จากกรณีที่มีผู้โพสต์คลิปเด็กชายคนหนึ่งอายุ 7 ขวบ ขโมยของตามร้านค้ายามวิกาล พร้อมข้อความระบุว่า “เกิดอะไรขึ้นกับน้องอายุแค่นี้รักขโมยแล้ว พ่อแม่ใช้มาหรือไง ขอให้เจ้าหน้าที่ผู้ที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบด้วย เตือนภัยถูกเด็กอายุเจ็ดขวบ รื้อค้นขโมยเงินในลิ้นชักร้านขายมะม่วงแต่ไม่ได้อะไรไป และมีอีกหลายร้านที่โดน ตีสามกว่า ๆ ออกมาขโมยของ พ่อแม่ ทำไมไม่รู้ว่าลูกออกมาขโมยของ เห็นแววอนาคตเข้าออกคุกเป็นอาชีพแน่”

วันนี้ (10 พ.ค. 2567) ทีมข่าวได้ลงพื้นที่เกิดเหตุ บริเวณริมถนนรามคำแหง 2 ซึ่งเป็นร้านขายของที่ถูกเด็กที่ปรากฏในคลิปอยู่ระหว่างการรื้อค้นหาทรัพย์สิน และเป็นร้านของหนึ่งในผู้เสียหายและเป็นผู้โพสต์เรื่องราวดังกล่าว จากการสอบถาม นางวันนา (นามสมมติ) อายุ 61 ปี เจ้าของร้านหนึ่งในผู้เสียหายและเป็นผู้โพสต์เล่าว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาสามีได้ตื่นมาเห็นร้านขายของตนเองที่อยู่หน้าบ้าน ลักษณะมีสิ่งของถูกเคลื่อนย้ายผิดปกติ จึงได้มีการตรวจสอบกล้องวงจรปิดและได้เห็นภาพคลิปเด็ก 7 ขวบกำลังรื้อค้นทรัพย์สิน แต่ไม่ได้อะไรไปเพราะตนเองไม่ได้เก็บทรัพย์สินมีค่าไว้

ต่อมาจึงได้มีการโพสต์คลิปพร้อมข้อความกับกลุ่มผู้ที่ขายของบริเวณใกล้เคียง จึงได้รู้ว่าเด็กชายวัย 7 ขวบที่ปรากฏในคลิปมีพฤติกรรมแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว โดยมีการขโมยทรัพย์สินจากร้านขายของ บริเวณนี้ผ่านมาแล้วประมาณ 3-4 ราย แต่ทุกคนก็ไม่อยากที่จะเอาเรื่องเพราะเห็นเป็นเด็กเล็ก และหลังจากที่ก่อเหตุกับร้านของตนเองเมื่อช่วงกลางดึกแล้ว เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาตนเองยังได้รู้ว่าเด็กคนนี้ได้เข้าไปขโมยของในเทสโก้-โลตัส ซึ่งตอนนี้ได้มีการแจ้งความดำเนินคดีแล้ว แต่ไม่รู้ว่าถูกดำเนินการจับกุมไปหรือยัง

โดยที่ตนเองโพสต์เพื่อจะเป็นการเตือนภัย และบอกให้กับผู้ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยดูแลเด็ก เพราะไม่รู้ว่าพ่อแม่ของเด็กรู้หรือไม่ว่าลูกตัวเองมีพฤติกรรมแบบนี้ ที่ผ่านมาตนเองรู้มาว่าเด็กคนนี้ นอกจากจะมีการขโมยของแล้ว ยังมีพฤติกรรมชอบขอเงิน ซึ่งบางคนเห็นก็สงสารจึงอยากจะซื้อของแล้วให้ของกิน แต่เด็กไม่เอาต้องการที่จะเอาเงิน ตนเองจึงรู้สึกว่าเด็กคนนี้น่าจะมีรุ่นพี่ที่อยู่เบื้องหลัง และคอยสอนให้ทำพฤติกรรมแบบนี้ จึงทำให้เด็กกล้าที่จะก่อเหตุไม่กลัว เพราะช่วงเวลากลางดึกเป็นช่วงที่เด็กสมควรที่จะเข้านอนแล้ว ไม่ใช่มาเดินตระเวนลักทรัพย์หรือขโมยทรัพย์สินแบบนี้

ส่วนตัวเห็นเด็กก็รู้สึกสงสาร เพราะเด็กก็มีลักษณะที่ดีหากมีการขัดเกลา เพื่อเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของเด็กให้ไปในทางที่ดี หากปล่อยไว้อย่างนี้ เด็กคนนี้น่าเป็นห่วงอนาคตเป็นอย่างมาก ว่าสุดท้ายแล้วก็ต้องติดคุกและหมดอนาคตในที่สุด

ขณะที่ต่อมาทีมข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังชุมชนมหาดไทย 5 เขตสวนหลวง ซึ่งเป็นบ้านของเด็กชายวัย 7 ขวบและได้พบกับ นายเอ (นามสมมติ) พ่อของเด็กชายที่ก่อเหตุ เปิดเผยว่า ตนเองรู้ว่าลูกมีพฤติกรรมแบบนี้เคยชดใช้ผู้เสียหายและเคยขึ้นโรงพักมาแล้วหลายครั้ง แต่ทุกครั้งผู้เสียหายจะไม่เอาเรื่องเด็ก

โดยยอมรับว่า ตนเองไม่มีเวลาที่จะดูแลลูกอย่างใกล้ชิด เพราะกลางวันทำงานและเด็กจะอยู่กับแม่ภายในชุมชน และเมื่อตกกลางคืนเด็กก็จะหนีออกไปข้างนอกกับเพื่อนที่โตกว่าหรือเป็นรุ่นพี่ ซึ่งตนเองก็พยายามติดตามมาแล้วหลายครั้ง แต่ก็ยังหนีออกไปอีก เชื่อว่าลูกถูกรุ่นพี่คอยสั่งสอนและใช้ให้ทำจึงมีพฤติกรรมแบบนี้ ยอมรับว่าเป็นห่วงลูกอย่างมาก และครั้งนี้ได้มีการประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อจะส่งลูกไปปรับพฤติกรรม และให้ห่างจากเพื่อนกลุ่มที่คอยสั่งสอนให้ลูกตนเองทำพฤติกรรมที่ไม่ดี แต่เมื่อตนเองถามว่าเพื่อนคนไหนหรือรุ่นพี่คนไหนที่เป็นคนใช้ให้ทำแบบนี้ ลูกก็ปฏิเสธที่ไม่ยอมบอก