จากกรณีเมื่อวันที่ 15 เมษายน 2567 ในพื้นที่หมู่ 10 ต.ท่าตูม อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี ได้มีการจัดงานไหลวันสงกรานต์ โดยจัดขึ้นตั้งแต่ช่วงบ่ายพอถึงเวลา 16.00 น. ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สั่งปิดเครื่องเสียง และปิดกั้นการจราจรของประชาชนที่จะเดินทางเข้ามาภายในงานไหล เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดการก่อเหตุทะเลาะวิวาทกันภายในงาน คล้ายกับหลายปีที่ผ่านมา






ต่อมาได้เกิดคลิปการทะเลาะวิวาทและมีการฉุดยื้อกระชาก ระหว่างนักท่องเที่ยวและเจ้าหน้าที่ตำรวจ บริเวณหน้าโรงกลึงแห่งหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าภายในพื้นที่ โดยภายในคลิปเจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามเป่านกหวีด เพื่อห้ามไม่มีการเกิดทางการทะเลาะวิวาทกันขึ้น และภายในคลิปยังมีเสียงของผู้หญิงตะโกนบอกว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจบ้วนน้ำลายใส่หน้าร้าน และยังพบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ 1 นาย มีร่องรอยเขียวช้ำอยู่บริเวณตาฝั่งขวา ก่อนที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและคนภายในร้านจะพาเจ้าหน้าที่ตำรวจรายนั้นออกมาบริเวณด้านนอก


ต่อมาเมื่อเวลา 11.00 น ของวันที่ 19 เมษายน 2567 พล.ต.ต.ภูมินทร์ สิงหสุต ผบก.ภ.จว.ปราจีนบุรี ได้เดินทางมาสอบสวนและสั่งการให้ พ.ต.อ.มงคล โท้เป๋า ผกก.สภ.ศรีมหาโพธิ์ พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบเร่งติดตามตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุที่ สภ.ศรีมหาโพธิ เบื้องต้นทราบตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุในวันนั้นทั้งหมด 9 ราย เป็นชาย 8 ราย หญิง 1 ราย ผู้ต้องหาทั้งหมด 9 ราย ได้เดินทางมามอบตัวที่ สภ.ศรีมหาโพธิ




ด้านพล.ต.ต.ภูมินทร์ สิงหสุต ผบก.ภ.จว.ปราจีนบุรี ได้กล่าวว่า เหตุเกิดขึ้นวันไหลเมื่อวันที่ 15 ในช่วงกลางคืน เกิดเหตุทางเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบเพื่อดูแลความเรียบร้อย ขณะที่ชาวบ้านกำลังเล่นน้ำวันสงกรานต์กันอยู่ และพบว่ามีคนเมาเต็มไปหมด ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือว่าตำรวจถูกกระทำ ตนต้องเร่งระดมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบจังหวัดลงมาเร่งรัดคดี ซึ่งตนก็ได้สอบถามทางผู้กำกับ สภ.ศรีมหาโพธิ ว่าทำไมไม่เร่งดำเนินการตั้งแต่วันที่เกิดเรื่อง


ซึ่งทางผู้กำกับให้ข้อมูลมาว่า หากเร่งดำเนินการในช่วงของวันนั้น อาจเกิดเหตุบานปลายขึ้นมาได้เพราะว่ามีแต่คนเมา เกรงว่าจะระงับเหตุไม่ได้ จึงได้ให้คนเล่นสงกรานต์เสร็จก่อนและให้ความสงบลดลงมาก่อน ต่อมาจึงได้เร่งติดตามกลุ่มที่ก่อเหตุมา ประกอบกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ถูกทำร้ายไม่ได้เจ็บมากมาย แต่ก็ถือว่าเสียหายกับองค์กร แต่ทางผู้การก็ยอมเรื่องนี้ไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นญาตินักการเมือง หรือใครก็แล้วแต่ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะไม่มีการยอมความเด็ดขาด ทุกคนต้องถูกดำเนินคดี และผู้บังคับบัญชาทุกระดับสั่งกำชับเรื่องนี้มา ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นทางผู้บังคับบัญชาต้องเร่งให้กำลังใจกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ถูกกระทำ และเร่งรัดจับกุมผู้ที่ก่อเหตุและจะไม่รับยอมความหรือขอขมาใด ๆ ทั้งสิ้น






ด้านนายกฤษดา ซึ่งถูกระบุว่าคือคนที่ทำร้ายตำรวจ เผยว่า ตอนนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้ามาให้สั่งปิดเครื่องเสียง ซึ่งทางพวกตนก็ได้มีการปิดเครื่องเสียงและมีการพูดคุยเรียบร้อย ต่อมาได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ 1 นาย ที่เดินทางมาในงานถ่มน้ำลายบริเวณหน้าร้าน แต่ตนก็ไม่รู้เหตุผลว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นถ่มน้ำลายสาเหตุอะไร จากนั้นก็จะได้เกิดเหตุชุลมุนกันทันที ตอนนี้ตนก็ได้เดินทางมามอบตัวแล้ว ก็ยินยอมพร้อมรับเกี่ยวคดีที่เกิดขึ้น เพราะตนอยากให้ทุกอย่างมันจบและลงเอยด้วยดี


ล่าสุด หลังจากที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามกลุ่มผู้ก่อเหตุมาแจ้งความ และรับทราบข้อกล่าวหาแล้ว ทางนางสาวจุฑามาศ บัวเผื่อน นายอำเภอศรีมหาโพธิ ได้เดินทางมาให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 3 นายที่ถูกทำร้ายร่างกาย โดยพบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ 1 นาย มีรอยฟกช้ำบริเวณคางด้านขวา และมีรอยฟกช้ำบริเวณดวงตาด้านขวา พร้อมทั้งมีรอยเลือดอยู่บริเวณดวงตาด้านซ้าย




จากการสอบถามสิบตำรวจเกรียงไกร เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ถูกทำร้ายร่างกาย ได้กล่าวว่า ก่อนที่จะเกิดเหตุทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ไปให้ทางกลุ่มผู้ก่อเหตุปิดเครื่องเสียงและมีการโต้เถียงกัน ต่อมาได้มีชายเสื้อดำมาดึงเสื้อตน และมีกลุ่มวัยรุ่นที่อยู่บริเวณนั้นล็อกคอตนและรุมต่อยตน ซึ่งตอนที่เกิดเหตุตนก็มีการพกอาวุธแต่ก็ไม่ได้ควักอาวุธมาต่อสู้ เพราะต้องชั่งใจไม่อยากให้มีการเกิดเหตุการณ์ร้ายแรง และอาจส่งผลไม่ดีต่อตัวเอง ก่อนหน้านั้นทางกลุ่มผู้ต้องหากล่าวว่าตนถุยน้ำลายนั้น สาเหตุที่ตัวถุยน้ำลายเนื่องจากมีคนมาปะแป้งที่บริเวณหน้าของตนและแป้งเข้าปาก ตนจึงทำการถุยแป้งออก และไม่ได้ตั้งใจถุยใส่หน้าร้านเขา ซึ่งเหตุการณ์ที่ตนถูกทำร้ายนั้น เป็นการหยามศักดิ์ศรีตนเกินไป


เบื้องต้น พนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีกับกลุ่มวัยรุ่นทั้งหมด ในข้อหา “ร่วมกันต่อสู้ หรือขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สามคนขึ้นไป”

 

9 โจ๋เหิมกระทืบตำรวจ คิดว่าถุยน้ำลายใส่