ตำรวจเรียกกลุ่มเพื่อนสาว 17 ปี ที่เข้าไปสถานบันเทิงกับฝนในวันเกิดเหตุ สอบปากคำเพิ่มเติมในบางประเด็น เพื่อให้สำนวนการสอบสวนครบถ้วน

 

เวลา 16.00 น. ตำรวจ สภ.เมืองขอนแก่น ได้นำตัวเยาวชน 4 ราย ซึ่งเป็นเพื่อนของผู้เสียหาย มาสอบปากคำ ประกอบด้วย น้องเปิ้ล (นามสมมติ) อายุ 17 ปี // น้องแวว (นามสมมติ) อายุ 18 ปี // น้องแบม (นามสมมติ) อายุ 18 ปี ซึงเป็นเพื่อนที่เข้าไปสถานบันเทิงด้วยกันในวันเกิดเหตุ // นอกจากนี้ยังมีเยาวชนชายอีก 1 ราย คือ นายเเมน (นามสมมติ) เป็นคนที่เดินไปเรียกผู้เสียหายบริเวณด้านหน้าสถานบันเทิง เพื่ออาสาจะขี่รถจักรยานยนต์ไปส่งที่พัก เเต่ผู้เสียหายปฏิเสธ ก่อนจะนั่งรถจักรยานยนต์ไปกับนายสมรักษ์

 

หลังจากเจ้าหน้าที่ใช้เวลาสอบปากคำเยาวชน ซึ่งเป็นเพื่อนของผู้เสียหายที่อยู่ในสถานบันเทิงในวันเกิดเหตุ กว่า 4 ชั่วโมง ตั้งเเต่เวลา 16.00 น. จนกระทั่งเวลา 20:00 น. เจ้าหน้าที่ได้นำตัวเยาวชนทั้ง 3 ราย ออกจากห้องสอบสวน ไปขึ้นรถบริเวณด้านหลังโรงพัก ก่อนเดินทางออกจาก สภ.เมืองขอนเเก่น เพื่อไปส่งเยาวชนที่ภูมิลำเนา ที่จังหวัดกาฬสินธุ์

 

ซึ่งก่อนที่ตำรวจจะนำตัวเยาวชนทั้งสามคนไปส่งในระหว่างที่สอบปากคำเจ้าหน้าที่ได้ซื้อขนมรวมไปถึงเค้กมาให้เยาวชนได้ทานในระหว่างที่สอบปากคำด้วย

 

โดยเยาวชนทั้ง 3 รายนี้ เจ้าหน้าที่ได้สอบปากคำในฐานะพยาน คาดว่าประเด็นการสอบปากคำ นอกจากเรื่องเหตุการณ์ในวันเกิดเหตุเเล้ว อาจมีประเด็นเกี่ยวข้องกับเรื่องของการไลฟ์สดผ่านทางออนไลน์เมื่อวานที่ผ่านมาด้วย



วันนี้ทีมข่าวจึงได้เข้าไปพบกับ ทนายอนุสรณ์ อะสุระพงษ์ หรือที่คุ้นกันในฉายาทนายเมียหลวง ทีมข่าวจึงได้สัมภาษณ์ให้ช่วยแสดงความคิดเห็นในกรณีเด็กที่หากินกับผู้ใหญ่ ซึ่งได้ให้วิเคราะห์ในเรื่องของคดีความว่าจะออกมาเป็นเช่นไร โดยทนายอนุสรณ์ ได้ระบุให้ทีมข่าวฟังว่า

 

