จากกรณี หนุ่มร้องทุกข์เดินหน้าแจ้งความ ถูกคนทำร้ายร่างกาย หลังหลอกยืมเงิน 45,000 บาท และนำรถจักรยานยนต์ มาค้ำประกัน แต่ปรากฏว่า วันรับรถ โดนกลุ่มชายฉกรรจ์ทำร้าย ซึ่งอ้างว่ารถที่รับไว้เป็นของกลาง และพวกตนเป็นตำรวจสอบสวนใน สน. แห่งหนึ่ง

 

ต่อมาในวันนี้ ทางด้าน นายวัชระ อายุ 42 ปี เดินทางมาให้ปากคำเพิ่มเติม ที่ สภ.ย่อยบางน้ำจืด จังหวัดสมุทรสาคร พร้อมเผยว่า ในวันเกิดเหตุ ได้มีคนติดต่อขอยืมเงิน ซึ่งคนที่โทรได้รับคำแนะนำจากเพื่อนตน ตนเลยเชื่อใจ

 

ซึ่งในตอนแรก ทางผู้ก่อเหตุ ได้ยื่นข้อเสนอจะขายรถให้ตน แต่ด้วยรถที่นำมาขายยังผ่อนไม่หมด ตนเลยไม่รับ จึงมีการยื่นข้อเสนอเป็นเอารถมาค้ำประกันแทนตนจึงตกลง

 

และรถจักรยานยนต์ ที่ทำข้อตกลงคือ ยี่ห้อ Honda Click 160 cc สีดำ และมีการนัดหมายให้มาพบที่บริเวณภายในวัดพื้นที่ตำบลบางน้ำจืด อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร

 

เบื้องต้นในด้านเอกสารนั้น ตรวจสอบแล้ว พบว่าเป็นชื่อของผู้ก่อเหตุจริง จึงเชื่อใจเห็นว่าเป็นผู้ใช้รถเองชื่อตรงเอกสารถูกต้องจึงรับไว

 

จากนั้น ตนจึงทำการโอนเงิน จำนวน 45,000บาท ในขณะที่นำรถมาให้ตรวจ โดยชื่อบัญชี คือ นายสุนทร และหลังจากได้รับเงิน ทางผู้ก่อเหตุก็มีการโทรศัพท์ พร้อมในช่วงเวลาประมาณ 17.30 น ได้มีชายไม่ทราบชื่อขับรถจักรยานยนต์ยี่ห้อ Honda Click สีดำมา เข้ามาหานายสุนทร

 

จากนั้นรถยนต์กระบะยี่ห้อ Nissan สีบรอนซ์ แล่นมาจอดใกล้กับจุดที่ตนและนายสุนทรยืนอยู่ มีชายจำนวน 3 คน ลงมาจากรถและแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจแอบอ้างว่ารถจักรยานยนต์คันดังกล่าวถูกรับเอามาและมีเจ้าของเป็นรถของกลาง ตนเองจึงได้สอบถามว่า ชายกลุ่มดังกล่าวเป็นใครมาจากไหน ได้คำตอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ที่กำลังติดตามรถคันนี้อยู่ เมื่อขอดูเอกสาร ขอดูบัตรเจ้าหน้าที่ก็ไม่ให้ดูอ้างว่าเจ้านายสั่งมา ตนเองเสียเงินไปตั้ง 45,000 บาท เป็นเงินที่เก็บมา เพียงแค่จะลองดูและเพิ่งทำครั้งแรก กับมาต้องสูญเงินและเจ็บตัว เมื่อเจอเหตุการณ์แบบนี้จึงรีบไปคว้ากุญแจรถยนต์ เอาไว้ก่อน จากนั้น กลุ่มชายดังกล่าวก็เข้ามารุมทำร้ายร่างกายตนจนฟกช้ำมาจนถึงตอนนี้ร่างกายก็เพิ่งฟื้นตัวนิดหน่อย หลังเกิดเหตุจึงได้รวบรวมหลักฐานเข้ามาแจ้งความและมาให้ปากคำเพิ่มเติมในวันนี้ ซึ่งหลักฐานชื่อผู้กระทำผิดชัดเจนมีหลักแหล่งแต่หลังเกิดเหตุผู้ก่อเหตุได้เปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ไปแล้วก็หวังพึ่งเจ้าหน้าที่เร่งติดตามกลุ่ม ชายดังกล่าว 4 คนที่คาดว่า น่าจะเป็น กลุ่มมิจฉาชีพ ที่ร่วมกระบวนการ มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

