จากกรณีที่มีสาว ชื่อ อ้อม (นามสมมติ) อายุ 40 ปี ชาวจังหวัดสุรินทร์ เดินทางเข้ามาขอให้ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคมช่วยเหลือทางคดี ภายหลังเจ้าตัวถูก "ไอ้เวฟ" หลอกให้รัก ให้หลง ผ่านทางเฟซบุ๊ก จนตกลงคบหากันมาเป็นเวลา 3 ปี โดยไม่เคยเจอหน้ากันแม้แต่ครั้งเดียว และทำทีอ้อนวอนขอเงินจากฝ่ายหญิงบ่อยครั้ง อ้างว่าป่วย ต้องเข้ารับการผ่าตัด ขอค่ากินอยู่อาศัย ไปจนถึงตกลงว่าจะแต่งงานด้วย




โดยให้โอนเงินเข้าบัญชีพระชื่อว่า พระชวลิต จึงทำให้ผู้เสียหายสูญเงินไปแล้วกว่า 3 แสนบาท ทว่า เมื่อทีมข่าวเมื่อไปเจอตัว พระชวลิต และสอบถามเรื่องราว เจ้าตัวอ้าง อาตมาไม่ใช่คนคุยกับ อ้อม ผู้เสียหาย แต่เป็นไอ้เวฟเป็นคนคุย ซึ่งตอนนี้ไอ้เวฟหนีไปแล้ว แต่ทีมข่าวก็เจอพิรุธบางอย่างโดยลองให้ อ้อม ผู้เสียหายโทรศัพท์ไปที่เบอร์ไอ้เวฟ ปรากฏว่า ระหว่างที่คุยนั้นไอ้เวฟดันหลุดพูดแทนตัวว่าอาตมา นั้น


โดยวันนี้ (12 เม.ย. 2567) ทนายรณรงค์ พร้อมด้วยผู้เสียหาย ชื่ออ้อม (นามสมมติ) เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.บางศรีเมือง จังหวัดนนทบุรี เพื่อขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ เร่งสืบสวนติดตามไอ้เวฟมาดำเนินคดี สาวอ้อม ผู้เสียหาย เธอบอกว่า รู้สึกกลัวและเสียใจมากเพราะทุ่มเทให้ทุกอย่าง ที่ผ่านมาพยายามนัดเจอที่วัดในจังหวัดสุรินทร์ เมื่อเดินทางไปถึงไอ้เวฟจะหาข้ออ้างบ่ายเบี่ยงต้องรีบไปที่อื่นด่วนทุกครั้ง ทำให้ไม่เคยได้เจอกัน


เธอเล่าอีกว่า ทันทีที่ออกเป็นข่าว ไอ้เวฟโทร. มาโวยวายว่าไปฟ้องนักข่าวทำไม สัมภาษณ์หลวงพี่ทำไม หลวงพี่ไม่เกี่ยว ไอ้เวฟจึงบอกให้สาวอ้อมยอมจบเรื่องนี้ โดยพยายามบอกรักและถามกลับว่า ยังรักเวฟอยู่ไหม ถ้ารักเวฟไม่ต้องไปยุ่งกับหลวงพี่ เธอก็บอกว่าต้องการให้เวฟออกมายอมรับ ถ้าเวฟมีตัวตนจริง ๆ ไม่เกี่ยวกับหลวงพี่ เวฟก็ต้องออกมาแสดงตัว แต่สุดท้ายจบไม่ลง ไอ้เวฟขู่ว่าจะถ้าไม่จบเรื่องจะปล่อยคลิปลับส่วนตัว ที่ผู้เสียหายเคยส่งให้ดูออกสู่สาธารณะด้วย




ซึ่งเหตุผลที่ต้องใช้วิธีโอนเงินแต่ละครั้งเข้าบัญชีพระ สาวอ้อม บอกว่า ไอ้เวฟอ้างว่าบัญชีถูกอายัด เพราะเป็นหนี้สินอยู่ ถ้ามีเงินโอนเข้ามาจะถูกตัดเงินออกไปทันที ตนเองจึงหลงเชื่อและโอนเงินเข้าบัญชีชื่อพระมาโดยตลอด ก่อนที่เธอกล่าวทิ้งท้ายว่า ถึงเขาจะไม่มีตัวตนแต่ก็รักเขา ถ้าเวฟมีตัวตนจริงก็ขอให้ออกมารับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองทำ และอย่าทำแบบนี้อีก คนอื่นจะได้ไม่ต้องเดือดร้อน


