เสี่ยฮุย ค้านกลุ่มทุนซื้อที่ดินภาระจำยอม สร้างคอนโดทับเส้นทางของชาวบ้านย่านซอยโรงหนังกรุงสยาม

จากกรณีที่มีบริษัทกลุ่มทุนได้เข้ามาซื้อที่ดินบริเวณตลาดเก่ากรุงสยาม โรงหนังกรุงสยาม รวมทั้งที่ดินติดภาระจำยอม เพื่อสร้างคอนโดมีเนียม ซึ่งทับเส้นทางถนน ทางเดิน และทางหนีไฟที่อยู่อาศัยของชาวบ้าน รวมทั้งที่พักของมารดาของ “เสี่ยฮุย” นายสุรชาติ พิสิฐวุฒินันท์ ประธานค่ายนครหลวง โปรโมชั่น และผู้จัดการของ “แหลม” ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น นักชกอดีตแชมป์โลก 2 สมัย ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยย่านซอยโรงหนังกรุงสยาม ถนนพหลโยธิน เขตบางเขน กรุงเทพฯ

ต่อมา “เสี่ยฮุย” นายสุรชาติ พิสิฐวุฒินันท์ ประธานค่ายนครหลวง โปรโมชั่น พร้อมด้วยนายประเสริฐ ทัพเสน ทนายความ ได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าว "ตลาดเก่ากรุงสยาม การปกป้องที่ดินภาระจำยอม ทางรถยนต์ ทางเดิน ทางหนีไฟ กำลังจะถูกปิดกั้น เพื่อสร้างคอนโด" เพื่อชี้แจงรายละเอียดและเรียกร้องขอความเป็นธรรมให้ชาวบ้าน โดยมี “แหลม” ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น มาร่วมให้กำลังใจ และมีชาวบ้านตลาดเก่ากรุงสยามมาร่วมรับฟังการแถลงข่าว

นายสุรชาติ กล่าวว่า เป็นครั้งแรกที่ออกมาแถลงข่าวกรณีที่กลุ่มทุนซื้อที่ดินบริเวณตลาดเก่ากรุงสยาม โรงหนังกรุงสยาม ซึ่งมีที่ดินภาระจำยอม 3 แปลง คือ หน้าบ้านชาวบ้าน, ทางถนน และด้านโรงหนัง ซึ่งเป็นที่จอดรถ และกลับรถ โดยการซื้อขายนั้นปฏิเสธไม่ได้ว่าจะต้องรับมรดกภาระจำยอมของเจ้าของเดิมที่เว้นไว้เป็นทางถนนทางเดิน ซึ่งจดทะเบียนไว้กว่า 42 ปีแล้ว ไม่สามารถปิดก้้นได้

ดังนั้น จึงเป็นความเดือดร้อนของพ่อแม่พี่น้องชาวบ้านทุกคน หากคอนโดสร้างเสร็จจะเหลือทางรถวิ่งแค่ 8 เมตร และกำแพงของคอนโดจะอยู่ติดหน้าบ้านชาวบ้าน ซึ่งตามกฎหมายต้องเว้น 3 เมตร รวมทั้งคอนโดจะล้อมรอบไปด้วยตึกแถวของชาวบ้าน และจะจอดรถหน้าบ้านไม่ได้ อนาคตจะมีปัญหาทะเลาะกันแน่

นายสุรชาติ กล่าวอีกว่า ตามข้อมูลคอนโดมีทั้งหมด 290 ห้อง ที่จอดรถเพียง 90 คัน แล้วอีก 200 คันจะไปจอดที่ไหน มีรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ EIA หรือไม่ อย่างไร ชาวบ้านจึงรวมใจกันคัดค้านการเปลี่ยนแปลงเพื่อไม่ให้ได้รับผลกระทบ หรือหากมีเหตุไฟไหม้แล้วชาวบ้านจะทำอย่างไร ถ้าไม่มีทางถนน ทางหนีไฟ

นายสุรชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตนได้ยินมาว่าจะมีการรังวัดแปลงถนนให้กลืนไปกับแปลงโรงหนังด้วย เพราะได้ข้อมูลมาว่าโฉนดปัจจุบัน แปลงที่ดินถนนไม่มีการเป็นภาระจำยอมแล้ว เนื่องจากมีการแจ้งหายและออกโฉนดใหม่ ตอนนั้นตนจึงรีบไปคัดค้าน แต่ก็ได้มีการออกโฉนดใหม่ไปแล้ว

“เรื่องนี้ถ้าเป็นคดีความ ผมพร้อมสู้เพื่อส่วนรวม ไม่ใช่เพื่อตัวเอง หรือคนใดคนหนึ่ง เรื่องนี้ถ้าเราคัดค้านไม่เป็นผล ผมก็จะไปฟ้องร้องต่อผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร, ศาลปกครอง, กมธ.สิ่งแวดล้อม, กมธ.ปกครอง, ผู้ตรวจการแผ่นดิน และร้องทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง”

ขณะที่ นายประเสริฐ ทัพเสน กล่าวว่า กรณีนี้มีผลกระทบต่อสิทธิของชาวบ้าน ซึ่งทุกคนจะต้องรวมตัวกันคัดค้านไม่ให้ออกระเบียบข้อกฏหมายต่างๆ ในการสร้างคอนโดไม่ให้เกิดขึ้น หรืออาจเจรจาพูดคุยกันเพื่อแก้ไขให้ความเดือดร้อนของชาวบ้านลดลง หากชาวบ้านมีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ก็ให้จัดทำเป็นเอกสารส่งมาให้กับนายสุรชาติได้เลย

ส่วนนายศิริพงษ์ วิเศษศิริ นายช่างรังวัดชำนาญงาน เจ้าพนักงานที่ดินกรุงเทพมหานคร สาขาบางเขน ที่มาร่วมสังเกตการณ์ ระบุว่า ได้เข้ามารังวัดสร้างขอบเขตของโฉนดตามที่เจ้าของโครงการยื่นเรื่องมา ไม่ได้เป็นการรังวัดรวมโฉนด โดยเรื่องนี้ทางชาวบ้านและเจ้าของโครงการต้องร่วมกันพูดคุยแก้ไขหากได้รับผลกระทบ

 

ด้านตัวแทนโครงการจากบริษัทคู่พิพาท ซึ่งเข้าร่วมรับฟังการแถลงข่าวด้วย ระบุว่า ทางโครงการกำลังหาแนวทางแก้ไข ตอนนี้ยังไม่สามารถตอบอะไรได้ ซึ่งทุกปัญหาของชาวบ้านจะได้รับคำตอบที่ชัดเจนขึ้นในการประชุมร่วมกันครั้งที่ 2