จากกรณีวันที่ 24 ม.ค. 2567 พล.ต.ต.ประสงค์ อานมณี ผบก.น.9 สั่งการให้ พ.ต.อ.ปราโมทย์ จันทร์บุญแก้ว ผกก. สน.เพชรเกษม นำกำลังฝ่ายสืบสวนเข้าจับกุม นายไพรัช อายุ 74 ปี ผู้ต้องหาใช้มีดทำร้ายร่างกายผู้อื่น พร้อมด้วยของกลางเสื้อคอปกแขนสั้นสีกรมท่า 1 ตัว กางเกงวอร์มขายาวสีดำ 1 ตัว และรองแตะ สีดำแบบสวม อีก 1 คู่ โดยจับกุมตัวได้บนสะพานลอยหน้าห้างสรรพสินค้า ย่านพระราม 2 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กทม.



การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 21 มกราคม ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 06.46 น. นายไพรัช ได้ก่อเหตุใช้อาวุธมีดทำร้ายร่างกาย นางภาณี จนได้รับบาดเจ็บ ขณะผู้เสียหายนั่งขายของมือสองอยู่บนทางเท้า ตรงข้ามห้างแห่งหนึ่งแขวงบางแค เขตบางแค กทม. จากนั้น นายไพรัช มือมีดได้ขึ้นรถแท็กหลบหนีไป ส่วนนางภาณีมีกู้ภัยนำตัวส่งโรงพยาบาล ให้แพทย์ทำการรักษา อย่างเร่งด่วน เนื่องจากเป็นคนชรากระทั่งมีอาการพ้นขีดอันตราย จากการสืบสวนติดตามตัวคนร้าย โดยการตรวจสอบกล้องวงจรปิด สามารถบันทึกภาพขณะที่ นายไพรัช ก่อเหตุไว้ได้ จึงแกะรอยติดตามไปจับกุมตัวเอาไว้ในที่สุด



วันนี้ทีมข่าวได้ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ โดยได้ภาพกล้องวงจรปิดช่วงเวลาเกิดเหตุที่นายไพรัชใช้มีดจ้วงแทงนางภาณี และนางภาณีพยายามปัดป้องและพยายามจะขึ้นรถเมล์เพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ก็ยังโดนมีดแทงจนบาดเจ็บ จากนั้นนางภาณีได้ย้อนกลับมาตรงจุดเกิดเหตุก่อนจะมีรถกู้ภัยมารับไปส่งรักษาตัวที่โรงพยาบาล

ล่าสุดทางทีมข่าวได้เดินทางมายังพูดคุยกับ พ.ต.อ.ปราโมทย์ จันทร์บุญแก้ว ผกก. สน.เพชรเกษม ซึ่งได้เปิดเผยว่า การทำงานในคดีนี้ค่อนข้างลำบาก เพราะด้านผู้บาดเจ็บไม่ได้รู้จักกับผู้ก่อเหตุมาก่อน ไม่เคยมีอะไรบาดหมางกันมาก่อน ซึ่งเมื่อคดีมันไม่มีความชัดเจน ก็ต้องอาศัยคลิปจากกล้องวงจรปิดที่สามารถจับภาพไว้ได้ โดยใช้เวลาในการจับกุม 3 วัน เพราะต้องแกะรอยตามจุดต่าง ๆ จนเห็นว่า หลังนายไพรัชก่อเหตุก็ขึ้นรถเมล์เพื่อกลับไปพักที่โรงแรม ย่านเพชรเกษม ซอย 5



นอกจากนี้ทีมข่าวได้ภาพกล้องวงจรปิดเพิ่มเติม หลังเกิดเหตุนายไพรัชได้ขึ้นรถเมล์หลบหนี หลังลงรถเมล์ มีการแวะเข้าเซ่เว่นฯ และเดินถือถุงข้าว และตอนกำลังเดินเข้าโรงแรมที่พัก จากการสืบทราบ พบว่า มีการเข้าพักตั้งแต่ วันที่ 11-21 มกราคม 2567 คือวันก่อเหตุ ในราคาวันละ 850 บาท ซึ่งทางผู้ก่อเหตุได้ให้ข้อมูลว่า ใช้จ่ายโดยเอาเงินคนชรา และเงินจากการขอทานใช้จ่าย