 

จากกรณี หนุ่มร้องทุกข์ เดินหน้าแจ้งความถึง ถูกคนทำร้ายร่างกาย หลังหลอกยืมเงิน 45,000 บาท และนำรถจักรยานยนต์ มาคำประกัน แต่ปรากฏว่า วันรับรถ โดนกลุ่มชายฉกรรจ์ ทำร้าย ซึ่งอ้างว่า รถที่รับไว้ เป็นของกลาง และพวกตนเป็นตำรวจสอบสวนใน สน. หนึ่ง

 

ต่อมาทีมข่าว ได้เดินทางไปพูดคุย นายอนุรักษ์ หรือ หนึ่ง ผู้ก่อเหตุ ที่มากับรถกระบะ เปิดใจว่า ต้องเล่าย้อนว่า เมื่อปีก่อนตนเคย มีการขายรถมอเตอร์ไซค์ของเพื่อน ให้กับแก๊งขายรถข้ามประเทศ แต่เมื่อถึงช่วงที่คนมารับรถจะเอารถไป ตนมีการเปลี่ยนใจ จะเอาไม่ขาย และนำเงินคืนนายทุน แต่กลายเป็นว่า เขาขับรถตนหนีไป

 

ต่อมาตนพยายามตามหารถ และเข้าแจ้งความ ที่เขตพื้นที่ สภ.โคกขาม และทำการติดต่อกับกลุ่มดังกล่าว เพื่อขอคืนรถ เพราะด้วยเป็นรถของเพื่อน ตนไม่บอกเพื่อนด้วย แต่พยายามติดต่อเท่าไหร่ก็ไม่ได้คืน จึงทำให้ตนต้องโดนเพื่อนแจ้งความ

 

ตลอดระยะเวลาที่เกิดเรื่องตั้งแต่วันนั้น จนถึงวันนี้ ตนก็ยังไม่ได้รถคืน ตนพยายามตามหา โดยใช้วิธีการเดียวกับ กลุ่มนายทุน คือ ทักไป ขายไปรถ และให้มันโอนเงินมาให้ และเมื่อโอนเงินมา ก็จะเข้าชาร์ต โดยการเอาเอกสารแจ้งความและสอบถามกับ แก๊งแบบนี้ว่าเคยเห็นรถตนไหม รู้จักคนเหล่านี้ หรือนายทุนลาวที่มีการรับรถไปทำแบบนี้ เมื่อเจอก็จะนำคนเหล่านี้เข้ามาให้ข้อมูลกับตำรวจ เพื่อชี้เบาะแส การตามรถถ้าถามว่าในข้อมูลทั้งหมด มีการทำหลายครั้งจริง และโดนแจ้งความเยอะมากจริง เพื่อต้องการแก้แค้น และแฉพฤติกรรมเหล่านี้

 

พร้อมจากกรณีนี้ ยอมรับตนเป็นคนในคลิปจริง ซึ่งต้องเล่าว่า นายสุนทร เป็นเจ้าของรถ และเป็นตัวล่อให้ตน จากการที่ตนทักนายทุนเจ้านี้ไป และมีการนัดซื้อขายรถจริง และในวันเกิดเหตุ ตนให้เพื่อนเอารถไป และพวกตนตามไปด้วยรถกระบะ กับเพื่อนอีก 2 คน ต้องขอยืนยันว่า เพื่อนตนที่อยู่ในเหตุการณ์ ไม่มีใครเต็มใจ แต่ด้วยความสงสารตน จึงยอมช่วยเหลือ

  

