"นายกฯ​" แจง​งบสวัสดิการบ้านพักตำรวจ​-ทหาร​ จำเป็น​ เหตุ​ต้องระดมพลได้ตลอด​ 24 ชั่วโมง​ ขอ​เข้าใจหัวอกคนทำงาน​ เสี่ยงภัยชายแดนทุกวัน​ ลั่น​ "กลาโหม" พยายามใช้งบอย่างจำกัด ป้องกันภัยความมั่นคง​ในอนาคต​ ตอกกลับ​ สส. นั่งสบายใจในสภาฯ ได้เพราะใคร อย่าทำลายขวัญกำลังใจเจ้าหน้าที่​ ยืนยัน​ให้ความสำคัญกับประชาชนมากที่สุด


วันที่ 2 มิ.ย.65 พลเอกประยุทธ์​ จันทร์โอชา​ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณี สส. อภิปรายว่า ตำรวจตระเวนชายแดน ไม่มีความจำเป็นให้ลดบทบาทว่า ภารกิจหลักของตำรวจตระเวนชายแดนคือเฝ้าตรวจตระเวนร่วมกับกำลังทหารเพื่อไม่ให้มีการรุกล้ำอธิปไตยป้องกันปราบปรามอาชญากรรมตามแนวชายแดน เพื่อรักษาประโยชน์ของชาติ ดูแลความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินตลอดจนการพัฒนาคุณภาพชีวิต และช่วยเหลือประชาชนตามแนวชายแดนให้ประชาชนมีความเข้มแข็ง เพื่อเผชิญกับภัยคุกคามในรูปแบบใหม่

โดยงบประมาณ 3 พันล้านบาท เมื่อคิดตามกรอบวงเงินดังกล่าว ตชด. ใช้งบประมาณเฉลี่ยวันละ 315 บาทต่อหมู่บ้าน ซึ่งงบประมาณดังกล่าวครอบคลุมภารกิจการจัดการเรียนการสอนอีกด้วย ดังนั้น การจัดสรรงบประมาณให้ตำรวจชายแดน จึงมีความเหมาะสม ขอให้นึกถึงหัวอกคนทำงานบ้าง ที่อยู่ตามแนวชายแดนฝ่ายความมั่นคงทุกคนก็เสี่ยงภัยกันอยู่ทุกวัน เขาก็มีครอบครัวมีชีวิตจิตใจอยู่เหมือนกัน

ส่วนที่มีการตั้งคำถามว่า เหตุใดโครงการปฏิรูประบบงานตำรวจ จึงมีงบประมาณเกี่ยวกับโครงสร้างจำนวนมาก นายกรัฐมนตรี​ระบุว่า งบประมาณ​ 3,781 ล้านบาท​ มีงบเกี่ยวกับสิ่งก่อสร้าง​ 2,668 ล้านบาทหรือร้อยละ​ 70 จัดสวัสดิการให้กับข้าราชการตำรวจ ชั้นผู้น้อยให้เป็นไปอย่างเหมาะสม มีประสิทธิภาพสร้างขวัญ และกำลังใจ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตตำรวจให้มีขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงาน​ ซึ่งความจำเป็นที่จะต้องจัดสรรบ้านพัก ให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และทหาร​ เนื่องจากจำเป็นจะต้องระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร เพื่อไปปฏิบัติหน้าที่ ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ถ้าเรียกเขาไม่ได้ 24 ชั่วโมงจะเรียกทำไม เพราะฉะนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือทหารก็มีความจำเป็น ที่ต้องมีที่พักใกล้ที่ทำงาน เพื่อระดมกำลังได้ในทันที

ส่วนเรื่องของความมั่นคงที่ สส. ได้พูดมา ตนเองก็ยืนยันว่า รัฐบาลโดยเฉพาะกระทรวงกลาโหม พยายามใช้งบประมาณอย่างจำกัด เพื่อให้เกิดความพร้อมในการเตรียมการรับสถานการณ์ในทุกรูปแบบที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ไม่มีใครประกันได้ว่าจะไม่เกิดอะไรขึ้นมาเลยในอนาคต

