จากกรณีมีการเปิดเผยบั้นปลายชีวิตของ นายสม วาสนา อายุ 83 ปี อดีตครูโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งในอำเภอโนนสัง จ.อุดรธานี ในขณะนั้น ปัจจุบันคือ จ.หนองบัวลำภู และอดีต สส.พรรคสยามใหม่ กลายเป็นคนเร่ร่อน สติไม่ดี และไม่มีลูกหลานมาเยี่ยม ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

 

ในวันนี้ ทีมข่าว ได้ลงพื้นที่ บ้านหมอปลา ในจังหวัดเพชรบุรี พร้อมกับได้เจอ นายสม วาสนา และหมอปลา กำลังวิดีโอคอลกับญาติ นพ.พบสุข อายุรแพทย์โรคประสาท ที่ยืนยันว่าตนนั้น เป็นลูกแท้ๆ และยังไม่ตาย แต่ทางด้าน นายสม มีความเข้าใจว่า ตายไปแล้ว และมีอาการพูดคนเดียวตลอดการสัมภาษณ์

 

ทั้งนี้ นายสม วาสนา ได้มีการพูดคุยเกี่ยวกับ ปัญหาของประชาชน ที่อยากแก้ไข เพราะยังยืนยันว่า ที่ตนมาอยู่ที่บ้านหมอปลา นานถึง 8 ปี ตนอยากจัดการปัญหา คือไม่ให้คนบนบก (คน กทม. กับจังหวัดอื่นๆ) และคนในน้ำ (3 จังหวัดชายแดนใต้) มีปัญหากัน ไม่ให้คนบนบกไปทิ้งบอมบ์ในน้ำ อยากแก้ตรงนี้ อยากให้สหประชาชาติเข้ามาช่วยดูแล ตนเป็นรัฐบาล มา 6 สมัย ตอนนี้ก็ยังเป็นอยู่ ต้องแก้ให้ได้ วิธีการแก้ คือไม่ให้คนบนบก ไปยุ่งคนในน้ำ และคนในน้ำ ก็ไม่ให้ยุ่งกับคนบนบก และถ้าจะต้องใช้เส้นทางก็ ให้สหประชาชาติ มาจัดการ

 “หมอปลา” เปิดเผยว่า นายสมมาอยู่ที่นี่ เกิน 5 ปี เพื่อพามา ตอนแรกมากับไก่ 1 ตัว และสติก็ไม่ค่อยดี ถือมีด เข้ามาเลย ไม่ค่อยจะยอมหลับนอน แต่จะมีพฤติกรรมทำท่าทางเหมือนอภิปรายไม่ไว้วางใจอยู่ในสภา รวมถึงมีท่าทางกลัวหวาดระแวงผู้คน ทีแรกตนไม่ทราบมาก่อนว่านายสมเคยเป็น ส.ส.มาก่อน

 

แต่พอเห็นบัตร สส. เขาก็เลยเชื่อ แกจะอยู่แบบนี้ พูดคนเดียว หูไม่ค่อยได้ยิน ต้องตะโกน และจริงๆ ไม่อยากให้เป็นเรื่อง แต่พอดีเมื่อวานกัน จอมพลังมา ก็เลยคุยกัน และไลฟ์สด จนช่อง 8 เสนอข่าว เลยทำให้ทุกคนทราบ และวันนี้ก็ดีใจ ที่มีญาติมาแล้วและยังได้คุยกับลูกชาย ที่รักษาโรคประสาทอยู่ด้วย ตนดีใจกับลุงมาก ที่มีญาติมา เพราะแกมีแต่ความคิดที่ว่าไม่เชื่อว่า ลูกๆ ญาติๆ ยังมีชีวิต แต่ก็รู้สึกสงสารแก ว่าทำไมครอบครัว ที่แกเลือกไปอยู่ด้วยนั้น กลับไม่ใยดีแก แต่คนที่รับปากจะดูแลแก คือ ครอบครัว ที่แกไม่เคยเลือกจะไปอยู่ด้วย และเป็นหมอใหญ่ด้านประสาทอีกด้วย

 

ในวันนี้ (6 ก.พ.67) ทีมข่าวได้เดินทางเจ้าไปพบ นายแพทย์พบสุข ตันสุหัส อีกครั้ง หลังจากที่ในช่วงเมื่อคืนที่ผ่านมา ที่เก่าได้เข้าไปพูดคุย ในเรื่องที่ ได้ทราบว่านายแพทย์พบสุข เป็นลูกชายของ นายสม วาสนา อดีต ส.ส. จังหวัดอุดรธานี ซึ่งในตอนนี้รักษาตัวอยู่ที่บ้านหมอปลา ด้วยโรคประจำตัวคือโรคสมองเสื่อม โดยหลังจากที่ทีมข่าวเข้าไปพบกับหมอพบสุข ก็ได้ทำการ Vdo call ไปหาหมอปลา