ซึ่งเมื่อมีการซื้อขาย โอนเงินเรียบร้อยแล้ว ตนจึงเข้าไปหาและสอบถาม นายไก่ (นามสมมติ) ว่าใช่แก๊งเดียวกับนายทุนที่เอารถตนไปจริงไหม เขาทำการพยักหน้าตลอดการสอบถาม ทำให้ตนเชื่อว่า เขารู้จัก และเป็นคนในขบวนการนั้น ตนจึงขอให้เขา ไป สภ. กับตน เพื่อให้ข้อมูลกับทางตำรวจ และเพื่อสืบเบาะแสหารถมอเตอร์ไซค์ แต่เกิดการขัดขืน และเขาต่อยตนก่อน เพื่อนตนไม่ได้ทำการรุม ตนอยากให้เขาพูดความจริงให้หมด ว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร

 

และถ้าถามว่า การกระทำตน เหมือนโจรไหม ยอมรับว่าตนทำไม่ถูก แต่ตนจะไม่ยอม ตนจะทำต่อไป ตนแค้น ทุกครั้งที่ตนทำการล่อซื้อ ได้เงินมา ตนจะเอาไปประกันตัว หรือ เอาไปจ้างทนาย ตนกลัวตาย แต่ก็จะทำต่อ

 

ตนไม่เคยทำคนดี ตนจะทำการล่อซื้อ แต่พวกที่ทำธุรกิจแบบนี้ มันจะมีกลุ่มลับกัน ที่เป็นคนรู้จัก ถ้าถามว่าทำไมต้องทำ ไม่เชื่อตำรวจหรอ ตนอยากบอก ตนทำเองเร็วกว่า ตามสืบเองเร็วกว่า ต่อให้รอตำรวจ ก็ไม่รู้จะมีหวังไหม แต่ตั้งแต่ตนทำแบบนี้ ตนเจอกลุ่มแก๊งนายทุนคนนี้หลายครั้ง แต่ไม่ใช่ทุกครั้งที่ประสบความสำเร็จ

 

ตอนนี้ตนโดนตั้งข้อหา ทำร้ายร่างกายและแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งตนเชื่อว่า ทางตำรวจจะทำการตรวจสอบ เพื่อพิสูจน์ความจริงให้กับตน ในตัวเพื่อนๆ จะโดนด้วยไหม ตนอยากของยืนยันว่า ยังไง เพื่อนตนก็ไม่เกี่ยวข้อง ไม่ได้เต็มใจที่จะกระทำ ถามว่า ตนมีพฤติกรรม แบบนี้กี่ครั้ง ตนจำไม่ได้ ตนทำมาตลอด มีหมายเรียก แจ้งความ ก็ไปประกันตัว และชี้แจงในสาเหตุของการกระทำเสมอ ทุกครั้งที่ตนทำจะได้เงินหลักหมื่นเสมอ หลักพันตนไม่เอา

 

พร้อมยืนยันว่า ตนไม่เคยกล่าวอ้างว่า ว่าเป็นตำรวจกับเขา ตนแค่เอาเอกสารเก่า จาก สภ. โคกขาม ให้เขาดู เพื่อสอบถามความสัมพันธ์ของเขากับนายทุนที่ตนตามหา

 

ทั้งนีั หลังจากสัมภาษณ์ กับทีมข่าวเสร็จ ทางด้านผู้ก่อเหตุ ให้ข้อมูลว่าจะมาพบตำรวจ ที่ สภ.เมือง แต่เมื่อทีมข่าว เข้ามาพบว่าไม่เจอตัว และจากการสอบถามกลับไม่มีข้อมูลว่าเข้ามา พร้อมเมื่อทีมข่าวพยายามติดต่อไปยังเบอร์ที่ได้ติดต่อและพูดคุย กลับพบว่าปิดเครื่องไปแล้ว

 

พร้อมทั้งนี้ ทีมข่าวพยายามติดต่อ นายไก่ ผู้เสียหายอีกครั้ง แต่กลายเป็นไม่รับสายทีมข่าวอีกเลย

สุดพีก! หนุ่มขายรถถูกบุกตีชิงเงิน ที่แท้แก๊งล่าหัวตลบหลัง ลั่นคนพันธุ์นี้ต้องเจอกับผม