ดังนั้น จึงต้องประมาณการตามความจำเป็น ในการจัดหาจัดซื้อยุทโธปกรณ์ และ 2 ปีที่ผ่านมาก็มีการลดงบประมาณไปมากพอสมควร แต่ก็ต้องเห็นใจว่าในการทำเรื่องเหล่านี้ต้องมีการวางแผนงานไว้ล่วงหน้า จะรอให้หมดอายุก่อน แล้วค่อยจัดหาเป็นไปไม่ได้ ส่วนคำถามที่ว่า ทำไมไม่ซื้ออย่างที่ต่างประเทศใช้ ติดอาวุธด้วยอะไรด้วย ถ้าหากตนเองขอก็ไม่ได้อีก

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวต่อด้วยว่า ไม่สามารถที่จะบอกได้ว่า จะซื้ออะไรเพิ่มเติมมากน้อยแค่ไหน เพราะเรื่องของความมั่นคง หากตามดูก็จะพอรู้ ประเทศไทยไม่เคยได้รับความช่วยเหลือจากใครมาหลายปีแล้ว ต้องพึ่งตัวเองมาโดยตลอด จึงมีการจัดตั้งอุตสาหกรรมป้องกันประเทศขึ้นมา มีการทำงานเพื่อจะพัฒนาสิ่งเหล่านี้ขึ้นมาทดแทนในการจัดซื้อที่จากต่างประเทศ อะไรจำเป็นก็ต้องจัดซื้อ อะไรที่ทำไม่ได้ก็ต้องซื้อเขา แต่ในเรื่องการทุจริตการไม่ชอบ มีผลประโยชน์อะไรต่าง ๆ ก็ไปสอบสวนกันมา

"ขอให้เข้าใจกันบ้างไม่ใช่ว่าตนเองอยากจะซื้อแล้วไม่สนใจประชาชน หากพูดอย่างนี้ แล้วจะอยู่กันอย่างไร ตนเองก็ไม่ได้โทษใครเพียงแต่พูดให้ฟัง พอพูดให้ฟังก็หาว่าไปโทษคนอื่น แต่ถึงเวลามีปัญหาขึ้นมาท่านก็โทษผมอยู่ดี วันนี้ที่ท่านนั่งกันอยู่ทุกวันนี้ใครเขาทำงาน บ้านเมืองสงบเรียบร้อยค้าขายได้ ถนนไม่ถูกปิด ใครเขาทำงาน ถึงแม้จะมีคนบางคนคอยไปส่งเสริมสนับสนุน ตนเองก็ไม่ว่าอะไรอยู่แล้ว เพราะกฎหมายเขามีอยู่แล้ว ก็มาว่าว่าตนเองกดดันไปห้าม ไปควบคุม กฎหมาย​ คนที่ทำให้ท่านสามารถมาพูดได้ตรงนี้คือเจ้าหน้าที่ทั้งนั้น ที่ทำให้ท่านได้มานั่งพูดได้อย่างสบายใจ อยู่ตรงนี้ หากท่านทำลายขวัญของเจ้าหน้าที่ อีกหน่อยใครจะทำงาน ใครจะทำให้ท่าน เราจะมีความสงบสุขในบ้านเมืองหรือไม่ ปัญหาอยู่ที่หลายอย่างด้วยกัน ตนเองรับผิดชอบทุกอัน เพราะฉะนั้นทุกคนมีหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว มีทั้งสิทธิ และหน้าที่ที่ท่านต้องทำเพื่อประเทศชาติของท่าน ตนเองก็จำเป็นต้องชี้แจงให้ที่ประชุมทราบ ผ่านประธานไปยัง สส. ให้ทราบด้วยก็แล้วกัน"