 

เพื่อที่จะให้หมอพบสุข ได้คุยกับทาง ลุงสม วาสนา เป็นครั้งแรกหลังจากที่ต้องพลัดพรากกันไปกว่า 30 ปี ซึ่งก่อนที่จะทำการ Vdo call ทีมข่าวได้สังเกตดูอาการของหมอพบสุข โดยสังเกตได้ว่าหมอพบสุขก็มีความตื่นเต้นอยู่เล็กน้อยก่อนที่จะได้คุยกับพ่อของเขา จากนั้นจึงเริ่ม Vdo call ซึ่งในช่วงแรก ทางด้านหมอปลาก็ได้พยายามอธิบายให้กับนายสม วาสนา ฟังว่า คนที่คุยผ่าน Vdo call ในขณะนี้คือลูกของลุงสม ซึ่งลุงสมก็ได้ยื่นหน้าเข้ามาดูใกล้กับจอโทรศัพท์ และพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงได้ถอยออกไปและได้ตอบกับหมอปลาว่า “ขอประธานอภัยคนคนนี้ไม่ใช่ลูกของผมครับ” แล้วได้กล่าวต่อว่า “ลูกของผมได้เสียชีวิตไปหมดแล้วครับ จะให้ดูยังไงคนนี้ก็ไม่ใช่ลูกลูกของผม”

 

และหลังจากนั้นหมอพบสุขได้พยายามพิจารณา ดูท่าทาง ของพ่อของเขาหรืออาการของพ่อของเขา โดยในช่วงหนึ่งของการ Vdo call หมอพบสุขได้พยายามนำบัตรประชาชนที่มีชื่อและสกุลจริง ให้กับทางพ่อของเขาดูผ่าน Vdo call ซึ่งทางด้านลุงสม ก็ได้อ่านชื่อแล้วตอบกลับมาว่าชื่อ ของหมอพบสุขนี้ ตัวเค้าเป็นคนตั้งเอง ซึ่งเอาชื่อของตัวลุงสม และทางด้านแม่ของหมอพบสุข มารวมกัน เป็นชื่อพบสุข และหลังจากนั้นได้มีการพูดถึงคนที่ชื่อพิมพ์ ซึ่งทางด้านหมอพบสุขได้บอกกับทางทีมข่าวว่า คนชื่อนี้คือคุณยาย ซึ่งก็เป็นไปตามความจริงทั้งหมด ซึ่งแสดงให้เห็นถึงว่าลุงสมความทรงจำในเรื่องเก่าๆอยู่

 

ซึ่งหลังจากนั้นหมอพบสุขก็ได้อธิบายให้ทางด้านหมอปลาฟัง ว่าทางด้านของคุณพ่อน่าจะประสบอาการป่วยในลักษณะสมองเสื่อม และมีอาการเกี่ยวกับเรื่องทางด้านจิตด้วย เนื่องจากมีอาการหูแว่วและพูดคนเดียว และได้ยืนยันกับหมอปลาว่า ทางด้านหมอพบสุขจะเป็นคนจัดการในเรื่องการรักษา ซึ่งในช่วงแรกนี้จะทำการส่งยาไปให้ก่อน และหลังที่ดำเนินการเคลียร์เรื่องงานที่ตนต้องรับผิดชอบในโรงพยาบาลของรัฐ เสร็จเรียบร้อย ก็จะรีบไปหาทางด้านของคุณพ่อที่บ้านของหมอปลาโดยทันที

 

โดยหลังจากนั้นทีมข่าวจึงได้พูดคุยจากด้านหมอพบสุข เพิ่มเติมหน่อยหมอพบสุขได้เปิดเผยกับทีมข่าวว่า

 

“ จากการที่ได้คุย Vdo callคุณพ่อ ในวันนี้ต้นก็รู้สึกดีใจ ที่ได้มีการคุยกับคุณพ่อหลังจากที่ไม่ได้พบกันเป็นเวลากว่า 30 ปี ซึ่งจากการประเมินจากที่คุยกับคุณพ่อแล้วนั้น ก็พบว่าตอนนี้คุณพ่อประสบปัญหาเกี่ยวกับโรคโรคส่วนตัวก็คือโรคสมองเสื่อม และยังมีอาการเกี่ยวกับทางจิตร่วมด้วย ซึ่งหลังจากนี้ ตนก็จะรับผิดชอบเกี่ยวกับการรักษาคุณพ่อ โดยในช่วงแรกนี้อาจจะส่งยาไปให้กับทางคุณหมอปลาให้ช่วยดูแลและจัดการ จัดยาให้กับคุณพ่อก่อน และหลังจากนั้นหลังจากที่ตนได้จัดการในเรื่องงานที่โรงพยาบาลเสร็จเรียบร้อย ก็จะทำการทำเรื่องลางาน และจะรีบไปดูคุณพ่อที่บ้านหมอปลาโดยทันที

