จากกรณี ด.ต.ปิยนันท์ สีเสื้อ หรือ ดาบต้าร์ อายุ 39 ปี ตำแหน่ง ผบ.หมู่ ส.ทล.3 กก.1 บก.ทล.ตำรวจทางหลวงลพบุรี (ประจำจุดอยู่หมวดทางหลวงดีลัง) กำลังปฏิบัติหน้าที่อำนวยความสะดวกด้านการจราจรจุดเปิดเลนพิเศษบริเวณทางแยกบ้านดีลังถนนสาย 21 ขาล่อง (สระบุรี-หล่มสัก) หมู่ 4 ต.ดีลัง อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี ได้มีรถยนต์เก๋ง นิสสัน สีขาว ขับมาด้วยความเร็วพุ่งชน ด.ต.ปิยนันท์ จนร่างกระเด็น ศีรษะกระแทกพื้นจนเลือดไหลจำนวนมาก เบ้าตาขวาและใบหน้าเป็นแผลฉกรรจ์ อาการสาหัส หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่กู้ชีพพยายามนำตัวขึ้นเฮลิคอปเตอร์ ส่งมารักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ กรุงเทพฯ แต่ขึ้นไปได้แค่ 5 นาที ปรากฏว่าดาบตำรวจปิยะนันท์ อาการไม่สู้ดี มีภาวะความดันตก แพทย์ประเมินว่าไม่ปลอดภัย จึงต้องนำเฮลิคอปเตอร์ลงจอด และนำตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลพระนารายณ์มหาราช อย่างเร่งด่วน

 

ความคืบหน้าวันนี้ (18 เม.ย.67) มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่จะนำตัว ด.ต.ปิยะนันท์ เคลื่อนย้ายส่งโรงพยาบาล ในเวลา 10.00 น. โดยเฟซบุ๊ก "อาสามูลนิธิร่วมกตัญญูลพบุรีจุดนิคมสร้างตนเอง" ได้ขอโปรดหลีกทางให้รถฉุกเฉิน นำตัว "ด.ต.ปิยนันท์" ตำรวจทางหลวงที่ประสบอุบัติเหตุขณะปฏิบัติหน้าที่ช่วงสงกรานต์ ส่งตัวไปยัง รพ.ตำรวจ กทม. ออกจากโรงพยาบาลพระนารายณ์มหาราช จว.ลพบุรี (ขบวนรถ 4 คัน) ออกต่างระดับสิงห์บุรีใต้ ไปทางถนนสายเอเชีย มุ่งหน้าเข้า กทม. ขึ้นโทลล์เวย์ดอนเมือง (หน้าโรงกษาปณ์) ลง ถ.ดวงพิทักษ์ เข้าสู่ ถ.เพลินจิต ปลายทาง รพ.ตำรวจ

 

โดยทีมข่าวช่อง 8 ก็ได้เดินทางไปที่โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อรอรับขบวนรถนำส่ง ด.ต.ปิยะนันท์ ระหว่างนั้นทางด้านของ พล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่ (สบ.8) ก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์สั้น ๆ กับสื่อมวลชน โดยกล่าวว่า เท่าที่ได้รับรายงานจากโรงพยาบาลต้นทาง ตอนนี้อาการทางสมองถือว่าค่อนข้างรุนแรง ถึงแม้จะผ่าตัดไปแล้วแต่สมองก็ได้รับความเสียหายเยอะพอสมควร อาการบาดเจ็บอื่น ๆ ก็ค่อนข้างรุนแรง หาก ด.ต.ปิยะนันท์ เดินทางมาถึงโรงพยาบาลตำรวจก็คงจะต้องประเมินอาการกันอีกทีว่าในสมองจะมีเลือดออกเพิ่มหรือไม่ หากพบว่ามีก็ต้องมีการผ่าตัดอีกครั้ง เบื้องต้น ด.ต.ปิยะนันท์ ก็ยังคงมีการตอบสนองอยู่บ้างแต่ก็ยังถือว่าอยู่ในขั้นไม่รู้สึกตัว ส่วนที่ทีมแพทย์ยังมีความเป็นห่วงมากที่สุดก็จะเป็นเรื่องของสมอง เนื่องจากอาการยังไม่คงที่สักเท่าไหร่

 

ล่าสุดในเวลา 11.30 น. ทางด้านขบวนรถได้นำตัว ด.ต.ปิยะนันท์ มาส่งถึงที่หมาย รพ.ตำรวจ ได้สำเร็จลุล่วงโดยใช้เวลาทั้งหมด 1 ชั่วโมง 30 นาที ซึ่ง ด.ต.ปิยะนันท์ นั้นได้เดินทางมากับรถศูนย์ส่งกลับฯ รพ.ตำรวจ เนื่องจากเมื่อเวลาประมาณ 07.00 น. เจ้าหน้าที่และทีมแพทย์ของ รพ.ตำรวจ ได้เดินทางไปรับตัว ด.ต.ปิยะนันท์ ถึงโรงพยาบาลพระนารายณ์มหาราช จ.ลพบุรี ก่อนที่จะนำตัวกลับมาที่ รพ.ตำรวจ กทม. ซึ่งตลอดเส้นทางการเดินทางมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกตลอดเส้นทางจราจรรวมแล้วกว่า 30 นาย เมื่อนำตัวถึง รพ.ตำรวจ ก็ได้มีการนำตัว ด.ต.ปิยะนันท์ เข้ารับการรักษาอย่างทันที โดยที่ทางด้านครอบครัวก็ได้เดินทางมาพร้อมกับรถตำรวจที่ขับนำขบวนด้วยเช่นกัน

