'เพชร กรุณพล' ชี้ ผลเลือกตั้งซ่อมหลักสี่สะท้อนประชาชนไม่เอา 'พปชร.- ประยุทธ์' ฝากเตือนเหลือเวลาอีก 1 ปี หากยังแก้ปัญหาให้ประชาชนไม่ได้ อย่าหวังได้กลับมาเป็นรัฐบาล มั่นใจ 'นายกฯ' ไม่ยุบสภาแน่ เหตุยุบไปก็แพ้

 

วันที่ 1 ก.พ. 2565 นายกรุณพล เทียนสุวรรณ ผู้สมัคร ส.ส.พรรคก้าวไกล กล่าวถึงผลการเลือกตั้งซ่อมหลักสี่ ว่าที่พรรคพลังประชารัฐได้คะแนนน้อยมากในครั้งนี้ เกิดจากหลายปัจจัย อย่างแรก คนออกมาใช้สิทธิ์น้อยประมาณแค่ร้อยละ 50 หายไปประมาณ 8 หมื่นคน จากปี 2562 อีกหนึ่งประเด็น คือ คนไม่เชื่อเรื่องตัวแทนหรือสภาผัวเมีย และที่สำคัญ คือ นโยบายของพรรคพลังประชารัฐ ที่เคยให้สัญญากับประชาชนตั้งแต่ปี 2562 จนถึงตอนนี้ ยังไม่สามารถทำได้เลยแม้แต่ข้อเดียว ขณะที่ปัญหาเศรษฐกิจไม่สามารถที่จะแก้ได้ จึงทำให้ผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐ ไม่ได้รับการยอมรับ

นายกรุณพล กล่าวอีกว่า ผลการเลือกตั้งครั้งนี้หากวิเคราะห์จากคะแนน ได้สะท้อนว่า เขาไม่เอาพรรคพลังประชารัฐและเขาไม่เอาพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีด้วย เพราะว่าพรรคที่ได้คะแนน 2 อันดับแรก ทั้งเพื่อไทยและก้าวไกล เราชูนโยบายชัดเจนว่าเราไม่เอาพลเอกประยุทธ์ ขณะที่พลังประชารัฐ เราก็เห็นชัดเจนว่า มีความแตกแยกกันในพรรค เกิดการทะเลาะแย่งเก้าอี้และมีความไม่ชัดเจนในพรรคด้วย อาจจะส่งผลให้ประชาชนรู้สึกไม่มั่นใจที่จะเลือกพรรคพลังประชารัฐ คงต้องฝากผู้มีอำนาจหากยังคงอยากเป็นรัฐบาล ต้องใช้เวลาที่เหลืออีก 1 ปี ปรับแก้ไขจุดด้อยให้ได้

 

"นี่อาจจะเป็นเขต ๆ เดียวในกรุงเทพฯ อาจจะไม่ได้วัดความสำคัญของทั้งประเทศ แต่อย่างน้อยมันก็ชี้ให้เห็นว่าคะแนนจาก 33,000 เหลือแค่ 7,000 กว่า และมีเสียงคนที่เคยรัก วันนี้กลับกลายเป็นไม่รัก กลับกลายเป็นนิ่งเฉย นั่นหมายความว่าการบริหารจัดการตลอด ระยะเวลา 3 ปี ที่เป็นรัฐบาล และ 5 ปีที่เป็น คสช. มันไม่ได้ทำให้ประชาชนกินดีอยู่ดีหรือสร้างความสุขให้กับประชาชนเลย เพราะฉะนั้นเวลาที่เหลืออีก 1 ปี จงทำงานให้หนัก จงรับฟังให้มาก และปฏิบัติให้ได้จริง อย่าขายฝัน เพราะวันนี้มีคนรู้ทัน และมีคนตรวจสอบทุกอย่างได้ด้วยตัวเอง เพราะฉะนั้นคำโกหกไม่สามารถปกปิดอยู่ใต้พรมได้อีกแล้ว ถึงเวลาที่ต้องแสดงความจริงใจ ในการแก้ไขปัญหาให้กับประเทศได้แล้ว ถ้าครั้งหน้าคุณอยากจะชนะและเป็นรัฐบาลอีกครั้ง"

 

นายกรุณพล ยังแสดงความมั่นใจว่า นายกรัฐมนตรีคงไม่ตัดสินใจยุบสภา เพราะด้วยกระแสแบบนี้ หากยุบสภาเท่ากับว่าเขายอมแพ้ ยกธงขาวเลย ดังนั้น หากจะยุบสภา คงต้องผ่านงบประมาณให้ได้ก่อนและคงต้องสร้างผลงานอะไรที่เป็นรูปธรรมเพื่อความชัดเจนหรือสุดท้ายต้องวางแผนยุทธศาสตร์ในการเลือกตั้งให้เสร็จเสียก่อนเขาถึงจะกล้ายุบ เพราะหากวันนี้ยุบไปก็เท่ากับยุบไปแพ้มากกว่า

 

"ผลการเลือกตั้งครั้งนี้ ชัดเจนว่าพรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทยไม่ได้ตัดคะแนนกัน ประชาชนเลือกแต่ละพรรคด้วยความคิด หัวใจ และด้วยความชอบ ไม่มีใครสั่งประชาชนได้ การพูดเรื่องตัดคะแนนกันเอง อาจจะเป็นการดูถูกประชาชนด้วยซ้ำ แต่ก็ยอมรับว่า สำหรับพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกล ในสนามเลือกตั้งต้องเป็นคู่แข่งกันอยู่แล้ว แต่ไม่ใช่แข่งกันจนเป็นศัตรู แต่มันมีการผลัดกันแพ้ชนะ ขึ้นอยู่กับประชาชน และเมื่อจบการแข่งขันพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกลก็ยังคงสามารถร่วมทางเดินกันได้เพราะเป้าหมายเรา เหมือนกันคือต้องการให้ประเทศเป็นประชาธิปไตย"

 

นายกรุณพล ระบุว่า ในการเลือกตั้งครั้งหน้ายังไม่รู้ว่าจะได้ลงเขตเดิมหรือไม่ หรือจะไปอยู่ในบัญชีรายชื่อ แต่ส่วนตัวค่อนข้างมั่นใจว่า หากได้ลงเขตเดิมกับระยะเวลาในการทำพื้นที่อีก 1 ปี ก็น่าจะสนุกกว่านี้และคิดว่าจะซื้อใจประชาชนได้มากกว่านี้ เพราะแค่การเลือกตั้งซ่อม ผลที่ได้รับ เกินคาดไปมากแล้ว และการที่เราสามารถเอาชนะใจทหารได้ก็ถือว่าเป็นความสำเร็จหนึ่งที่เกิดขึ้นจากการเลือกตั้งครั้งนี้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่ากองทัพเริ่มเข้าใจนโยบายของพรรคก้าวไกลแล้ว