 

ซึ่งตนก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้นำวิชาความรู้ที่ได้เล่าเรียน จนจบและทำงานเป็นแพทย์เกี่ยวกับโรคทางด้านสมองและระบบประสาท จากนั้นจึงมีโอกาสได้นำมารักษาคุณพ่อ ซึ่งในเรื่องนี้มันเป็นความฝันของหลายๆคน และเป็นแรงบันดาลใจ ที่ทำให้เลือกเรียน ในแต่ละด้าน เพื่อที่จะนำมาใช้รักษาหรือนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์กับครอบครัวของตนเอง อีกทั้งในเรื่องที่ทางด้านหมอปลาได้พูดไว้ ก็คือเรื่องที่ลูกคุณพ่อเลือกกลับไม่ดูแลพ่อ แต่ลูกที่คุณพ่อไม่ได้เลือก กลับกลายเป็นหมอเกี่ยวกับโรคทางด้านสมองที่คุณพ่อได้เป็นโรคนี้อยู่ ต้องมารักษา ในเรื่องนี้ตนก็รู้สึกดีใจเช่นกัน

 

โดยหลังจากนี้ก็จะติดตามอาการของทางด้านคุณพ่อ เป็นระยะ และจะทำการส่งยาไปให้กับคุณพ่อเพื่อทำการรักษาอาการที่คุณพ่อเป็นอยู่ ซึ่งอาการเหล่านี้สามารถรักษาให้หายได้ และตนเองก็ยังเป็นหมอที่เชี่ยวชาญกับเรื่องของโรคจำพวกนี้อยู่แล้ว และจะดำเนินการเรื่องงานให้เสร็จสิ้น และจะทำเรื่องลาเพื่อ ไปหาคุณพ่อและตรวจร่างกายคุณพ่ออย่างละเอียดอีกครั้ง

 

ขณะเดียวกันทีมข่าวได้เจอกับ ว่าที่ร้อยตรี มรกตอายุ 58 ปี ซึ่งคุณลุงเป็นน้องชายของพ่อตน ซึ่งตนเดินทางมาจาก หนองปรือ จังหวัดกาญจนบุรี พร้อมเผยว่าอยู่กันมาตั้งแต่เด็กๆ อายุ 15 ปี ก็มาช่วย ลุงหาเสียง พอ ม.ปลายก็ย้ายไปอยู่กรุงเทพด้วยกัน อยู่ด้วยกันมาตลอด จนวันหนึ่ง ลุงเลือกไปอยู่กับเมียอีกคนหนึ่ง ที่จังหวัดลำปาง ซึ่งมีลูกสาว 1 ลูกชาย 1 คน ทำให้ไม่ค่อยได้เจอกัน และห่างหายกันมา 10 กว่าปี จนตอนแรกก็เข้าใจว่าแกตายแล้ว จนตนต้องไปคัด สำเนาทะเบียนราษฎร์ ในช่วงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ปี 2566 ถึงมั่นใจว่าแกยังมีชีวิตอยู่

 

และพอข่าวออกเมื่อวาน ก็เลยทำการติดต่อ พม. และหมอปลา ว่าจะเข้ามาเยี่ยมแก ตอนแรกแกก็จำไม่ได้แต่พอเห็นและพูดคุยแกก็จำได้ แต่ตอนนี้ อย่างที่บอกแกความจำเลอะเลือนและคิดว่าญาติแกตายหมดแล้ว พร้อมแกจะจำแต่ว่า แกยังเป็น สส. เป็นนายก และเป็นเพื่อนกับทรัมป์ อีกด้วย จนถึงปัจจุบัน แกมีความว่า แกคือ สส. ทั้งชีวิต

 

ตอนนี้ก็คือได้มีการพูดคุยกับ นายศุภวิชญ์ เจ้าหน้าที่สนับสนุนปฏิบัติงาน พัฒนาสังคม และสวัสดิการ ในเรื่องของจัดการดูแลต่อจากนี้ คือ จะทำการพารักษาเบื้องต้น และติดต่อโรงพยาบาลแล้ว แต่ยังคงรอความพร้อมของคุณลุงก่อน เพราะแกมีความจำที่เหมือนยึดติด ในอดีต โดยการปิดกั้น ความทรงจำใหม่

ช่อง 8 จัดให้! พ่อ สส.เร่ร่อนเจอลูกเป็นหมอในรอบ 33 ปี เผยคำสัญญาเปลี่ยนชีวิต