แฉ! บ่อนดังย่านเลียบด่วน ปล้นนักเล่นกว่า 5 ล้านบาทอ้างถูกโกง ผู้เสียหายแจ้งขอความช่วยเหลือจากตำรวจ แต่เมื่อรู้ว่าเป็นบ่อน ตำรวจตัดสายทิ้ง!

เพจสายไหมต้องรอดโพสต์ล่าสุดว่า “บ่อนใหญ่ย่านเลียบด่วนรามอินทรา ปล้นเซียนพนัน จับมัด ถุงดำคลุมหัว อุ้มซ้อม รีดเงิน 5 ล้าน!”

โดยช่วงสายวันนี้ (27 ต.ค.) กลุ่มผู้เสียหาย 5 ราย เข้าขอความช่วยเหลือกับ นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจ สายไหมต้องรอด หลังกลุ่มผู้เสียหายถูกบ่อนดังย่านถนนเลียบทางด่วนประดิษฐ์มนูธรรมอุ้มรีดเงิน รวมแล้วกว่า 5 ล้านบาทโดยอ้างว่ากลุ่มผู้เสียหายโกงการเล่นเสือมังกรทำให้บ่อนเสียเงิน ซึ่งเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อช่วงวันที่ 19 สิงหาคมที่ผ่านมา หลังเกิดเหตุ ผู้เสียหายโทรแจ้งตำรวจผ่านสายด่วน 191 ก่อนที่จะมีตำรวจติดต่อกลับมาเพื่อสอบถามสถานที่เมื่อตนเองแจ้งพิกัดไปและตำรวจแจ้งว่าเดินทางมาถึงตามจุดที่ผู้เสียหายได้แจ้งไว้ทางตำรวจปลายสายได้บอกว่าสถานที่นี้เป็นบ่อนการพนันไม่ใช่หรอ ซึ่งกลุ่มผู้เสียหายได้ยืนยันว่าใช่และถูกคุมตัวอยู่ที่ชั้นสองของอาคารดังกล่าวปลายสายก็ตัดไปและไม่มีการติดต่อกลับมาอีกเลย

ในเวลาต่อมามีคนของทางบ่อนเดินขึ้นมา และแจ้งว่ามีคนในกลุ่มผู้เสียหายติดต่อโทรแจ้งตำรวจจึงได้มีการเคลื่อนย้ายกลุ่มตนเองขึ้นรถตู้โดยอ้างว่าจะพาไปที่สน.แต่ปรากฏว่ามีการพา มาจอดพักรถไว้ที่ย่านถนนเลียบมอเตอร์เวย์ เป็นเวลานานกว่าชั่วโมงครึ่ง ซึ่งมาทราบภายหลังว่าเป็นช่วงเวลาที่มีทางตำรวจเข้าไปตรวจสอบ ที่บ่อนการพนันดังกล่าว เมื่อตำรวจออกจากบ่อนการพนันไปกลุ่มกาดที่มีการคุมตัวขึ้นรถตู้ไปก็ได้มีการพาตัวกลับมาที่บ่อนการพนันอีกครั้ง ก่อนที่ในช่วงเวลาประมาณเที่ยงคืน จะเริ่มมีการพาตัวผู้เสียหายออกไปทีละคนซึ่งทุกคนจะโดนทำร้ายร่างกายทั้งการเอาถุงดำคลุมหัวเอามือปิดจมูกและปากและมีการซ้อมทำร้ายร่างกายเพื่อรีดเอาเงิน โดยกลุ่มคนที่ทำร้ายมีการอ้างว่าเป็นทหาร ซึ่งตลอดกาลซ้อมทำร้ายร่างกายจะถามตลอดว่า มีเงินเท่าไหร่ให้เอามาให้หมดซึ่งกลุ่มคนที่รุมทำร้ายร่างกายผู้เสียหายทุกคนมีมากกว่า 10 คน จนสุดท้ายทนไม่ไหวจึงต้องมีการยอมบอกรหัสโทรศัพท์เพื่อให้กลุ่มที่รุมทำร้ายกดโอนเงินออกจากบัญชีไปโดยรวมแล้วเป็นเงินจำนวนกว่า5 ล้านบาท

