จากกรณีนายกวีวัฒน์ หรือ โกแบงค์ อายุ 28 ปี ป่วยไบโพลาร์ ได้ไลฟ์เฟซบุ๊กส่วนตัว นำลูกสาววัย 1 ขวบเศษ ขับรถยนต์เก๋งพุ่งตกแม่น้ำตรัง บริเวณใต้สะพานพระยารัษฎานุประดิษฐ์ หรือ สะพานย่านซื่อ ตรงข้ามกับวัดย่านซื่อ พื้นที่หมู่ 3 ต.ย่านซื่อ อ.กันตัง จ.ตรัง

 

และล่าสุดนายกวีวัฒน์ หรือโกแบงค์ ได้เสียชีวิตแล้วเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ส่วนอาการของเด็กหญิงวัย 1 ขวบ 7 เดือน ยังโคม่า โอกาสรอดเพียง 10 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น

 

นางสาวลภัสรดา อายุ 25 ปี อดีตภรรยาและแม่ของเด็กหญิงวัย 1 ขวบเศษเปิดเผยทั้งน้ำตาว่า หมอแจ้งอาการล่าสุดของลูกสาววัย 1 ขวบเศษว่ามีโอกาสรอดชีวิตเพียงแค่ 10 เปอร์เซ็นต์เพราะสมองน้องตายไปแล้วหากต้องยื้อชีวิตก็มีเพียงแค่หัวใจที่ยังเต้นและความดันหมอก็พยายามช่วยอย่างเต็มที่ตลอดเลย เพราะตอนแรกรับน้องขึ้นมาจากน้ำเจ้าหน้าที่กู้ชีพใช้เวลาปั๊มหัวใจน้องกว่า 30 นาทีซึ่งโอกาสรอดก็ยากอยู่แล้ว หลังจากส่งตัวน้องจากรพ.กันตัง มารพ.เมืองตรัง อาการน้องก็ไม่ตอบสนองแล้วซึ่งหลังจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแจ้งเมื่อเช้านี้ว่าโอกาสรอแค่ 10 เปอร์เซ็นต์ ถ้ารอดก็เป็นเจ้าหญิงนิทรา

 

โดยปมเหตุที่อดีตสามีตัดสินใจจบชีวิตนั้น นางสาวลภัสรดา กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ตนพยายามจะไปเอาลูกมาเลี้ยงเองมาตลอดเพราะอดีตสามีพยายามฆ่าตัวตายมาหลายครั้ง เราเห็นจากการโพสต์บนโซเชียลมีเดียมาตลอดเราก็พยายามแคปหน้าจอไว้ทุกช่องทางและไปแจ้งตำรวจไว้ เพื่อจะใช้เป็นหลักฐานในการไปขอลูกคืนแต่อดีตสามีก็บอกให้ไปฟ้องศาลเอา เพราะที่ผ่านมาเราพยายามเจรจาแต่ไม่ลงตัวเราก็ทราบว่าเขาป่วยจิตเวช ไบโพลาร์ อารมณ์ 2 ขั้ว สุดท้ายก็มีการเจรจาขอเจอลูกสัปดาห์ละ 1 ครั้งและตนก็จะซื้อของใช้ลูกให้ขอแค่ให้ได้เจอหน้าลูก ซึ่งปมเหตุของการตัดสินใจจบชีวิตในหลายครั้งส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องเงินเห็นได้จากการตัดพ้อผ่านโซเชียลมีเดียบ่อยๆ เนื่องจากไม่มีงานทำเป็นหลักเป็นแหล่ง และชอบโพสต์หาค่านมลูกผ่านทางโซเชียลมีเดียบ่อยๆ

 

