ผู้ประกาศดัง ร้องเพจสายไหมต้องรอด อ้างถูกอาจารย์คนดังหลอกร่วมธุรกิจ ขณะที่เลขาฯ ถูกแจ้งความปล่อยคลิปโป๊ลงกลุ่มไลน์

วันที่ 19 ม.ค. 2566 นายเกรียงไกรมาศ พจนสุนทร หรือ เคนโด้ ผู้ประกาศข่าวชื่อดัง พร้อมด้วย น.ส.แหม่ม เลขาฯ ส่วนตัว เดินทางมาพบกับ "เอก สายไหมต้องรอด" เพื่อขอความช่วยเหลือ หลังอ้างว่าถูกอาจารย์สายเขียวท่านหนึ่งซึ่งมีชื่อเสียง หลอกให้ร่วมทำธุรกิจผลิตภัณฑ์สายเขียว นอกจากนี้ เลขาฯ ส่วนตัวยังถูกกลั่นแกล้ง แจ้งความกล่าวหาว่าปล่อยคลิปโป๊ลงกลุ่มไลน์ จนเกิดความเครียดถึงขั้นคิดฆ่าตัวตาย

เคนโด้ และคุณแหม่ม นั่งโต๊ะแถลงต่อสื่อมวลชน พร้อมนำหลักฐานเป็นสไลด์ power point อ้างว่า ถูกหลอกเอาชื่อเสียงไปใช้ออกหน้าในการชักชวนคนมาทำธุรกิจสายเขียว โดยผู้เสียหายแบ่งเป็น 3 ส่วน คือ
1.คุณแหม่ม เลขาฯ เคนโด้ ถูกอาจารย์คนดังกล่าวกลั่นแกล้งไปแจ้งความหาว่าปล่อยคลิปโป๊ลงกลุ่มไลน์ จนทำให้ครอบครัวและตัวคุณแหม่มเครียดถึงขั้นฆ่าตัวตาย
2.ตัวเคนโด้ ถูกหลอกให้ทำงาน โดยใช้ชื่อเสียง ออกหน้า ออกสื่อฯชักชวนทำธุรกิจสายเขียว ซึ่งเคนโด้สำรองออกค่าใช้จ่ายไปก่อน สุดท้ายเบิกไม่ได้เป็นเงินประมาณ 5-6 หมื่นบาท
3.บอกเลิกสัญญาไม่เป็นธรรม พอมีปัญหาเกี่ยวกับธุรกิจเกิดขึ้นก็บอกเลิกสัญญาอ้างว่าทางเคนโด้และคุณแหม่ม ยึดแพลตฟอร์ม, เพจเฟซบุ๊ก, เว็บไซด์ไปทำธุรกิจเอง จึงยกเลิกสัญญา

นอกจากนี้ มีการหลอกทำฉลากผลิตภัณฑ์ โดยอาจารย์คนดังกล่าวบอกว่า เป็นฉลากที่สามารถส่งออกต่างประเทศได้ แต่ความจริงไม่สามารถส่งออกต่างประเทศได้, ธงชาติที่ใช้ก็ไม่ใช่ธงชาติไทย แต่เป็นธงชาติคอสตาริกา พอทักท้วงบอกว่า ขายๆ ไปก่อน ล็อตนี้ยังไม่ต้องส่งออก

เคนโด้ ยืนยันว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องการเสียผลประโยชน์ แต่เป็นการเสียชื่อเสียง โดยความเสียหายที่เป็นตัวเงิน คือ ค่าจ้างที่ตกลงไว้ แต่ไม่จ่าย 5-6 หมื่นบาท แต่ความเสียหายทางชื่อเสียงและสภาพจิตใจประเมินมูลค่าไม่ได้

