"ผบก.น.2" สั่งสอบ สน.โคกครามปมประเด็นบ่อน พร้อมให้ตำรวจรับเรื่องแจ้งความชี้แจงวันเกิดเหตุ เบื้องต้นพบว่าเป็นบ่อนที่ถูกกล่าวอ้างมาใช้พื้นที่แค่ 7 วัน

พลตำรวจตรีอรรถพล อนุสิทธิ์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 ระบุ ภายหลังเข้าร่วมสอบปากคำผู้เสียหาย และประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.โคกคราม ว่า เบื้องต้นการสอบปากคำในวันนี้เป็นการเน้นสอบถามถึงรายละเอียดที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ดังกล่าว รวมถึงยังได้มีการพาผู้เสียหายไปให้ที่จุดเกิดเหตุ ที่มีการกล่าวอ้างถึงการเก็บข้อมูลรวบรวมไว้ประกอบสำนวนคดี


เบื้องต้นผู้เสียหายมีการแจ้งข้อกล่าวหาเอาไว้ 3 ข้อหา คือ ร่วมกันปล้นทรัพย์ ร่วมกันทำร้ายร่างกาย และร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยว
ซึ่งต่อจากนี้พนักงานสอบสวน สน.โคกคราม ต้องพิจารณาในรายละเอียดอีกครั้งว่าสามารถแจ้งข้อกล่าวหาได้ตามนี้หรือไม่

ในวันนี้ยังมีการนำข้อมูลภาพถ่ายของบุคคลต้องสงสัยมาให้ทางผู้เสียหายได้พิจารณาดู และผู้เสียหายได้มีการชี้ระบุตัวตนผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์จำนวน 3 คน แต่ให้ข้อมูลว่าเป็นเพียง เจ้าหน้าที่ควบคุมร้านไม่ใช่ผู้ลงมือก่อเหตุทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย รวมถึงทั้ง 3 ราย ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ทหารตามที่มีการให้สัมภาษณ์กับสื่อในวันแรกว่ามีทหารเข้ามาเกี่ยวข้อง

เบื้องต้นทางตำรวจมีข้อมูลเกี่ยวกับรายชื่อรวมถึงสถานที่อยู่ของกลุ่มที่ร่วมก่อเหตุในครั้งนี้แล้ว ขณะนี้ได้สั่งการให้ฝ่ายสืบสวนสน. โคกคามลงพื้นที่ติดตามหาตัวผู้กระทำความผิดในครั้งนี้

สำหรับการสอบปากคำพยาน ที่อยู่รอบพื้นที่เกิดเหตุ รวมถึงตัวผู้ดูแลให้ข้อมูลกับทางตำรวจว่า สถานที่ดังกล่าว ประมาณช่วงกลางเดือนสิงหาคม มีการแอบมาลักลอบเปิดบ่อนพนันลักษณะคล้ายบ่อนวิ่งเป็นระยะเวลา 7 วัน ซึ่งคาดว่าอาจจะเกิดในช่วงเวลาดังกล่าว

ส่วนข้อมูลของทางผู้เสียหาย ที่ระบุว่าในพื้นที่ของสน. โคกคราม มีบ่อนพนันอีกหลายแห่ง ซึ่งได้กำชับให้ตรวจสอบในประเด็นนี้ แต่ยืนยันว่าที่ผ่านมาในพื้นที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 2 มีการกำชับให้คอยตรวจสอบทุกพื้นที่ โดยเฉพาะเรื่องบ่อนการพนันและสิ่งผิดกฎหมายตามนโยบายของรัฐบาลมาโดยตลอด

สำหรับประเด็นที่ผู้เสียหายมีการพูดถึงว่าในวันเกิดเหตุมีการโทรติดต่อประสานงานกับทางตำรวจ สน.โคกคราม ให้เข้ามาช่วยเหลือ แต่เมื่อตำรวจเดินทางมาถึงกลับมีการบอกว่าสถานที่ดังกล่าวเป็นบ่อนการพนันใช่หรือไม่ก่อนจะตัดสายไป ซึ่งในประเด็นนี้ได้มีการเรียกนายตำรวจคนดังกล่าวเข้ามาสอบถาม ได้คำตอบว่าในวันเกิดเหตุได้มีการเดินทางไปตามพิกัดและมีการโทรประสานงานกับทางผู้เสียหายจริง แต่เมื่อไปถึงตรวจสอบไม่พบสิ่งผิดปกติ จึงได้เดินทางกลับ ซึ่งเบื้องต้นตนเองได้สั่งการให้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนในการดำเนินการทางคดีนี้ของทางสน.โคกคราม อีกครั้ง หากพบว่ามีการกระทำความผิดในขั้นตอนใด หรือมีการปล่อยปะละเลย ก็จะดำเนินการลงโทษทางวินัยโดยทันที แต่เบื้องต้นยังไม่มีการสั่งช่วยราชการนายตำรวจคนใดในคดีนี้