ด้านนางอารี อายุ 57 ปี ยายของเด็กหญิง 1 ปี เปิดเผยว่า ปกติหลานเป็นเด็กร่าเริง อารมณ์ดี และตอนนี้ตนเองหัวใจสลายเมื่อทราบข่าวอาการน้องตอนนี้มีโอกาสรอดแค่ 10 เปอร์เซ็นต์หมอให้ดูอาการคืนนี้อีก 1 คืน และการที่พ่อเขาตัดสินใจทำแบบนี้ไม่ใช่ครั้งแรก ครั้งก่อนเขาก็ไลฟ์สดและพยายามฆ่าตัวตายพร้อมลูกที่สะพานแก้มดำ แต่ทางเราก็พยายามเอาหลานกลับคืนมาแต่เขาไม่ให้แค่จะไปเยี่ยมก็ยังไม่ได้เลย ไม่รู้ว่าทางญาติเขารักหรือห่วงแบบไหนถึงไม่ให้เราพบหน้าเลยสภาพแวดล้อมเป็นอย่างไรเราก็ไม่รู้เลย เพราะหลานอยู่กับเราสภาพจิตใจเขาดี

 

ต่อมาทีมข่าวได้สอบถามนางวันเพ็ญ ชาวบ้านในพื้นที่ซึ่งเป็นคนเห็นเหตุการณ์เป็นคนแรกเล่าให้ฟังว่า ช่วงเวลาประมาณบ่าย 3-4 โมงกว่า ตนเองได้กวาดขยะอยู่หน้าบ้าน ได้ยินเสียงรถเบิ้ลเครื่องเสียงดัง จึงได้หันไปดูก็พบว่ารถเก๋งคันดังกล่าวได้พุ่งลงแม่น้ำด้วยความเร็วและค่อยๆจมลง ตอนแรกตนเองก็คิดว่ารถเก๋งคันดังกล่าวอาจเบรกแตกและเกิดอุบัติเหตุพุ่งลงน้ำ ด้วยความตกใจตนเองจึงวิ่งเข้าไปตะโกนเรียกชาวบ้านให้มาช่วยเหลือ

 

ส่วนรถคันดังกล่าว ได้มาจอดอยู่บริเวณจุดเกิดเหตุตั้งแต่เมื่อไหร่ตนเองไม่รู้ แต่คิดว่าไม่น่าจะจอดทิ้งไว้นาน เนื่องจาก ตนเองไม่เคยเห็นมาก่อน และรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยตนเองนั้นสงสารเด็กที่จมน้ำ เพราะเด็กเขาไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วย

 

ขณะเดียวกันทีมข่าวยังได้พูดคุยกับนายอำพัน ศรีสุวรรณ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ม.3 ต.ย่านซื่อ ซึ่ง เป็นชาวบ้านที่วิ่งไปช่วยสองพ่อลูกเป็นคนแรก เล่าให้ฟังว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองกำลังร้องคาราโอเกะอยู่ภายในบ้าน ระหว่างนั้นมีเสียงโทรศัพท์จากชาวบ้านโทรมาบอกว่ามีรถจมน้ำบริเวณแม่น้ำตรังหน้าบ้าน ตนเองจึงวิ่งไปช่วยเหลือพร้อมถือค้อนไปด้วย

 

แต่เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุไม่พบรถเก๋งของสองพ่อลูกแล้ว แต่ตนเองได้มองลงไปเห็นฟองอากาศที่ผุดขึ้นจากน้ำ จึงรู้ทันทันทีว่า มีรถจมอยู่ใต้น้ำ

 

จากนั้นตนเองจึงได้กระโดดดำน้ำลงไปช่วย และพยายามใช้ค้อนทุบกระจกรถ แต่ทุบยังไงก็ทุบไม่แตก จึงตัดสินใจรีบวิ่งกลับมาที่บ้านและ พยายามนำเชือกไปผูกกับราวเหล็กบนฝั่ง ก่อนที่จะมีชาวบ้านนำรถไถมาช่วยดึงรถเก๋งของสองพ่อลูกขึ้นมาจากน้ำ

 

แต่เมื่อนำรถขึ้นจากน้ำทั้งสองพ่อลูกก็หมดสติอยู่ภายในรถแล้ว ส่วนเวลาที่สองพ่อลูกจมน้ำ เวลาประมาณ 10 - 20 นาทีได้ ซึ่งตนเองรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ไม่สามารถช่วยเหลือสองพ่อลูกออกไปได้ แต่ตนเองก็ทำดีที่สุดแล้ว

 

สำหรับความลึกของแม่น้ำดังกล่าวประมาณ 5 เมตร