เปิดใจ! พ่อเยาวชน 15 ซิ่งเก๋ง ชนบัณฑิตเกียรตินิยมดับ เผยลูกปิดห้องเงียบ ยืนยันพร้อมรับผิดชอบและเยียวยาทั้งหมด

 

จากกรณีเยาวชน อายุ 15 ปี ขับรถเก๋งหรู พร้อมเพื่อนวัยรุ่นรวม 3 คน ฝ่าไฟแดงพุ่งชนรถจักรยานยนต์ บริเวณสี่แยกไฟแดง ถนนมหาวิทยาลัยเทคโนโลยี ประตู 1 ก่อนถึงประตูทางเข้ามหาวิทยาลัย ต.สุรนารี อ.เมือง จ.นครราชสีมา เป็นเหตุให้นายธนพล แก้วมูล หรือ เต้ อายุ 24 ปี บัณฑิตเกียรตินิยมเสียชีวิตนั้น

ความคืบหน้าล่าสุด วันที่ 5 ต.ค.65 นายเทิดพงษ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 48 ปี ชาว อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ พ่อของเยาวชน ที่ขับรถชนบัณฑิตเกียรตินิยม ออกมาเปิดใจถึงเรื่องราวและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดว่า หลังรับแจ้งว่าลูกชายขับรถชนคนตาย รู้สึกตกใจมาก ในคืนนั้นพาลูกชายไปพบพนักงานสอบสวนทันที ซึ่งพนักงานสอบสวนได้นัดมาในวันรุ่งขึ้น ก็ไปตามนัดรับทราบข้อกล่าวหา

พนักงานสอบสวน ยังบอกให้ตนรอพบกับพ่อของผู้เสียชีวิตซึ่งกำลังเดินทางมา ตนก็รอจนกระทั่งพบกัน จึงพาลูกชายและเพื่อนไปกราบขอขมา โดยในวันเดียวกันตนได้ถามเรื่องค่าจัดงานศพ ได้รับคำตอบว่า แถวนั้นถ้าจัดงานศพจะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 180,000 แต่ไม่เกิน 200,000 บาท จึงหาเงินมาเตรียมไว้ ซึ่งพนักงานสอบสวนได้แนะนำให้มาจ่ายและลงบันทึกไว้เป็นหลักฐานต่อหน้าพนักงานสอบสวน

แต่ติดปัญหาเพราะทางฝั่งครอบครัวผู้เสียชีวิต ต้องรีบนำศพกลับไปที่บ้านเกิดจังหวัดนครสวรรค์ จึงเกิดการล่าช้า ไม่ได้จะมีการหลบเลี่ยงแต่อย่างใด ครอบครัวผู้เสียชีวิตเข้าใจดี วันฌาปนกิจศพ ตนตั้งใจจะไปร่วมงาน พร้อมนำเงิน 250,000 บาท ให้เป็นค่าทำศพที่หน้างาน โดยขับรถจากบุรีรัมย์ไปนครสวรรค์ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ประสานผู้ใหญ่บ้านที่หมู่บ้านที่ตั้งศพของน้องเอาไว้แล้ว

แต่เมื่อไปถึงได้ประสานกับผู้ใหญ่บ้านให้ไปติดต่อญาติในงานศพ เวลาต่อมาผู้ใหญ่บ้านกลับออกมาแล้วสรุปให้ฟังว่า ”ไม่สมควรเข้าไป” เพราะญาติผู้เสียชีวิตยังไม่ตอบรับ เกรงว่าจะมีเรื่องเกิดขึ้น จึงตัดสินใจขับรถกลับบุรีรัมย์

 

นายเทิดพงษ์ กล่าวต่อว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนขอกราบขอโทษและขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียหาย ขอโทษคนทั้งประเทศที่บางครั้งอาจจะเข้าใจผิดไปบ้าง แต่ส่วนหนึ่งตอนนี้ครอบครัวของตัวเอง โดนโลกโซเชียลรุมประณามทั่วประเทศ รวมถึงลูกชายซึ่งตอนนี้ปิดห้องเงียบ

หลังจากนี้ยังจะพยายามประสานเรื่องเยียวยาเรื่องเงินค่าทำศพต่อไปผ่านพนักงานสอบสวน ส่วนเรื่องการเยียวยาความสูญเสีย ต้องยอมรับว่าตีเป็นมูลค่าไม่ได้ เพราะไม่สามารถเอาชีวิตกลับคืนมาได้ แต่ตนก็จะรับผิดชอบทั้งหมด ซึ่งจะต้องให้กระบวนการยุติธรรมเป็นคนตัดสิน

ส่วนกรณีโลกโซเชียล ถามถึงความเป็นมาของการขับรถของลูกชายว่า รถคันดังกล่าวตนซื้อมาเอง เพราะมีอาชีพซื้อมาขายไปทีละคัน วันเกิดเหตุลูกชายซึ่งอยู่กับปู่ย่าที่ จ.นครราชสีมา ได้ขับไปโดยไม่ได้แจ้งปู่กับย่า แล้วไปเกิดเหตุ