ป้าวัย 66 ร้องจดทะเบียนสมรสอยู่กินมา 35 ปี วันหนึ่งผัวถูกหวยรางวัลที่ 1 ต่อมาไปมีเมียน้อยและเสียชีวิตลง ระหว่างอยู่กับเมียน้อยถูกฮุบสมบัติไปหมดแม้ศาลมีคำสั่งให้แบ่งทรัพย์สินกันคนละครึ่ง

วันที่ 21 ม.ค. 2566 นางจันทร์เพ็ญ อายุ 66 ปี เล่าว่า ตนเองแต่งงานกับสามีตอนอายุ 17 ปี โดยสามีทำงานเป็นข้าราชการทหารอากาศ หลังแต่งงานตนเองกับสามีได้เปิดร้านขายอาหารอยู่ในค่ายทหารอากาศย่านสะพานใหม่ จนกระทั่งเมื่อปี 2553 สามีกับตนเองถูกรางวัลที่ 1 ได้เงินมา 6,000,000 บาท ตนเองกับสามีก็เลยจัดเลี้ยงฉลองให้กับคนแถวบ้านที่มาแสดงความยินดี จากนั้นสามีก็นำเงินที่ถูกหวยไปซื้อรถกระบะ ซื้อที่ดินในจังหวัดสุพรรณบุรี และซื้อบ้านในจังหวัดปทุมธานี โดยใส่เป็นชื่อของสามี

ต่อมาเมื่อปี 2554 ได้มีแม่ค้าขายไก่ทอดมาติดพันกับสามี ตนเองไม่ทราบมาก่อนว่า 2 คนนี้แอบคบกัน เพราะฝ่ายหญิงมีสามีอยู่แล้ว จนมีอยู่วันหนึ่งสามีตนเองได้หายออกจากบ้านไป และได้ไปอยู่กินกับหญิงสาวคนดังกล่าว และได้ลาออกจากข้าราชการทหาร จากนั้นทั้งคู่ได้พากันไปอยู่ที่อื่น ตนเองทราบข่าวจึงโมโห บอกให้สามีตนเองมาหย่าร้างให้เสร็จสิ้น แต่สามีไม่ยอมหย่า ตนเองจึงใช้ชีวิตอยู่กับพี่น้องผู้หญิงล้วน 3 คนมาโดยตลอดตั้งแต่วันนั้น พอระยะเวลาผ่านไป 3-4 ปี สามีตนเองติดต่อกลับมาว่าจะมาขอหย่ากับตนเอง แต่ตนเองไม่หย่าให้ ทางสามีกับเมียน้อยก็ขู่ว่าจะฟ้องหย่าตนเอง แต่แล้วก็ไม่ได้ฟ้องหย่า แล้วก็เงียบหายไป

ต่อมาเมียน้อยของสามีได้เดินทางมาหาตนเองที่บ้าน บอกว่าสามีของตนเองเสียชีวิตแล้ว และนำเอกสารมาให้เซ็น เพื่อจะไปเบิกเงินบำนาญของสามีที่เป็นข้าราชการทหารอากาศ แต่ตนเองไม่เซ็นให้ เนื่องจากสิทธิตรงนี้ตนเองต้องได้รับ จากนั้นทางเมียน้อยได้ยื่นศาลขอเป็นผู้จัดการมรดก ตนเองไม่มีความรู้ในด้านกฎหมายจึงจ้างทนายความมาสู้คดี และถูกทนายความเรียกเงินไปเป็น 100,000 บาท เงินที่เก็บไว้กินไว้ใช้จึงหมด ต่อมาศาลมีคำสั่งให้ตนเองและเมียน้อยร่วมกันเป็นผู้จัดการมรดก แต่เมียน้อยกลับครอบครองทุกอย่างไว้คนเดียว และยังนำรถยนต์ที่สามีตนเองซื้อไว้ไปเปลี่ยนชื่อเป็นชื่อของเมียน้อยอีก

ตอนนี้ชีวิตตนเองลำบากมาก อาศัยอยู่กับพี่น้องผู้หญิง 3 คน ที่อายุมากกันแล้ว ไม่มีเงินแม้แต่จะซื้อข้าวสารกิน กว่าจะได้ข้าวสารมาหุงแต่ละครั้ง ต้องไปเข้าแถวรอรับบริจาคข้าวสารอาหารแห้งจากหน่วยงานต่างๆ จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือทางด้านกฎหมาย ตอนนี้เงินจะขึ้นรถเมล์ไปศาลยังไม่มีเลย ที่ผ่านมาตนเองเคยไปยื่นเรื่องที่ยุติธรรมจังหวัดสุพรรณบุรีมาแล้ว แต่เรื่องก็เงียบหายไป