 

จากนั้น พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้ช่วย ผบ.ตร. ก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน กล่าวว่า ในเบื้องต้น เราใช้เวลาในการเดินทาง 1 ชั่วโมง 30 นาที ซึ่งถือว่าเป็นการเดินทางที่เร็วมากกับระยะทางมากกว่า 100 กิโลเมตร และก่อนอื่นเลยต้องขอขอบคุณผู้ใช้รถใช้ถนนทุกคนเพราะตลอดเส้นทางที่มุ่งหน้ามายังโรงพยาบาลตำรวจ พี่น้องประชาชนนั้นให้ความกรุณากับ ด.ต.ปิยะนันท์ ซึ่งเชื่อว่าถ้าเขารับรู้ได้ก็คงจะมีความสุขมากที่หลายคนเป็นกำลังใจให้เขาสู้ต่อไป ซึ่งวันนี้อาการโดยทั่วไปก็ถือว่ายังทรงตัวอยู่ แต่นอกจากนี้ก็จะมีอาการสมองบวมที่ยังคงน่าเป็นห่วง และก็ยังคงมีอาการซี่โครงหัก ขาหัก ที่แพทย์จะต้องให้การรักษาในลำดับถัดไป

 

ซึ่งในวันนี้ พล.ต.ท.กรไชย ก็บอกว่าการที่ตนเดินทางมาดูแลด้วยตนเองเป็นเพราะอยากให้รู้ว่าทุกคนมีความสำคัญเท่ากันทั้งหมด แม้จะเป็นดาบตำรวจก็ถือว่าเป็นคนสำคัญคนหนึ่ง ตนจึงอยากทำหน้าที่อย่างเต็มที่ ซึ่งอีกกำลังสำคัญที่ทำให้การเคลื่อนย้าย ด.ต.ปิยะนันท์ เป็นไปโดยราบรื่นก็ต้องขอบคุณสื่อโซเชียล เพราะเมื่อวานนี้ที่ได้เปิดเฟซบุ๊กดูก็จะเห็นโพสต์ขอความร่วมมือจากเพจต่าง ๆ จนนำไปสู่การเปิดทางของประชาชนในวันนี้

 

หลังจากนี้ก็จะมีกองทุนเงินสวัสดิการ, เงินช่วยเหลือชมรมแม่บ้านตำรวจ, เงินช่วยเหลือสมาคมแม่บ้านตำรวจ, เงินช่วยเหลือมูลนิธิบุณยะจินดา, กองทุนสวัสดิการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง, เงินช่วยเหลือและเสริมสร้างประสิทธิภาพในการปฏิบัติหน้าที่กองตำรวจสอบสวนกลาง / ซึ่ง ด.ต.ปิยะนันท์ จะได้รับความช่วยเหลือในทุกมิติ โดยตอนนี้ก็มีการจัดสถานที่ให้กับครอบครัวของ ด.ต.ปิยะนันท์ ซึ่งจะพักอยู่บริเวณด้านบนของห้องที่ ด.ต.ปิยะนันท์ กำลังรักษาตัวอยู่เพื่อให้ง่ายและสะดวกในการเข้าเยี่ยม

 

ในส่วนของคดีก็เป็นหน้าที่ของสถานีตำรวจภูธรที่จะต้องรับเรื่องไป ทราบว่าตอนนี้มีการแจ้งข้อหาไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว “ข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส” หลังจากนี้ก็จะเข้าสู่การพิจารณาต่อไป ยืนยันว่าทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมายและไม่มีการพลิกแพลงแต่อย่างใด

 

ในประเด็นเรื่องความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ต้องปฏิบัติหน้าที่อย่างเช่นกรณีดังกล่าว พล.ต.ท.กรไชย ก็ได้เปิดใจว่า ส่วนตัวตนก็มีความหวั่นใจตั้งแต่แรก แต่ตนก็มีการเน้นย้ำในเรื่องของความปลอดภัยของผู้ใต้บังคับบัญชา ไม่ว่าจะเป็นอาหารการกิน การพักผ่อน ทุกอย่างมีการเตรียมความพร้อมทั้งหมด แต่คำว่าอุบัติเหตุนั้นมักจะเกิดโดยไม่คาดฝัน ซึ่งวันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกคนก็ยังคงปฏิบัติหน้าที่อยู่และเชื่อว่าทุกคนก็คงจะรู้ดีว่าใน 365 วันนั้นจะต้องมีสักวันที่เกิดอุบัติเหตุขึ้นไม่มากก็น้อย แต่ทุกคนก็เต็มใจและพร้อมที่จะดูแลความปลอดภัยบนท้องถนนให้กับประชาชนทุกคน / เบื้องต้นตนได้มีโอกาสพูดคุยกับทางครอบครัวของ ด.ต.ปิยะนันท์ ซึ่งก็เห็นได้ชัดว่าทุกคนนั้นอยู่ในอาการวิตกเนื่องจากอาการบาดเจ็บนั้นค่อนข้างสาหัส และตอนนี้ครอบครัวก็ยังไม่ได้มีการพูดคุยในเรื่องของจ้อกฎหมายคดีความต่าง ๆ เพราะตอนนี้ทุกคนคงอยากโฟกัสแค่ ด.ต.ปิยะนันท์