ด้านทนายรณรงค์ บอกว่า เรื่องที่เกิดขึ้นน่าเจ็บใจมาก เพราะผู้เสียหายถูกหลอกว่าจะแต่งงานด้วยถึง 2 ครั้ง แต่ก็ไม่เคยโผล่มา โดยอ้างเหตุผลบ่ายเบี่ยงไม่ยอมมาพบ สร้างความอับอายให้สาวอ้อม อย่างมาก วันนี้จึงต้องมาแจ้งความข้อหาสร้างความเดือดร้อนรำคาญ ข่มขืนใจให้กระทำการอย่างใดอย่างหนึ่ง , ความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และข้อหาฉ้อโกง แม้เวลานี้จะสรุปไม่ได้ว่าไอ้เวฟเป็นพระหรือไม่ แต่มีพินัยกรรมฉบับหนึ่งที่ไอ้เวฟ อ้างว่าเขียนให้กับสาวอ้อม เมื่อนำไปตรวจสอบกลับไม่พบว่ามีชื่อนี้อยู่จริง ดังนั้นจึงอยากขอให้มีการประชุมสายทั้ง 3 ฝ่าย คือ ไอ้เวฟ สาวอ้อม และหลวงพี่ เพื่อพิสูจน์ให้ชัดเจนไปเลยว่าไม่ใช่คนเดียวกัน


ส่วนเรื่องโอนเงินเข้าบัญชีพระ โดยไอ้เวฟ อ้างว่าต้องการเงินไปเป็นค่ารักษาอาการป่วยต้องเข้าผ่าตัด ขอค่ากิน อยู่ อาศัย รวมถึงขอค่าเดินทาง และค่าชุดแต่งงาน ครั้งละ 1-5,000 บาท ทุกครั้งที่ขอเงิน ผู้เสียหายจะทวงถามถึงสลิปเงินทุกครั้งแต่ไม่เคยได้ รวมแล้วเธอต้องเสียเงินทั้งสิ้น 3 แสนบาท ด้วยความรักแม้ว่าตัวเองจะมีเงินเดือนไม่มาก เพราะมีอาชีพเป็นแม่บ้าน และการอ้างเหตุผลที่ใช้บัญชีพระมารับโอนเงิน เพราะบัญชีของเวฟ จะถูกตัดเงินทันทีจากการเป็นหนี้นั้น ถือว่าจับโป๊ะได้อีกเรื่อง เนื่องจากบัญชีที่ถูกอายัด จะโอนเงินเข้าและออกไม่ได้เลย




ล่าสุดผู้สื่อข่าวช่อง 8 ได้เดินทางมาที่วัดที่พระชวลิตจำวัดอยู่ ในพื้นที่ตำบลหนองสนิท อำเภอจอมพระ จังหวัดสุรินทร์ โดยในตอนแรกที่ทีมข่าวเข้ามาถึงที่วัดและจะขอเข้าไปสัมภาษณ์พระชวลิต แต่พระชวลิตซึ่งนอนพักผ่อนอยู่ที่เปลที่กุฏิได้ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์กับทีมข่าว โดยอ้างเหตุผลว่าได้ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวในพื้นที่ไปแล้ว


ต่อมาเจ้าตัวก็ได้พยายามเดินหนีทีมข่าว ซึ่งทีมข่าวเองก็พยายามที่จะเดินตามเพื่อพูดคุยสอบถามอยู่นานพอสมควร จนกระทั่งท้ายที่สุดเจ้าตัวได้หยุดคุยกับทีมข่าวแต่ก็ยังไม่ยอมให้สัมภาษณ์ ซึ่งจากการพูดคุยกับพระชวลิตช่วงแรก ที่ทีมข่าวได้ถามถึงความสัมพันธ์กับนายเวฟ พระชวลิตยังอ้างว่ารู้จักกับนายเวฟช่วงที่ทำงานกู้ภัยด้วยกันที่ภาคใต้ แต่ไม่ค่อยสนิทกัน


