานนี้เองไม่อยากจะทำให้เสียอารมณ์ ตนนั่งฟังมาตั้งแต่เช้าเรื่องที่ๆตนก็รับไว้ จดไว้ หลายเรื่องที่มันไม่ตรงไม่ถูกต้อง ก็คงต้องให้ฝ่ายตนชี้แจงบ้าง เดี๋ยวรัฐบาลก็คงชี้แจง เพราะส่วนราชการก็เตรียมไว้หมดแล้วในแต่ละเรื่อง เรื่องสำคัญสำคัญตนก็เตรียมไว้เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมก็จะชี้แจง แต่จำเป็นต้องหยุดตรงนี้ไว้บ้าง ไม่เช่นนั้นฝ่ายค้านก็จะใช้โอกาสตรงนี้ในการหาเสียง ตนพยายามจะไม่ไปแตะต้องอะไรเพราะฉะนั้นขอให้ทุกอย่างเป็นไปตามมารยาท กติกาของสภา เราต้องมีมารยาทในการที่จะพูดจา หลายอย่างเป็นปัญหาในเชิงบริหาร หลายอย่างเป็นปัญหาในเชิงกฎหมาย แต่ทุกอย่างมีหลักการหลักเกณฑ์ไว้หมดแล้ว เพราะฉะนั้นก็ไปตรวจสอบมาให้เกิดความชัดเจนขึ้น ก่อนที่จะกล่าวอ้างว่าใครผิด ใครถูก ไปว่ากันมา จนผลการสืบสวนสอบสวนมันออกมา ตนไม่เคยปล่อยปละละเว้นเมื่อเกิดมาก็สอบสวน ถ้ายังไม่เกิดก็ไปทำให้มันเกิดการร้องทุกข์กล่าวโทษ กฏหมายมีมาแบบนี้ การที่มาพูดในนี้แล้วทำให้คนข้างนอกได้ยิน ก็กลายเป็นว่าคนนี้ผิดไปแล้ว หรือคนนั้นถูกไปแล้ว มันไม่ใช่ ตนว่าควรเคารพกระบวนการยุติธรรมด้วยและตนไม่อยากให้อำนาจฝ่ายนิติบัญญัติไปก้าวล่วงฝ่ายบริหารมากจนเกินไป คนละอำนาจกัน  ถ้าฝ่ายค้านจะทำอะไรตนไม่ว่า แต่บางอย่างที่เป็นเรื่องของการบริหารราชการแผ่นดินก็เป็นเรื่องของฝ่ายบริหาร หากไม่ดีก็ไปร้องทุกข์กล่าวโทษเอาไม่ใช่มาติติง พูดจาเสียหายแบบนี้บางอย่างตนรับไม่ได้

 

ทั้งนี้ระหว่างที่นายกรัฐมนตรีชี้แจง นายแพทย์ชนน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน ได้นั่งตั้งใจฟังและอมยิ้มอยู่เป็นระยะ