ล่าฆาตกรเหี้ยม! สังหารชาวม้งยกครัว 5 ศพ พบเบาะแสเพิ่ม ตั้ง 4 ปมก่อเหตุ คาดเบี้ยวจ่ายค่าจ้างแรงงาน-ขัดแย้งในครอบครัว

วันที่ 10 ก.พ.66 จากกรณีคนร้ายก่อเหตุฆาตรกรรมอย่างโหดเหี้ยม ฆ่ายกครัว 5 ศพชาวม้ง พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำญาติผู้เสียชีวิตไปแล้วกว่า 20 ปาก โดยตั้งประเด็นฆาตกรรมครั้งนี้ไว้ 4 ประเด็นประกอบด้วย
1. ปัญหาความขัดแย้งในครอบครัวในครอบครัว
2. เรื่องเงินค่าจ้างแรงงานต่างด้าว ซึ่งผู้ตายเคยจ้างไว้ 7 คนกลับประเทศไปแล้ว 4 คนปัจจุบันลดเหลือ 3 คน ซึ่งผู้ตายไม่ได้จ่ายค่าแรง ทำให้แรงงานเมียนมามีความโกรธแค้นจึงลอบสังหารและมีการนำทรัพย์ที่เป็นรถอีแต๋นไปด้วย
3. ธุรกิจมืด เนื่องจากเคยต้องคดียาเสพติดและหนีหมายศาลจังหวัดเพชรบูรณ์
4. ชิงทรัพย์ ซึ่งรถอีแต๋นเป็นของผู้ตายคนร้ายได้ทิ้งเอาไว้กลางทางเนื่องจากน้ำมันหมดจากนั้นก็เดินเท้าหลบหนี ขณะนี้ชุดสืบสวนร่วมกับกำนันผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่บ้านปางสังกะสีและบ้านผาผึ้ง เร่งติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมาย

ล่าสุดวันที่ 10 ก.พ.66 พล.ต.ต.ปกปภพ บดีพิทักษ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตาก พร้อมด้วยชุดสืบสวนภูธรจังหวัดตากและชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 6 ได้นำตัวนายนพดล มั่นพัฒนาการ อดีตสามีของ นางสาวเจี๊ยะ แสงสว่าง อายุ 34 ปี (ภรรยา) ผู้ตาย มาสอบปากคำที่ สภ.วังเจ้า เพื่อหาเบาะแสของคนร้ายที่ลอบสังหารยกครัว 5 ศพ พร้อมทั้งมีแม่ของผู้หญิงที่เสียชีวิตและพ่อของนายเชาว์ผู้เสียชีวิตมาให้ปากคำพร้อมกัน จากการสอบสวนซึ่งทั้งหมดให้ปากคำเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี ซึ่งทุกคนก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างคดี ทำให้รูปคดีกระชับเข้ามาทุกขณะและสามารถทราบเบาะแสของคนร้ายรายนี้ นายนพดล ให้การว่า ได้เลิกรากับ น.ส.เจี๊ยะ ผู้ตายนานกว่า 7-8 ปี มีบุตรด้วยกัน 2 คน ได้ ด.ช.เอกพล มั่นพัฒนาการ อายุ 7 ปี และ ด.ช.พิบูลย์ มั่นพัฒนาการ อายุ 10 ปี ทั้งสองเป็นลูกที่เกิดจากตนเอง ส่วนเด็กหญิงวรันยา มั่นพัฒนาการ อายุ 3 เดือน เป็นลูกของ นายเชาว์ พี่ชายที่เสียชีวิต แต่มอบให้ตนเองเป็นผู้ดูแล และใช้นามสกุลเดียวกัน เนื่องจากผู้ตายมีหมายจับในคดียาเสพติดของจังหวัดเพชรบุรณ์ ไม่สามารถทำธุรกรรมกับทางราชการได้ จึงมอบให้ตนเองดูแล อีกทั้งซื้อรถกระบะก็ต้องใช้เป็นชื่อตนเอง เพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่รู้เป็นชื่อของคนตาย เพื่อหนีความผิดในคดียาเสพติดที่ติดตัวอยู่ ส่วนการตายของพี่ชายไม่รู้ไม่เห็นคนที่ฆ่าทั้ง 5 ศพ และนายนพดลได้ให้การปฏิเสธ

มีรายงานข่าวจากชุดสืบสวนทราบว่า แนวทางในการสอบสวนทำให้คดีกระชับเข้ามาและมุ่งเน้นไปประเด็นการลอบสังหารครั้งนี้มาจากสาเหตุที่นายเชาว์ผู้ตาย เบี้ยวค่าแรงงานชาวเมียนมา 3 คน ที่มารับจ้างทำไร่ขิง มีความโกรธแค้นจึงลอบสังหารยกครัวทั้ง 5 ศพ แล้วหอบลูกหอบเมียหลบหนีไป พร้อมนำรถอีแต๋นของผู้ตายไปด้วยแต่ขับไปได้ประมาณ 5 กิโลเมตร น้ำมันเกิดหมด จึงทิ้งรถไว้กลางทางจากนั้นก็เดินเท้าหลบหนีไปทางยังชายแดนอำเภอพบพระที่ติดกับเมืองเมียวดีประเทศเมียนมา หลังจากที่ชาวบ้านพบศพทั้ง 5 ศพแต่ไม่พบแรงงานเมียนมาดังกล่าวเพราะ หลบหนีไปแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนขอความร่วมมือกับชาวบ้านและผู้ใหญ่บ้านให้ติดตามตัวคนร้ายรายนี้ยังเร่งด่วน ทางผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตากได้สั่งการให้ทุกโรงพักที่อยู่ตามแนวชายแดนประกอบด้วยอำเภออุ้มผางอำเภอพบพระอำเภอแม่สอดให้ตั้งจุดสกัดแรงงานชาวพม่าที่คาดว่าจะหลบหนีออกนอกประเทศกลับไปยังเมืองเมียวดีประเทศเมียนมา