ต่อมาทีมข่าวได้สอบถามว่า ได้ติดต่อกับนายเวฟครั้งสุดท้ายเมื่อไร ซึ่งเจ้าตัวได้ตอบว่าไม่ได้ติดต่อกันมานานเป็นปีแล้ว จากนั้นทีมข่าวได้สอบถามว่า นายเวฟยังอาศัยอยู่ที่จังหวัดสุรินทร์หรือไม่ ซึ่งทางพระชวลิตเองได้บอกกับทีมข่าวว่า ตนก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าตอนนี้นายเวฟอยู่ที่ไหน เพราะไม่สามารถติดต่อได้เหมือนกัน ไม่รู้ว่านายเวฟปิดเครื่องไปแล้วหรือเปลี่ยนเบอร์ตนก็ไม่ทราบ เพราะใช้เบอร์คนอื่นโทร. ไปก็ไม่ติด อีกทั้งอ้างว่านายเวฟมีที่อยู่ไม่เป็นหลักแหล่ง เพราะเป็นคนเจ้าชู้มีแฟนหลายคน


ต่อมาทีมข่าวจึงได้สอบถามว่านายเวฟได้แวะเวียนมาหาบ่อยหรือไม่ ซึ่งทางพระชวลิตอ้างว่านายเวฟไม่ค่อยได้มาหา เพราะไม่สบายเจ็บขา ขณะเดียวกันทีมข่าวได้สอบถามพระชวลิต กรณีที่ผู้เสียหายโอนเงินเข้าบัญชีของหลวงพี่ หลังจากนั้นหลวงพี่ได้โอนเงินไปที่ไหน โดยเจ้าตัวได้อ้างว่า ได้โอนเงินต่อไปให้บัญชีของพี่สาวนายเวฟ เนื่องจากว่าบัญชีของนายเวฟถูกแบล็กลิสต์ไม่สามารถโอนเงินเข้าได้ ทีมข่าวจึงได้ขอดูหลักฐานการโอนเงินไปยังบัญชีของพี่สาวนายเวฟ แต่เจ้าตัวได้ปฏิเสธที่จะให้ทีมข่าวดูหลักฐานพร้อมกับอ้างว่าได้ลบทิ้งไปหมดแล้ว


จากนั้นทีมข่าวจึงได้สอบถามว่านายเวฟได้มาเอาเงินครั้งสุดท้ายเมื่อไร ซึ่งทางเจ้าตัวได้ตอบว่า เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แต่อ้างว่าตัวนายเวฟไม่ได้เป็นคนมาเอา แต่ให้เพื่อนเป็นคนมาเอา จากนั้นทีมข่าวได้ขอเบอร์โทรศัพท์ของนายเวฟ เพื่อจะโทรติดต่อเอง ซึ่งในตอนแรกเจ้าตัวบ่ายเบี่ยงไม่ยอมให้ แต่ท้ายที่สุดก็ยอมให้เบอร์นายเวฟกับเรามา แต่ก็อ้างว่าโทร. ไม่ติด ซึ่งพอทีมข่าวได้ลองโทร. ไปตามเบอร์ที่ให้มาปรากฏว่าโทรไม่ติดเช่นกัน




ต่อมาทีมข่าวจึงได้ขอสัมภาษณ์พระชวลิตดี ๆ ซึ่งพระชวลิตก็ยอมให้สัมภาษณ์แต่ก็ไม่ยอมเปิดเผยหน้า เล่าว่า ตนรู้จักกับนายเวฟได้ประมาณ 3-4 ปี ช่วงที่ทำงานกู้ภัยด้วยกันอยู่ที่ภาคใต้ แต่ไม่ค่อยสนิทกัน หลังจากทำงานได้ปีกว่าตนก็ลาออกมาบวช เพราะป่วยไม่สบายเป็นโรคไส้เลื่อน หลังจากนั้นก็ไม่ค่อยได้ติดต่อกับเวฟ แต่ตนเองก็พอรู้จักนิสัยของนายเวฟว่าเป็นคนเจ้าชู้ เพราะเป็นคนหน้าตาดี