“คดีที่เกี่ยวกับการข่มขืนกระทำชำเราพรากผู้เยาว์ซึ่งผู้เสียหายจะเป็นเด็ก  และส่วนของผู้ต้องหาหรือจำเลยจะเป็นผู้ใหญ่ซึ่งมีอายุมากกว่า ซึ่งคดีแบบนี้จะมีมากในสังคมไทยในบางครั้งจะจบกันที่ชั้นโรงพัก โดยอาจจะไกลเกลีย หรือวิธีอื่น ซึ่งในบางครั้งผู้ที่ถูกกล่าวหาอาจจะไม่ผิดแต่ด้วยบทลงโทษของกฎหมายอาญาเป็นบทลงโทษที่หนัก และการรับฟังของศาลดูพยานหลักฐานและจะรับฟังในส่วนของเด็กเป็นหลัก ซึ่งจำเลยค่อนข้างจะเสียเปรียบในเรื่องของอายุและเพศ และนักกฎหมายจะดูในเรื่องของอายุและเพศเป็นหลัก ซึ่งผู้ชายในกลุ่มที่เป็นจำเลยค่อนข้างจะเสียเปรียบ ซึ่งในบางครั้งอาจจะผิดหรือไม่ผิดแต่ก็ต้องจำยอม เพราะถ้าเสี่ยงสู้คดีก็อาจจะเจ็บมากกว่า

 

ซึ่งในหลายคดีที่มีการฟ้องร้องกันในเรื่องแบบนี้ไม่ว่าจะเป็นคนดัง  หรือคนอื่นๆทั่วไป ศาลก็อาจจะมีการยกฟ้อง เพราะผู้ชายที่เป็นจำเลยซึ่งไปกระทำต่อเด็ก อาจจะเข้าใจว่าเด็กคนนั้นอายุเกินกว่า 18 ปี หรืออาจจะบรรลุนิติภาวะแล้ว จึงได้ลงมือกระทำไปโดยไม่รู้ และสุดท้าย ก็ต้องยอมไกล่เกลี่ยและเสียเงิน ซึ่งส่วนใหญ่อาจจะเรียกว่าถูกแบล็คเมล์ ซึ่งเมื่อเทียบแล้วโอกาสที่จะทำคดีพยานที่จะนำสืบมาหักล้างอาจจะไม่เพียงพอก็อาจจะต้องยอมแบบนั้นไป จึงมีการสารภาพลักษณะคดีแบบนี้ค่อนข้างที่จะเยอะ

 

โดยเราจะไปโฟกัส โดยเราจะมองว่าเด็กถูกเสมอไปมันไม่ได้เพราะบางทีเด็กอาจจะอายุแค่นี้ แต่ด้วยลักษณะการกระทำหรือพฤติกรรมอาจจะทำให้ฝ่ายขายมองว่าเด็กอายุบรรลุนิติภาวะแล้วจึงกระทำพฤติกรรมแบบดังกล่าวได้ ซึ่งในสมัยนี้ เด็กอาจจะเสพสื่อมากไป อาจจะทันโลกมากขึ้น ผู้ใหญ่บางคนอาจจะไม่ทันเด็กด้วยซ้ำ

 

และอาจจะต้องดูเป็นกรณีแต่ละคดีไป ซึ่งจะต้องดูพยานหลักฐาน ที่นำฟ้อง และจะนำฟ้องโดยผู้เสียหายเองหรืออัยการ โดยพยานหลักฐานที่นำฟ้องจะเป็นตัวชี้ ว่าผู้ที่ทำผิดนั้นกระทำทำผิดจริงหรือไม่ หน้าที่นำสืบคือตัวผู้เสียหายและต้องดูตามพยานหลักฐานเป็นหลัก ซึ่งไม่จำเป็นว่าเด็กซึ่งเป็นผู้เยานั้นเป็นฝ่ายชนะคดีเสมอไป ต้องดูที่พยานหลักฐาน โดยบ้านเรา เสียเปรียบตรงที่ว่าเป็นระบบกล่าวอ้างใครอยากกล่าวอ้างว่าคนนั้นผิดคนนี้ผิดมันง่าย และหลักของคดีอาญานี้จะฟังส่วนของผู้เสียหายเป็นหลักส่วนของจำเลยนั้นจะฟังน้อยมาก

 

