ท้าให้ฟ้องถ้าไม่เป็นความจริง !!! "อัจฉริยะ" หอบเส้นทางเงิน "ส.ว.อุปกิต" ให้ ป.ป.ส. ตรวจสอบ อ้างเอี่ยวขบวนยาเสพติด-พนันออนไลน์ ชี้ เส้นเงิน "เอ็ดดี้-พันณรงค์" เชื่อม "นอท กองสลากพลัส" จี้ "บิ๊กเด่น-บิ๊กจ้าว" ตามจับเชื่อเตรียมหนีใน 3 วัน

25 ม.ค. 66 ที่ สำนักงาน ป.ป.ส. (ดินแดง) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เดินทางนำหลักฐานของกลุ่มขบวนการฟอกเงินคดียาเสพติดมอบให้กับนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม และนายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. เพื่อสืบสวนดำเนินคดี พร้อมขอให้ติดตามยึดอายัดทรัพย์นักการเมืองชื่อดังระดับประเทศมูลค่า 5,000 ล้านบาทในข้อหาสมคบกันกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดและสมคบกันฟอกเงินและเป็นนายทุนใหญ่กลุ่มการเมืองเชื่อมโยงกับกลุ่มพนันออนไลน์ชื่อดังระดับประเทศ โดยเชื่อมโยงกับผู้ต้องตามหมายจับ 8 คนในคดีความผิดดังกล่าวข้างต้น

 

นายอัจฉริยะ เปิดเผยว่า จุดเริ่มต้นของคดีสมคบกันกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด และฐานสมคบกันฟอกเงิน โดยมีนายมานะ (ขอสงวนนามสกุล) หรือแบงค์ สอนโส นายทุนเจ้าของโรงงานผลิตยาบ้า ประเทศเมียนมาร์ โดยนายมานะได้ใช้บัญชีออมทรัพย์ธนาคารกสิกรของนายคมกฤต และนำเงินจากยาเสพติดกว่า 1.6 ล้านบาท โอนเข้าบัญชี นาย ธ. ซึ่งเป็นลูกจ้างของบริษัท อัลลัวร์ กรุ๊ป จำกัด และยังอ้างว่าเป็นลูกจ้างของนายอุปกิต ปาจรียางกูร สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) โดยมีการถอนเงินและนำเงินกว่า 1,978 ล้านบาทเข้าบัญชีธนาคารนายอุปกิต อย่างไรก็ตาม นาย ธ. ยังได้ยืนยันว่าได้รับเงินโอนจากนายคมกฤต 4 รายการ เป็นจำนวนเงิน 1.6ล้านบาท และยืนยันว่าตัวเองเป็นลูกจ้างของบริษัท อัลลัวร์ กรุ๊ป จำกัด

 

นายอัจฉริยะ เผยอีกว่า การถอนเงินจากบัญชีออมทรัพย์ธนาคารกสิกรไทยแต่ละครั้งของ นาย ธ. มีตั้งแต่ 15 ล้านบาทไปจนถึง 20 ล้านบาท โดยถอนเงินสดจากในประเทศไทยถือข้ามไปยังประเทศเมียนมาร์ให้แก่นายอุปกิต สำหรับข้อมูลที่ตนนำมาในวันนี้ คือ เส้นทางการเงินของนายอุปกิต ตั้งแต่ปี 2562 ที่พบว่ามีเกี่ยวข้องกับผู้ต้องหาตามหมายจับคดีสมคบกันฟอกเงินยาเสพติดรวม 8 หมายจับ โดยมีทั้งผู้ที่ถือครองทรัพย์สินแทน และเบิกเงินออกจากบัญชี มูลค่ารวมกันไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท แต่โดยรวมจริงๆคือ 10,000 ล้านบาท และแม้ว่านายอุปกิตจะอ้างว่าได้ขายธุรกิจบ่อนกาสิโนในประเทศเพื่อนบ้านให้กับนายเอ็ดดี้-พัณนรงค์ ไปแล้วนั้น แต่กลับไม่พบหลักฐานการโอนเงินซื้อขายกัน และตนเชื่อว่าเป็นการให้นายเอ็ดดี้ถือครองแทน นอกจากนี้ ยังพบข้อมูลอีกว่านายอุปกิตมีคดีสมคบกันฟอกเงินภายใต้การกำกับของกรมสอบสวนคดีพิเศษอีก 1 คดี และคดีของกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดอีก 1 คดี ที่ยังอยู่ระหว่างการสืบสวน

 

"สรุปว่า บริษัท อัลลัวร์ กรุ๊ป จำกัด บุคคลที่ถือหุ้นคือนายอุปกิต ตั้งแต่วันที่ 30 เม.ย.62 จนถึงวันที่ 30 เม.ย.63 จากนั้นในวันที่ 30 เม.ย.63 เป็นนายดีน ยัง จุลธุระ ลูกเขย เป็นผู้ถือหุ้นแทน แม้ว่าเมื่อวันที่ 9 พ.ค.62 นายอุปกิตจะอ้างว่ามีการทำสัญญาซื้อขายโรงแรมกับนายชาคริส กาจกำจรเดช แต่นายชาคริสได้ให้การว่าไม่ได้มีการซื้อขายจริง อย่างไรก็ตาม แม้ว่านายอุปกิตยืนยันว่ามีการซื้อขายในจำนวนเงิน 8 ล้านดอลลาร์สหรัฐและตกลงชำระเงินในต่างประเทศ แต่ก็ไม่ได้มีการยื่นหลักฐานการซื้อขายดังกล่าวให้กับทาง ป.ป.ช. ดังนั้น จึงเป็นเหตุผลอันเชื่อได้ว่าทรัพย์สินหลายรายการในขณะนี้ยังคงเป็นของนายอุปกิตดังเดิม" นายอัจฉริยะ ระบุ

