พ่อแม่ร่ำไห้ลูกหายเกือบเดือน เคยป่วยซึมเศร้า ตามหาแต่ไร้วี่แวว วอนสื่อมวลชนช่วยเหลือ

เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 18 มีนาคม 2567 นางสมพร จันทร์เติบ อายุ 58 ปี และนายคำ จันทร์เติบ อายุ 58 ปี สามีภรรยา อยู่ อ.กุดจับ จ.อุดรธานี เดินทางมาพบสื่อมวลชน ว่านายศราวุฒิ จันทร์เติบ อายุ 35 ปี ลูกชายหายออกจากบ้านตั้งแต่วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2567 ยังไม่กลับบ้าน วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2567 จึงไปแจ้งคนหายที่ สภ.กุดจับ จ.อุดรธานี นานนับเดือนยังไม่มีวี่แววลูกชาย ตนเกรงว่าลูกชายจะได้รับอันตรายจึงมาพบสื่อมวลชน ให้ประกาศหาลูกชายให้ด้วย หรือหากผู้ใดพบเบาะแส ให้แจ้งมายัง สภ.กุดจับด้วย

 

นางสมพร เล่าทั้งน้ำตาว่า นายศราวุฒิ เคยมีครอบครัว แต่แยกทางกันไป 4 ปีแล้ว มี ลูกสาว 1 คน อายุ 14 ปี มีประวัติเสพยาบ้า และผู้ใหญ่บ้านเคยนำตัวไปบำบัด ลูกเคยเดินทางไปทำงานที่ประเทศเกาหลีแบบผีน้อย ต่อมาถูกตำรวจจับและส่งกลับไทย ลูกชายกลับมาอยู่บ้านไม่ได้ไปทำงานที่ไหน จะออกไปหาปูหาปลา มาให้แม่ทำกิน แต่ไม่สุงสิงกับใคร จะหมกตัวอยู่ในห้อง เมื่อ 3 ปีก่อนลูกมีอาการโรคซึมเศร้า ได้นำลูกไปรักษาที่โรงพยาบาลกุดจับ หมอให้ยามากินประจำ ก่อนลูกจะหายตัวไป เวลา 07.00 น. วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2567 ลูกชายได้ออกจากห้อง เดินข้ามถนนไปขอยืมเสียมที่บ้านลุง บอกว่าจะไปขุดหาต้นข่าและหาต้นหวาย มาให้แม่แกงกิน ตนเห็นลูกชายพูดดีๆ ไม่มีอาการผิดปกติ จึงไม่ได้เดินตามไป

 

นางสมพร เล่าต่อว่า หลังได้เสียมลูกชายก็เดินเข้าป่าสวนยางไป และก็ไม่กลับมาอีกเลย พวกตนได้ออกตามหาลูกทุกวัน พอลูกหายไปครบ 48 ชม.ตนจึงไปแจ้งคนหายที่ สภ.กุดจับ แต่ตำรวจก็ได้แต่รับแจ้งลงบันทึกประจำวัน ไม่ได้ออกตามหา ตนเกรงว่าลูกชายจะได้รับอันตราย จึงได้ออกตามหาลูกชายทุกวัน ออกบ้านแต่เช้า มืดถึงกลับบ้าน ตามหาไปทุกหมู่บ้าน นำภาพไปลงในเพจข่าว ก็ไม่มีใครพบเห็น ลูกชายหายออกจากบ้านเกือบจะ 1 เดือน ตนจึงตัดสินใจมาพบสื่อมวลชน ขอให้ช่วยออกข่าวคนหาย เผื่อมีญาติ หรือชาวบ้านพบเห็นลูกชาย ก็ขอได้แจ้งเบาะแสให้ตนและตำรวจ สภ.กุดจับ จะรีบไปรับลูกชายกลับบ้าน

 

ส่วนนายคำ เล่าว่า อยากให้สื่อทำข่าวออกทีวี ออกเพจ ออนไลน์ หากใครพบเห็นให้แจ้งเบาะแส จะมีเงินรางวัลให้ หลังจากลูกหายไป ก็กินไม่ได้นอนไม่หลับ ออกตามหาลูกชายตั้งแต่ตี 3 ขี่จักรยานยนต์ไปตามเส้นทางจนถึง อ.นากลาง จ.หนองบัวลำภู ที่คนว่าพบเห็น แต่ก็ไม่ใช่ลูกตัวเอง ซึ่งนายศราวุฒิ จะตัดผมสั้นสกินเฮด ตนเกรงว่าลูกชายจะเดินหลงป่าออกมาไม่ได้ เสียชีวิตอยู่บนภูเขา หรือจะมีคนทำร้าย แต่คงไม่มีใครทำร้าย เพราะลูกเป็นคนไม่มีพิษมีภัยกับใคร แต่ตนให้น้ำหนักไปที่เดินหลงป่า

 

“จะมีบุคคลที่ลูกชายตนคลุกคลีก่อนหายตัวไป จะเป็นสาวประเภทสองในหมู่บ้าน ซึ่งไปมาหาสู่กันกับลูกชายตลอด แม่ได้ห้ามสาวประเภทสองมาหาลูกชายอีก แต่ก็ไม่ได้ปรักปรำ เคยขอให้ตำรวจไปสอบถามสาวประเภทสอง ถ้าพวกตนไปถามก็คงจะไม่บอก เมื่อตำรวจมาถาม ก็ไม่มีข้อมูลหรือเบาะแสอะไรเช่นกัน จึงได้ตัดสินใจมาขอความช่วยเหลือจากสื่อมวลชนซึ่งเป็นความหวังสุดท้าย เผื่อออกข่าวไปจะมีคนพบเห็น” นายคำและนางสมพร กล่าวในที่สุด