การต่อสู้ในชั้นสอบสวนส่วนใหญ่จะฟังในส่วนของผู้เสียหายเป็นหลัก แต่พอถึงชั้นศาลแล้ว ก็ต้องมาดูในส่วนของของทนายในส่วนของจำเลย ไม่ว่าจะเป็นการจัดหาเองหรือว่ารัฐจัดหาให้ ซึ่งไม่ใช่อัยการแน่นอน ก็ต้องมาดูกันว่าเค้าเก่งที่จะสู้คดีหรือไม่พยานหลักฐานได้หรือไม่ ถ้าพยานหลักฐานไปได้ในชั้นศาลก็อาจจะมีการยกฟ้อง และไม่ได้หมายความว่ากล่าวหามาแล้วจะต้องผิดทุกคดีไป ซึ่งในบางคดีจำเลยอาจจะเป็นแพะก็ได้

 

ในส่วนของคดีตัวอย่างนั้นจะมีค่อนข้างเยอะแม้กระทั่งนักร้องดังบางคนหรือนักแสดงที่เสียชื่อเสียงไปแล้วแต่พอมาถึงในชั้นของศาลก็อาจจะได้รับการยกฟ้องก็เป็นได้ และในส่วนของคดีดังที่กำลังเกิดขึ้นนั้น มองได้ว่าการสำคัญผิดของสาระสำคัญ ในเรื่องของอายุเด็ก ซึ่งฟังได้ว่าฝ่ายชายได้ทราบว่าอายุของเด็กนั้นมีอายุเพียงแค่ 17 ปีไม่ถึง 18 ปี ซึ่งก็เป็นความผิดอย่างแน่นอน และจะต้องดูว่าพนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาอะไร แต่ถ้าฟังได้ว่าชายคนดังกล่าวไม่ทราบว่าเด็กคนดังกล่าวนั้นอายุ 17 ปีแต่ไม่ถึง 18 ปี และเข้าใจว่าเด็กคนดังกล่าวนั้นอายุ 18 ปีขึ้นไปแล้วนั้น ถ้าถึงในชั้นศาลก็อาจจะมีการยกฟ้องก็ได้ เพราะในชั้นศาลการกระทำผิดจะเกิดขึ้นต่อเมื่อชายคนดังกล่าว ทราบว่าเด็กอายุ เพียง 17 ปีและได้ กระทำต่อเด็กคนดังกล่าว ในลักษณะข่มขืนหรืออนาจาร แต่ถ้าชายคนดังกล่าวนั้นไม่ทราบว่าเด็กคนดังกล่าวอายุไม่ถึง 18 ปี ก็ยังนับว่าเป็นเจตนาและถือว่ายังกระทำผิด สรุปได้ว่าการกระทำผิดจะเกิดขึ้นต่อเมื่อชายคนดังกล่าวทราบอายุของเด็กคนนั้นดังกล่าวนั้นแล้วเท่านั้

 

มนัส บุญจำนง อดีตนักมวยเหรียญทองโอลิมปิกให้กำลังใจสมรักษ์

 

ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้เข้าไปเปิดใจมนัส บุญจำนง อดีตนักมวยเหรียญทองโอลิมปิก ซึ่งมนัสบอกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นถ้าถามว่าเป็นความผิดไหม ส่วนตัวเองนั้นก็เป็นคนเที่ยวกลางคืนเมื่อมีผู้หญิงเข้ามาหาเราก็ต้องเข้าใจว่าผู้หญิงอายุเกิน 18 แล้ว ถ้าถามตนว่าพี่บาสผิดไหมก็ผิดตรงที่ว่าน้องอายุ 17 เท่านั้น เท่าที่เห็นพี่บาสไม่ได้ไปฉุดกระชากหรือบังคับให้ไป น้องเดินตามไปเอง

 

ส่วนตัวก็อยากให้กำลังใจเพราะตนอยู่กับพี่บาสมานาน พี่บาสคอยช่วยเหลือตนเองมาตลอด และคอยช่วยเหลือพี่น้องในวงการมาตลอด ถ้าผิดก็ขอให้สู้ไปตามกฎหมายแต่ถ้าไม่ผิดก็ขอให้สู้ให้เต็มที่ หลังเกิดเรื่องก็มีคุยกันและให้กำลังใจกัน

ทนายเปิดโปงแก๊งสาวอำพรางอายุตบทรัพย์พ่อเฒ่า มนัสส่งใจถึงบาสชี้มีเงื่อนงำ