 

จากนั้น พล.ต.ต.เอกลักษณ์ ดีรุ่งโรจน์ นายแพทย์ (สบ.6) ก็ได้เปิดเผยว่า หลังจากประสบอุบัติเหตุทางผู้ป่วยนั้นก็มีอาการเลือดออกทางสมอง นอกจากนี้ยังมีอาการบาดเจ็บที่กะโหลกศีรษะร่วมด้วย และอาการบาดเจ็บตามส่วนต่าง ๆ เช่นแขนและช่องอก ซึ่งเมื่อวานนี้ก็ได้มีการประเมินอาการคนไข้ตลอดทั้งวันและได้ข้อสรุปว่าสามารถทำการเคลื่อนย้ายคนไข้ได้ วันนี้จึงได้มีการเคลื่อนย้ายคนไข้มายังโรงพยาบาลตำรวจ ช่วงระหว่างที่เตรียมการเคลื่อนย้ายก็มีการเตรียมความพร้อมให้ผู้ป่วยปลอดภัยที่สุด / ซึ่งหลังการผ่าตัดในรอบแรกผู้ป่วยนั้นยังคงมีอาการทรงตัวอยู่ โดยการผ่าตัดในครั้งแรกนั้นเป็นการช่วยเหลือชีวิตในเบื้องต้น เป็นการนำเลือดที่ออกอยู่ในสมองออกเพื่อลดอาการบวม

 

เมื่อผู้ป่วยเดินทางมาถึงโรงพยาบาลตำรวจก็มีการนำตัวไปเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ในทันที จากนั้นนายแพทย์ใหญ่ก็จะเป็นคนวางแผนการรักษากับทางแพทย์ศัลยแพทย์ระบบประสาทต่อไป จากอุบัติเหตุครั้งนี้ถือว่าอาการบาดเจ็บมีผลกระทบกับหลายส่วนโดยเฉพาะเรื่องของสมอง ทางแพทย์จึงต้องวางแผนรักษาตามลำดับความสำคัญ โดยมุ่งเน้นไปที่ระบบหัวใจกับระบบหายใจของคนไข้ก่อน จากนั้นจึงทำการรักษาตามแบบแผนต่อไป ซึ่งตอนนี้ยังไม่สามารถบอกเปอร์เซ็นต์ของความสาหัสได้ คงต้องรอให้ศัลยแพทย์ประเมินอาการของผู้ป่วยก่อน

 

จากนั้นทีมข่าวช่อง 8 ได้พูดคุยกับ นายชัยวัฒน์ อายุ 34 ปี (เครือข่ายจักรยานยนต์ฉุกเฉินทางการแพทย์) ได้เปิดเผยว่าเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาเวลาประมาณ 07.00 น. ตนได้เดินทางออกจากกรุงเทพไปยังจังหวัดลพบุรีเพื่อเตรียมขับรถจักรยานยนต์ฉุกเฉินทางการแพทย์สำหรับนำขบวนและเปิดทางจราจรเพื่อนำส่ง ด.ต.ปิยนันท์ / โดยนายชัยวัฒน์ก็ได้เล่าว่าตลอดเส้นทางมากกว่า 100 กิโลเมตร การเดินทางนั้นค่อนข้าง ราบรื่น คาดว่ามาจากการประชาสัมพันธ์ที่ดีทำให้ประชาชนให้ความร่วมมือในเรื่องของการหลบทางรถฉุกเฉิน ทุกคนเต็มใจที่จะหลบและไม่มีปฏิกิริยาที่ไม่ดีต่อรถฉุกเฉินแต่อย่างใด ซึ่งในตอนแรกก็มีการวางเป้าหมายว่าจะนำส่งผู้ป่วยภายในระยะเวลา 2 ชั่วโมง แต่เวลากลับดีเกินคาดเพราะได้มีการนำส่งสำเร็จลุล่วงภายในเวลา 1 ชั่วโมง 30 นาที จากเหตุการณ์ในครั้งนี้ตนเชื่อว่าประชาชนทุกคนคงเป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่าวันนี้จะมีภารกิจพาดาบตำรวจเคลื่อนย้ายมารักษาตัวที่กรุงเทพ หลายคนจึงให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี

ร่วมใจเปิดทางส่ง "ด.ต.ปิยนันท์" เข้ากรุงฯ