"หมอชลน่าน" ชี้ เนื้อหา "เดี่ยว 13" วิจารณ์ "ประยุทธ์" ไม่รุนแรง บอกด่ากันในสภาหนักกว่านี้ มองคำพูด "โน้ส อุดม" สะท้อนความเห็นของคนชั้นกลางได้มาก รัฐบาลยิ่งต้องรับฟัง อย่าปิดปากประชาชนด้วยคดีความ

นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการทอล์คโชว์ "เดี่ยว 13" ของโน๊ต อุดม แต้พานิช ที่ไปวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีจนเกิดความคิดเห็นในสังคมแตกออกเป็น 2 ฝ่าย ว่า  เรื่องแรกต้องมองในแง่บวก มันเป็นมิติของการสื่อสารทางการเมืองประเภทหนึ่ง ปกติแล้วการเดี่ยวไมโครโฟนของโน้ส อุดม เขาใช้ความเห็นทางการเมืองมาเป็นองค์ประกอบในการแสดงความคิดเห็นมาตลอดทุกรัฐบาล มองแล้วเหมือนเป็นสื่อประเภทหนึ่ง ดังนั้น จึงเป็นสิทธิ์ขั้นพื้นฐานตามรัฐธรรมนูญ ประชาชนมีสิทธิ์ที่จะนำความเห็นและข้อเท็จจริงเหล่านั้นมาวิพากษ์วิจารณ์ โดยเฉพาะวิจารณ์ผู้มีอำนาจ และยิ่งนายกรัฐมนตรี ถือเป็นบุคคลสาธารณะ และเป็นผู้รับผิดชอบต่อประเทศชาติบ้านเมือง

 

ยิ่งไปกว่าการแสดงความคิดเห็นของ โน้ส อุดม มันสะท้อนความคิดของคนชั้นกลางได้อย่างดีมาก ผู้ที่เกี่ยวข้องต้องรับฟัง ส่วนเรื่องของความเห็นต่างแบ่งเป็น 2 ฝ่ายถือเป็นเรื่องปกติในระบบประชาธิปไตย แต่มันต้องสู้กันด้วยเหตุด้วยผลไม่ใช่สู้กันด้วยคดีความ หรือจับกันเข้าคุกเข้าตาราง อันนี้จะกลายเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพ และส่วนตัวก็ได้รับฟังเดี่ยวไมโครโฟนของ "โน๊ส อุดม" แล้ว ก็ไม่รู้สึกว่ามีถ้อยคำที่รุนแรงแต่อย่างใด

 

"ท่อนไหน มันมีหลายท่อน รำคาญ รำคาญ รำคาญเนี่ยนะ ทำใจทำใจ ทำใจ เนี่ยนะ อันนี้แข็งข้างในอ่อน อันนี้เรื่องปกติมากเลย ในสภาเราด่ากันมากกว่านี้เลย ไม่ได้รุนแรงอะไรเลยโดยเฉพาะถ้ามันเป็นเรื่องจริง ไม่ถือว่ารุนแรง"

 

นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่าต่อ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็มีสิทธิ์ที่จะปกป้องตัวเอง หากเกิดความเสียหาย รัฐธรรมนูญก็คุ้มครองอยู่ แต่ตนไม่ส่งเสริม เพราะการแสดงความเห็นต่อการทำงานของผู้นำ ในที่สาธารณะเป็นเรื่องที่ทำได้

 

ส่วนที่รัฐบาลมองว่าการวิพากษ์วิจารณ์แบบนี้ทำให้สังคมเกิดการแตกแยก แพทย์ชลน่าน กล่าวว่า การเห็นต่างหรือความแตกแยกมันขึ้นอยู่กับผู้ที่นิยาม หากรัฐบาลบอกว่าคนที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์เป็นคนที่สร้างความขัดแย้ง อันนี้คือนิยามที่ปิดกั้นการแสดงความเห็นของประชาชน