ส่วนตนเองรู้จักกับอ้อม ผู้เสียหาย เพราะอ้อมได้มาทำบุญที่วัดที่ตนจำพรรษาอยู่ อ้อมจึงได้ถามตนว่ารู้จักกับนายเวฟไหม ซึ่งตนก็นึกอยู่นานว่าใคร จนกระทั่งนึกออกว่าเวฟคือเพื่อนที่เคยทำงานกู้ภัยด้วยกัน ขณะที่นายเวฟตนเคยเจอครั้งหนึ่งเมื่อเกือบปีแล้ว ตอนที่นายมารักษาอาการเจ็บขาที่วัดกับตนเองและได้เล่าให้ฟังว่าคบกันกับอ้อม ผู้เสียหาย ตนจึงได้เตือนนายเวฟว่าเวลาคบใครให้คบทีละคน เพราะตนเตือนนายเวฟหลายครั้งแล้วเรื่องคบผู้หญิง


ต่อมาทีมข่าวจึงได้สอบถามเรื่องการโอนเงินเข้าบัญชีของพระชวลิต ซึ่งเจ้าตัวก็ยังคงยืนยันว่าที่ผู้เสียหายโอนเงินเข้าบัญชีของตน เพราะบัญชีของนายเวฟติดแบล็กลิสต์ ซึ่งตนก็เคยปฏิเสธแล้วหลายครั้งเพราะกลัวจะมีปัญหาแต่ท้ายที่สุดก็มีปัญหาจนได้ อีกทั้งทีมข่าวได้สอบถามเรื่องไลน์ที่ทางผู้เสียหายพูดคุยกับนายเวฟ แต่พอตรวจสอบแล้วปรากฏว่าเป็นไลน์ส่วนตัวของหลวงพี่ ซึ่งทางหลวงพี่ได้ปฏิเสธว่าไม่ใช่ไลน์ส่วนตัวของตนเองที่ใช้คุยกันกับผู้เสียหาย




ในขณะเดียวกันหลังจากที่ผู้สื่อข่าวได้สัมภาษณ์พระชวลิตเสร็จ ได้มีพระรูปหนึ่งขับรถเข้ามาภายในวัด หลังจากนั้นได้เดินเข้ามาหาทางทีมข่าว พร้อมกับมีอาการโวยวาย และบอกกับทีมข่าวว่าเป็นเจ้าอาวาสวัด เพิ่งกลับมาจากไปสวดพระอภิธรรมที่งานศพ


เจ้าอาวาสบอกกับทีมข่าวว่าไม่เคยรู้เรื่องมาก่อนว่าเกิดอะไรขึ้น พระชวลิตก็ไม่เคยมาแจ้งให้ทราบ เพิ่งจะมาทราบช่วงบ่ายวันนี้ หลังจากเจ้าคณะตำบลโทรมาสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้นภายในวัด เจ้าอาวาสยังเผยอีกว่า ไม่เคยรู้จักคนชื่อเวฟมาก่อนและไม่เคยเจอ ไม่เคยเห็นมาที่วัดอีกด้วย ซึ่งจะเคยเห็นเพียงแค่ชาวบ้านที่ขี่ซาเล้งมารับพระชวลิตไปหาหมอ เนื่องจากพระชวลิตได้บอกว่าไม่สบายเพราะเจ็บขา ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่าเจ็บขาจริงหรือไม่




ก่อนจะบอกให้พระชวลิตพิจารณาตัวเอง ทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้น ที่ผ่านมาพยายามปิดหูปิดตาแล้ว ส่วนในการเล่นสื่อโซเชียลก็ไม่เคยไปห้ามพระลูกวัด แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นจะต้องมีคนรับผิดชอบ ทางวัดไม่เคยมีเรื่องเสื่อมเสียชื่อเสียง ตอนนี้ขอให้พระชวลิตออกจากวัดไปก่อน และให้ไปอยู่ที่วัดอื่นก่อน หลังจากนี้ก็จะมีการตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงและรายงานพระผู้ใหญ่ต่อไป


นอกจากนี้ ทางเจ้าอาวาสเองก็ยังคงสงสัยว่าพระชวลิตและนายเวฟเป็นคนเดียวกัน เพราะตนก็สงสัยในพฤติกรรมช่วงที่ผ่านมาของพระชวลิตที่เมื่อวานอยู่ดี ๆ ก็มาบอกตนว่ามีคนโอนเงินเข้าบัญชีให้เป็นจำนวนมาก

 

กระชากหน้ากาก "ไอ้เวฟ" ใช้เล่ห์ใส่ชื่อให้มรดก "สาว" ความจริงสุดช้ำ "พินัยกรรมทิพย์"