30 ปี สุดารัตน์ บนเส้นทางการเมือง 'หญิงหน่อย' ประกาศภารกิจสุดท้ายของชีวิต นำพา ปชช.ออกจากความยากจน หมดหนี้ มีรายได้ ดันศิธา ลงสมัครผู้ว่าฯ กทม.

 

วันที่ 22 มี.ค. 2565 พรรคไทยสร้างไทย จัดงาน "30 ปีสุดารัตน์ 30 ปีแห่งความภาคภูมิใจได้รับใช้ประชาชน" ซึ่งเป็นงานครบรอบการทำงานทางการเมืองของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย โดยมีบุคคลสำคัญที่เคยร่วมงานทางการเมืองร่วมแสดงความยินดีคับคั่ง พร้อมสลับกันขึ้นเวทีเพื่ออวยพรคุณหญิงสุดารัตน์ อาทิ นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา อดีตรองนายกรัฐมนตรี นายโภคิน พลกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี นายพงศกร อรรณนพพร อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นางศันสนีย์ นาคพงศ์ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุธา ชันแสง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์  นายต่อพงษ์ ไชยสาส์น อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ายประภัสร์ จงสงวน อดีตผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย นาวาตรีศิธา ทิวารี อดีตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

ทั้งนี้ ช่วงหนึ่งนายสุธา ชันแสง ขึ้นกล่าวเปิดใจการทำงานร่วมกับคุณหญิงท่อนหนึ่งว่า "นารีขี่ม้าขาว" ที่เคยพูดถึงกันนั้นตัวปลอม แต่คุณหญิงสุดารัตน์ คือนารีขี่ม้าขาวตัวจริง และเชื่อมั่นว่านายกรัฐมนตรีคนต่อไป จะชื่อคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ โดยผู้ร่วมงานต่างปรบมือสนับสนุน

จากนั้นคุณหญิงสุดารัตน์ ได้กล่าวความในใจ ระบุว่า 30 ปีที่ผ่านมาเป็น 30 ปีแห่งความภาคภูมิใจที่ได้รับใช้ประชาชนด้วยความซื่อสัตย์ ตั้งแต่ครั้งแรกที่เป็น ส.ส. เมื่อ 22 มี.ค. 2535 ก็ต่อสู้กับเผด็จการ ไม่มีวันก้มหัวให้เผด็จการ และระยะเวลา 30 ปี ที่ทำงานรับใช้ประชาชน ไม่เคยเห็นยุคใดสมัยใดที่ประเทศชาติจะตกต่ำมากเท่านี้ ดังนั้น พวกเราไทยสร้างไทยทุกคน จะขอเดินหน้าทำภารกิจสำคัญ เป็นภารกิจสุดท้ายของตน คือ นำพาพี่น้องออกจากความทุกข์ยากให้ได้ ต้องหายจน หมดหนี้ มีรายได้อย่างยั่งยืน จึงขออาสานำทัพไทยสร้างไทย ไปทวงคืนเงินในกระเป๋า ทวงคืนประชาธิปไตย และความสุขของทุกคนที่ถูกปล้นไปกลับคืนมาให้สำเร็จ จะขอดูแลประชาชนตั้งแต่เกิดจนแก่

ทั้งนี้ ตั้งใจทำ คือ การสร้างพรรคไทยสร้างไทย ให้เป็นสถาบันการเมือง ที่ “ประชาชน” เป็นเจ้าของ เป็นสถาบันการเมืองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เป็นเครื่องมือสร้างรายได้ที่ดีที่สุดสำหรับประชาชน

 

"วันนี้ครอบครัวหน่อย ต้องเสียสละให้หน่อยอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งหน่อยต้องขอบคุณ ที่เขาเสียสละให้หน่อยมาทำงานให้กับประเทศชาติให้กับประชาชน และครั้งนี้หน่อยได้รับความทุกข์ของพี่น้องประชาชนทั้งประเทศไว้บนบ่า หน่อยเพิ่งกลับจากอีสาน พี่น้องมากอดร้องไห้ เหมือนว่าชีวิตเขาไม่สามารถเดินต่อไม่ได้แล้ว หน่อยเพิ่งไปลงพื้นที่กับรัฐมนตรีศิธา พี่ผู้หญิงคนหนึ่งทรุดลงไปกับพื้น จับขาหน่อยแล้วบอกว่าอย่าทิ้งนะ ช่วยกันค่ะ และหน่อยสัญญาว่าจะจับมือกับพี่น้องอย่างมั่นคง ไม่ทอดทิ้งพี่น้อง และจะนำไปสู่การทำให้พี่น้อง “หายจน หมดหนี้ มีรายได้อย่างยั่งยืน" 

 

ทั้งนี้ มีรายงานข่าวจากพรรคไทยสร้างไทย แจ้งว่า พรรคตัดสินใจส่ง น.ต.ศิธา ทิวารี ประธานคณะกรรมการอำนวยการและพัฒนาพรรค อดีตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และอดีต ส.ส.กทม. ลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในนามพรรค โดยจะมีการเปิดตัวเป็นทางการในวันที่ 30 มี.ค. ซึ่งขณะนี้กำลังหาสถานที่เปิดตัว อย่างไรก็ตาม ในวันดังกล่าวจะมีการเปิดตัวผู้สมัครสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) ของพรรคทั้ง 50 เขต รวมทั้งเปิดตัวนโยบายที่จะใช้หาเสียงทั้งของผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. และผู้สมัคร ส.ก. ด้วย

คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทย เปิดตัวนางสาวแพรทองธาร ชินวัตร เป็นหัวหน้าพรรคครอบครัว ว่า ต้องขอแสดงความยินดีที่จะมีคนใหม่ ๆ เข้ามาทางการเมือง และอยากให้มีเข้ามาเยอะ ๆ เพื่อเป็นทางเลือกให้ประชาชน ถ้าใครเข้ามาทำเพื่อประชาชนก็ถือเป็นเรื่องดี แต่ไม่ขอวิพากษ์วิจารณ์ ว่า นางสาวแพรทองธาร เข้ามาทำงานการเมืองในช่วงอายุเพียง 35 ปี เมื่อเทียบกับพรรคอื่น จะสามารถทำให้พรรคเพื่อไทยเข้มแข็งได้หรือไม่ แต่ขอให้กำลังใจ ส่วนตัวก็เป็นอีกหนึ่งคนที่เสนอตัวมาทำเพื่อประชาชน แต่ทุกอย่างขึ้นอยู่กับประชาชนว่าจะเห็นอย่างไร

ทั้งนี้ หากพรรคมีมติเสนอชื่อตนเองให้เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค ก็พร้อมนำทีมอาสาพรรคไปทางคืนความสุข ทวงคืนเงินในกระเป๋า และทวงคืนประชาธิปไตย

คุณหญิงสุดารัตน์ ยังไม่ขอตอบถึงกรณีที่ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย นายการุณ โหสกุล ไม่ได้ไปร่วมงานครอบครัวเพื่อไทย ที่ จ.อุดรธานี และได้โพสต์เฟซบุ๊กใจความว่า ผมไม่เสียใจ ที่ไม่ได้เป็นคนในครอบครัว และระบุว่า เรื่องนี้คงไม่สามารถตอบแทนคนอื่นได้ ขอให้ไปถามเจ้าตัวเอง