ในการหาข้อมูล พบว่า ผู้กระทำความผิดนั้นเป็นคนเรร่อน แต่จากข้อมูลของพยานเบื้องต้น แจ้งว่า เมื่อประมาณ 3 เดือนก่อนก็มีการจะเข้าไปทำร้ายแต่ผู้บาดเจ็บหนีได้ก่อน เลยได้แค่ทำลายข้าวของ แต่ในวันเกิดเหตุผู้ก่อเหตุมีลักษณะการลงจากรถเมล์ และตรงเข้าไปทำร้ายร่างกายเลย และหนีขึ้นรถไป จนตำรวจจับกุมได้ บริเวณหน้าห้าง ย่านพระราม 2 ซึ่งเขายังใส่ชุดเดิม ในวันก่อเหตุทำให้จับกุมได้

ต่อมาเมื่อนำมาสอบปากคำก็ได้มีการเผยถึงสาเหตุ ว่า ฝังใจและแค้นตั้งแต่ 15 ปีที่แล้ว โดยอ้างว่า ชอบยืมเงินทีละ 20-30 บาท และเคยแจ้งเจ้าหน้าที่เทศกิจให้ปจับหรือไปดำเนินการกับเขาพร้อมยึดของไปเลยโกรธ จนต้องตามหาให้เจอเพื่อจะล้างแค้น



พร้อมเมื่อจับกุมได้มีการติดต่อไปยังน้องสาว ซึ่งได้เผยว่า ผู้ก่อเหตุหนีออกจากบ้านเป็นคนเร่ร่อนนานแล้ว แต่ก่อนหน้าผู้ก่อเหตุก็มีคดีแต่รอลงอาญา ในด้านอาการถ้าถามว่าป่วยทางจิตไหม จากการสอบถามในเบื้องต้นก็คุยรู้เรื่อง ถามตอบได้ดี ตอนนี้ก็คือรอการฝากขัง เพราะเขารับสารภาพ และสาเหตุก็คืออย่างที่แจ้งว่าโกรธแค้นเรื่อง 15 ปีก่อน

ต่อมาทางทีมข่าวได้เดินทางไป โรงแรมที่ ผู้ก่อเหตุเข้าพัก ทางเจ้าหน้าที่ได้ให้ข้อมูลว่า ผู้ก่อเหตุมาพักได้ 2-3 ครั้ง แต่ครั้งล่าสุด คือ ตั้งแต่ 11-21 ม.ค. ที่ผ่านมา โดยปกติแกจะออกไปช่วงตี 5 และกลับเข้ามาประมาณ 09.00 น. และก็นอน ท่าทีของแกก็ดูไม่มีพิษมีภัยอะไร แกจะจ่ายเงินค่าห้อง ทุกวัน ใช้แบงก์พันจ่ายทุกครั้ง ตนไม่เคยทราบว่าแกมีอาชีพอะไร ตกใจเหมือนกันไม่คิดว่าแกจะทำได้



วันนี้ทีมข่าวได้พูดคุยกับ คุณเล็ก พนักงานร้านข้าง ๆ กับจุดเกิดเหตุ ซึ่งได้เล่าว่า ป้าผู้บาดเจ็บ มาขายของประจำ 10-20 บาท บางวันตนก็อุดหนุน บางวันก็พูดคุยถึงการขายของ แต่ตอนเกิดเหตุตนไม่ได้เห็นเหตุการณ์ มารู้ตอนที่เขาเล่าว่าป้าโดนแทง มองไปก็เห็นเลือดกองที่พื้น ซึ่งปกติ แกจะมาขายแต่เช้าและเลิกบ่าย ๆ แกเป็นคนน่ารัก แต่ไม่เคยได้รู้ว่าแกมีปัญหาอะไรกับใครไหม เพราะไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น พอรู้ว่าเป็นป้าแกก็สงสาร เพราะแกขายอยู่คนเดียว เมื่อก่อนแกจะมีหลานคนหนึ่งมาด้วย แต่หลัง ๆ แกมาคนเดียว

อึ้ง! ขอทานรัวมีดใส่ป้าอ้างติดหนี้ 20 ไม่จ่าย 15 ปี ชีวิตไฮโซพกแบงก์พันนอน รร.