 

นายอัจฉริยะ เผยต่อว่า หลักฐานทั้งหมดในวันนี้ ตนได้ส่งให้นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. นำไปตรวจสอบ พร้อมกันนี้ตนยังเชื่อว่าภายหลังการเปิดเผยเรื่องในวันนี้แล้ว คาดว่านายอุปกิตจะเตรียมหลบหนีภายใน 3 วัน ซึ่งหาก พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ยังไม่ดำเนินการขอศาลออกหมายจับนายอุปกิต ตนจะไปร้องเอาผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ต่อไป

 

นอกจากนี้ นายอัจฉริยะ ยังเผยว่า กรณีที่นายเอ็ดดี้-พัณนรงค์ อ้างว่าเป็นเจ้าของบ่อนกาสิโนนั้น ยังพบว่าได้นำเงินที่นายอุปกิตฝากไว้ไปฟอกไว้ที่นายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ หรือ นอท กองสลากพลัส ซึ่งตนมีหลักฐานเส้นทางการเงินเชื่อมโยงกันชัดเจนที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด และพนันออนไลน์ ทั้งนี้ ตนประสงค์ให้ พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ลงไปตรวจสอบผู้ที่ถูกสลากกินแบ่งรัฐบาลรางวัลที่ 1 กับกองสลากพลัส โดยตรวจบัญชีเงินฝากของผู้ที่ถูกรางวัลว่ามีเงินตามที่ถูกจริงหรือไม่ และได้นำเงินฝากเข้าบัญชีธนาคารจริงหรือไม่ เพราะตนทราบมาว่ามีความบิดเบี้ยวเรื่องล็อตเตอรี่ที่ถูกรางวัลอยู่ แต่ตนขอเปิดเผยไว้เพียงเท่านี้ก่อน

 

นายอัจฉริยะ เผยอีกว่า ประเด็นของนายเอ็ดดี้-พัณนรงค์ ก่อนหน้านี้ยังพบว่ามีความสัมพันธ์กับอดีตบิ๊กตำรวจมือ 1 ของไทย ที่มีชื่อเสียงระดับประเทศและตนได้ให้ฉายาว่า “มังกรพยัคฆ์” โดยบิ๊กตำรวจรายนี้มีพฤติกรรมสนับสนุนการทำผิดกฎหมาย เรื่องพนันออนไลน์ และมีการดูแลนายเอ็ดดี้ตั้งแต่อยู่ในประเทศไทยไปจนถึงตอนที่นายเอ็ดดี้หนีไปที่ประเทศอังกฤษ (ลอนดอน) จนไปเปิดเว็บไซต์ให้เล่นพนันออนไลน์ได้ถึงวันนี้

 

นายอัจฉริยะ เผยด้วยว่า นอกจากนี้ ตนยังมีข้อมูลว่าอาคารพาณิชย์ที่ตั้งอยู่ในซอยอารีย์ ซึ่งเป็นที่ทำการของพรรครวมไทยสร้างชาติ พบว่าเป็นทรัพย์สินของนายอุปกิตที่ให้มาไว้ใช้เป็นที่ทำการพรรค ตนจึงขอถามไปยังนายพีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ และพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่า ทราบหรือไม่ว่าอาคารที่ทำการพรรค เป็นทรัพย์สินที่ได้มาจากการทำผิดกฎหมายและกำลังจะถูกยึดอายัดไว้ตรวจสอบ

 

นายอัจฉริยะ เสริมด้วยว่า ภายหลังที่ตนได้พูดคุยกับนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม และนายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. โดยนายสมศักดิ์ได้ยืนยันกับตนว่าจะดำเนินการทั้งสิ้นโดยไม่เกรงกลัวผู้ใด ส่วนทางด้านนายวิชัย บอกกับตนว่า จะดำเนินการยึดอายัดทรัพย์ของนายอุปกิตที่เกี่ยวพันกับขบวนการสมคบยาเสพติดและสมคบฟอกเงินให้หมด

 

ทั้งนี้ นายอัจฉริยะ ย้ำทิ้งท้ายว่า เงินที่นายอุปกิตนำมาฟอกกับนอท กองสลากพลัส เป็นเงินของนายเอ็ดดี้-พัณนรงค์ แน่นอน เพราะว่าเอ็ดดี้รับเงินโอนมาจากนายอุปกิตโดยตรง อย่างไรก็ตาม ตนมีข้อมูลว่า นอทกองสลากพลัส มีการรับฟอกเงินให้กับบุคคลถึงสามราย เช่น 1.นายไข่เจียวที่อยู่ภาคใต้ 2.บุคคลในกลุ่มของจ่าม.ม้า เป็นต้น และทุกอย่างทุกคนล้วนเชื่อมโยงกับนายอุปกิตทั้งสิ้น และถึงแม้ว่านอทกองสลากพลัสจะปฏิเสธอะไรก็ปฏิเสธไป เพราะเร็วๆนี้จะพูดไม่ออก เนื่องจากว่าเส้นทางการเงินมันมีความเชื่อมโยงถึง ซึ่งถ้าหากนอทและนายอุปกิตจะฟ้องตน ก็ทำได้เลย ถ้าข้อมูลทั้งหมดที่กล่าวมาไม่เป็นความจริง