เมื่อได้เงินไปตามที่ต้องการแล้วก็ได้มีการพาตัวกลุ่มผู้เสียหายทั้งหมดขึ้นรถตู้และนำมาทิ้งไว้ที่บริเวณถนนสุขาภิบาลห้าในช่วงเวลาประมาณ 6 โมงเช้า พร้อมข่มขู่ว่าหากมีการแจ้งความดำเนินคดีจะติดตามไปฆ่าทิ้งพร้อมกับมีการถ่ายบัตรประชาชนของกลุ่มผู้เสียหายไว้ทุกคนเพื่อแสดงให้เห็นว่ารู้ข้อมูลที่ อยู่ของผู้เสียหายทุกคน

ในเวลาต่อมาประมาณช่วงเดือนกันยายน ได้มีหนึ่งในกลุ่มผู้เสียหายตัดสินใจเดินทางเข้าแจ้งความกับตำรวจเจ้าของพื้นที่เกิดเหตุ แต่ตำรวจกลับให้แจ้งข้อหาทำให้เสียทรัพย์และมีการประสาน ไปที่ตัวแทนของบ่อนการพนันและมีการส่งบุคคลเข้ามาทำบันทึกต่อหน้าพนักงานสอบสวนว่าจะคืนเงินตามจำนวนที่มีการเอาออกไปจากบัญชีของผู้เสียหายแต่สุดท้ายมีการคืนเงินมาเพียงจำนวน 500,000 บาทจากจำนวนเงิน ทั้งหมดกว่า 2 ล้านบาท ของผู้เสียหายรายนี้

วันนี้ผู้เสียหายทั้งหมดจึงตัดสินใจรวมตัวกันเดินทางมาขอความช่วยเหลือต่อสายไหมต้องรอดเพื่อให้ติดตามเงินจำนวนดังกล่าวคืนเพราะ เงินจำนวนดังกล่าวที่ผู้เสียหายถูกบังคับให้โอนไปมีเงินส่วนตัวของกลุ่มผู้เสียหายรวมอยู่ด้วยทำให้ได้รับความเดือดร้อน

นายเอกภพ ระบุว่า จากการได้พูดคุยกับทางผู้เสียหายทำให้ทราบว่าบ่อนการพนันดังกล่าวถือว่าเป็นบ่อนใหญ่ เพราะทราบว่ามีหลากหลายการเล่นการพนันทั้งเสือมังกร บาคาร่า กำถั่ว หลากหลายวงอยู่ในพื้นที่อาคารเดียวกันและมี คนเข้าไปเล่นจำนวนมากตลอดทั้งวันทั้งคืน ซึ่งการที่ตำรวจทราบว่าเป็นสถานที่เล่นการพนันแต่กลับไม่เข้าไปดำเนินการใดใดถือว่าเป็นเรื่องผิดปกติ รวมถึงเมื่อผู้เสียหายมีการเข้าไปแจ้งความ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวถือว่าต้องเข้าข่ายการปล้นทรัพย์เพราะมีผู้ก่อเหตุมากกว่า10 คน แต่ตำรวจกลับให้แจ้งข้อหาทำให้เสียทรัพย์โดยแจ้งกับทางผู้เสียหายว่าการที่เสียเงินไปถือว่าเป็นการเสียทรัพย์ ซึ่งถือว่าเป็นการจงใจแจ้งข้อหาที่ไม่ตรงกับการกระทำความผิด เพราะการปล้นทรัพย์ถือเป็นความผิดอาญาที่ไม่สามารถยอมความได้ แต่การทำให้เสียทรัพย์สามารถจบลงได้ด้วยการเจรจาคืนเงิน รวมถึงพฤติกรรมในการทำร้ายร่างกายที่ใช้ถุงดำคลุมหัวถือว่าเข้าข่ายพยายามฆ่า แต่กลับไม่มีการพูดถึงในประเด็นนี้ และนอกจากเงินที่บังคับโอนยังมีการนำทรัพย์สินอื่นๆเช่นโทรศัพท์มือถือและสร้อยทองต่างๆ ไปและไม่มีการคืน และไม่มีการพูดถึงในการลงบันทึกประจำวันอีกด้วย

โดยหลังจากได้รับการประสานในวันนี้จะตรวจสอบเรื่องดังกล่าวทั้งหมดและประสานขอความช่วยเหลือไปที่ผู้บังคับบัญชาระดับผู้บังคับการเจ้าของพื้นที่ เพื่อขอความช่วยเหลือในกรณีนี้