ระหว่างการแถลงข่าว คุณแหม่มนั่งร้องไห้ตลอดเวลา บอกว่า ตัวเองถูกอาจารย์คนดังกล่าวแจ้งความเกี่ยวกับ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ โดยกล่าวหาว่า คุณแหม่ม ส่งคลิปโป๊เข้าไปในกลุ่มไลน์ ซึ่งทางคุณแหม่ม ยืนยันว่า ตัวเองไม่ได้เป็นคนส่งเข้าไป มันเป็นลักษณะเหมือนไวรัส หลังจากคลิปโป๊ถูกส่งเข้าไปในกลุ่มสมาชิกในกลุ่มไลน์ก็จะถูกลบออกจากกลุ่ม ซึ่งอาจารย์ท่านนี้ก็เอาเรื่องนี้ไปแจ้งความดำเนินคดี พร้อมพูดจาลักษณะว่าจะให้คดีอาญาเป็นของขวัญวันเกิด ซึ่งก็มีหมายศาลพร้อมกับตำรวจมาที่บ้านของคุณแหม่มที่จังหวัดขอนแก่นจริงๆ จนครอบครัวญาติพี่น้องรู้สึกตกใจ

หลังจากนั้นคุณแหม่มบอกว่า ตัวเองตกอยู่ในสภาวะความเครียด จนกลายเป็นซึมเศร้าและยิ่งเสียใจเมื่อลูกมาถามว่า แม่เป็นคนเลว แม่ทำผิดเหรอ ทำไมมีคนมาคอนเมนต์ด่าแม่เยอะมาก คุณแหม่มเครียดจนถึงขั้นเคยคิดฆ่าตัวตาย

นอกจากนี้ยังมีผู้เสียหายอีก 2 คนถูกอาจารย์ท่านนี้หลอกลงทุนด้วย โดยทางเคนโด้ ขอต่อสายโทรศัพท์ถึงคุณเปี๊ยก ผู้เสียหายรายนี้ ซึ่งทางผู้เสียหายบอกว่า เห็นอาจารย์คนดังกล่าวโฆษณาอวดอ้างสรรพคุณทางสื่อทีวีและสื่อโซเชียลต่างๆ ว่ามีความรู้อย่างชัดเจนทะลุปรุโปร่งเกี่ยวกับกัญชา พืชมหัศจรรย์ จึงชักชวนมาลงทุนโปรเจ็คปลูกกัญชาตั้งแต่ต้นกระบวนการจนถึงปลายทาง เก็บเงินแรกเข้าอ้างเป็นค่าที่ปรึกษา 50,000 บาทต่อเดือน

สุดท้ายลงทุนเป็นมูลค่าความเสียหายประมาณ 50 ล้านบาท ปรากฏว่า ไม่เป็นไปตามที่โฆษณาชวนเชื่อ พอทวงถามไปก็กลับชวนทะเลาะและหาว่าทางผู้เสียหายมาข่มขู่ ขู่ฆ่าทางอาจารย์คนดัง จนอาจารย์คนดังต้องมีการเอาอดีตนักการเมือง อดีตผู้บังคับการตำรวจท่านหนึ่งมาข่มขู่ทางผู้เสียหายจนมีคดีความฟ้องร้องกัน ซึ่งมีผู้เสียหายอีกหลายรายที่ถูกอาจารย์ท่านนี้หลอกลงทุนปลูกกัญชา

ขณะที่เรื่องนี้ เอก สายไหมต้องรอด บอกว่าตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับหมายเรียกจาก สภ.เมืองนครปฐม ซึ่งไม่ใช่หมายเรียกในฐานะพยานก่อนด้วย แต่เป็นหมายเรียกในฐานะผู้ต้องหา ซึ่งอาจจะเป็นการกลั่นแกล้ง หากตรวจสอบอย่างละเอียดแล้วทางตำรวจอาจจะมีความผิดต่อหน้าที่ด้วย

โดยหลังจากนี้ในประเด็นของฉลากผลิตภัณฑ์ ที่เข้าข่ายความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค หากทางผู้เสียหายประสงค์ที่จะแจ้งความดำเนินคดีก็จะพาไปร้องทุกข์กล่าวโทษต่อ ปคบ. ส่วนความผิดเรื่องการลงทุนต่างๆ ต้องให้โอกาสทางอาจารย์คนดังกล่าวได้ออกมาชี้แจง หรืออธิบายข้อเท็จจริงในมุมของตัวเองก่อน แล้วค่อยดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม