จากกรณีเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ได้แชร์ภาพที่มีการทุบพื้นกระเบื้องภายในบ้านและมีการขุดดินลงไปจนไปเจอคุณไสยอะไรบางอย่างฝังอยู่ใต้พื้นบ้าน ซึ่งเจ้าของบ้าน ได้ตั้งข้อสงสัยโดยโพสต์ข้อความเอาไว้ว่า

"ไม่คิดเลยว่าจะเจอแบบนี้ที่บ้าน ว่าพรือทำอะไรก็หมด มีตังค์ก็หมด ทำอะไรไม่คล่องมีเท่าไรหมดเท่านั้น แม่ป่วยนอนเป็น 2 เดือนเดินไม่ได้เจ็บป่วยไม่สบายกันทั้งบ้าน ไม่คิดเลยว่าจะเจอกับตัวเองบ้านแตกสาแหรกขาด ใครทำอะไรก็ขอให้กลับไปเข้าตัวมันเองหมด ไม่ขอสาปแช่งนะ สักวันก็คงย้อนกลับไปหาคนที่ทำ #ขอบคุณอาจารย์มากนะคะ ที่มาช่วย ถ้าไม่มีอาจารย์กมาช่วย คงจะไม่รู้อยู่ยังไง #ไม่ต้องกลัวอาจารย์หลอกนะคะ ครูแกไม่เอาสักบาท แกช่วยด้วยใจ #ความเชื่อส่วนบุคคลค่ะ"



ล่าสุดวันนี้ทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางไปที่บ้านของ น.ส.นัยยา อายุ 28 ปี ซึ่งเป็นบ้านของเจ้าของโพสต์ในพื้นที่ ตำบลทุ่งรัง อำเภอกาญจนดิษฐ์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี

โดยบ้านของ น.ส.นัยยา มีลักษณะเป็นบ้านปูนชั้นเดียว ตั้งอยู่ติดกับถนนในหมู่บ้าน ส่วนบ้านที่อยู่ติดกันจะเป็นบ้านของพ่อแม่ และบ้านที่อยู่หลังบ้านของพ่อแม่ ซึ่งจะอยู่ห่างออกไปประมาณ 50 เมตร จะเป็นบ้านของน้องฝน ซึ่งเป็นน้องสาว ที่เป็นฝาแฝดกับน.ส.นัยยา ส่วนบ้านอื่น ๆ รอบ ๆ ก็จะเป็นบานของญาติ ๆ กัน

ขณะเดียวกันวันนี้ทางครอบครัวของ น.ส.นัยยา ได้พาทีมข่าวเข้าไปดูภายในบ้าน ซึ่งเป็นจุดที่มีการรื้อพื้นกระเบื้องออกและขุดลงไปเจอคุณไสย ตามในภาพต้นเรื่องที่ น.ส.นัยยา นำไปโพสต์ในเฟซบุ๊ก

โดยวันนี้จากการตรวจสอบของทีมข่าว พบว่าหลุมที่ขุดลงไป มีความกว้างประมาณ 20 เซนติเมตร ส่วนความลึกเท่าที่ทีมข่าวนำตลับเมตรไปวัดที่หลุมดังกล่าว มีความลึก 24 เซนติเมตร ส่วนตรงพื้นรอบ ๆ หลุมดังกล่าว ก็จะมีอุปกรณ์การจุดเจาะวางเอาไว้ และยังมีเสื่อพร้อมกับจานขันธ์ 5 ที่อาจารย์เจมส์ หรือพ่อปู่ฤาษีแก้วตาเพชร เข้ามาทำพิธีให้ในวันที่ขุดพบคุณไสยใต้พื้นดิน



ส่วนคุณไสยที่ขุดพบในวันนี้ ทางอาจารย์เจมส์ ได้ให้ทางครอบครัวนำไปไว้ใต้ศาลพระภูมิที่หน้าบ้าน ซึ่งวันนี้ทางคุณพ่อของน้องนัยยา ได้พาทีมข่าวไปเปิดดู ซึ่งสิ่งของที่เป็นคุณไสยดังกล่าว จากการตรวจสอบด้านในที่ถูกห่อเอาไว้พบว่ามีสิ่งของคือ ตะกรุด ตะปู ขนาด 4 นิ้ว 3 ตัว, สีผึ้งโบราณ จำนวน 1 ตลับ, เขี้ยวสัตว์ จำนวน 1 ซี่, สำลี ชุดน้ำเหลือง จำนวน 1 ชิ้น, ชิ้นส่วนเทพพนมจากโลงศพในป่าช้า จำนวน 2 ชิ้น, ชิ้นส่วนของก้นบาตร จำนวน 2 ชิ้น, ถุงเท้าที่ใช้ห่อคุณไสย ซึ่งในตะกรุด จะมีการลงอักขระข้อความเอาไว้ว่า "บ้านแตก 2566 แม่มันนอน 2566 ตาย 2567"

ส่วนผังข้อมูลคนในบ้านของ น.ส.นัยยา ที่บ้านอยู่ติดกันก็คือ 1. นายไตรภพ อายุ 50 ปี (พ่อ) 2. นางจรรยา (แม่) 3. นายนุ่ม อายุ 33 ปี เป็นลูกชายคนโต 4. น.ส.นัยยา และ 5. น.ส.ฝน อายุ 28 ปี เป็นพี่น้องฝาแฝด 6. นายพี อายุ 22 ปี เป็นลูกคนสุดท้อง ซึ่งตามข้อมูลก่อนที่จะขุดพบคุณไสย ทั้ง 6 คนมีอาการแปลก ๆ เกิดขึ้น

ซึ่งวันนี้หลังจากที่ทีมข่าวไปสำรวจบ้านเรียบร้อย น.ส.นัยยา ก็เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า บ้านหลังที่ขุดเจอคุณไสยกลางบ้าน เป็นบ้านที่พ่อแม่สร้างให้เมื่อปี 2564 ซึ่งก่อนจะเทพื้นปูน พ่อได้มีการถ่มดินและปักเสาเอาไว้ก่อนประมาณ 1 ปี ก็คือช่วงปี 2563 และบ้านหลังนี้ พ่อแม่และคนในครอบครัวก็ช่วยกันสร้างกันเองโดยไม่ได้จ้างให้ช่างหรือคนในหมู่บ้านมาสร้างให้

โดยไทม์ไลน์หลังจากบ้านหลังนี้สร้างเสร็จ ก่อนหน้านี้เมื่อต้นปี 2565 แม่เกิดอาการล้มป่วย นอนอยู่แต่ในบ้าน 2 เดือนเต็ม ๆ จากนั้นพอแม่หายพ่อก็ป่วยตาม แต่ไม่รุนแรง ส่วนพี่ชายกับน้องชายคนเล็ก ก็ป่วยแบบเป็น ๆ หาย ๆ แต่ไม่รุนแรงเช่นกัน

ซึ่งต่อมาประมาณปลายปี 2565 น.ส.ฝน ซึ่งเป็นแฝดผู้น้องของตนเอง เกิดอาการปวดท้อง รักษายังไงก็ไม่หาย ตนเองก็เลยพาไปพบกับอาจารย์เจมส์ ซึ่งปรากฏว่า อาจารย์เจมส์ รักษาหายโดยการแก้คุณไสย เนื่องจากน้องสาว ถูกเสกหนังควายเข้าท้อง

จากนั้นเมื่อรักษาน้องสาวเสร็จแล้ว อาจารย์เจมส์ ได้ทักว่าที่บ้านมีสิ่งของไม่ดีอยู่ในบ้าน ตนและครอบครัว ก็เลยเชิญอาจารย์เจมส์ไปดูที่บ้าน ปรากฏว่าอาจารย์เจมส์ไปชี้ให้พ่อขุดหลุมที่ใต้ต้นไม้หลังบ้าน ซึ่งพอขุดขึ้นมาก็ไปพบว่า มีตะปู เส้นผม และน้ำเหลืองอยู่ในขวดเอ็มร้อย ที่ฝั่งดินอยู่หลังบ้านพ่อ หลังจากนั้นเมื่อขุดเจอสิ่งของดังกล่าวแล้ว คนในครอบครัวก็ไม่มีใครเจ็บป่วย



จนกระทั่ง ชีวิตของตนเอง ก็มาพบกับอุปสรรค คือเมื่อต้นปีที่ผ่านมา 1. ถูกสามีบอกเลิก ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ทะเลาะกัน 2. ทำมาหากินได้เงินมาก็เก็บเงินไม่ได้ 3. เกิดอาการปวดท้องรักษาไม่หาย และ 4. จามออกมามีไม้ออกมาจากจมูก และ 5. หลังจากสร้างบ้านเสร็จใหม่ ๆ ลูกของตนเองที่คลอดออกมาไม่กี่วันก็ตาย

ซึ่งหลังจากเจอเรื่องต่าง ๆในชีวิต วันเสาร์ ที่ 9 ธันวาคม ที่ผ่านมา ก็เลยย้อนกลับไปหาอาจารย์เจมส์อีกครั้ง ซึ่งพอไปพบอาจารย์เจมส์ ก็ทักว่าบ้านที่ตนอาศัยอยู่ มีสิ่งไม่ดีอยู่ภายในบ้าน

จากนั้นตนก็เชิญอาจารย์เจมส์ไปตรวจสอบที่บ้าน ปรากฏว่าเมื่ออาจารย์เจมส์ เข้าไปที่บ้าน อาจารย์ได้มีการใช้ไม้เท้า เคาะดูตามพื้นในบ้าน กระทั่งไปสัมผัสว่ามีสิ่งของอยู่ใต้พื้นกลางบ้านอาจารย์เจมส์ ก็เลยให้พ่อ งัดพื้นกระเบื้องออกมา แล้วคนในครอบครัวก็ช่วยอาจารย์เจมส์ ขุดไปจนเจอคุณไสย ที่ฝั่งอยู่ใต้พื้นตามในภาพ

ซึ่งยอมรับว่า ตกใจมากกับเหตุการณ์ที่มันเกิดขึ้น เนื่องจากพอขุดสิ่งของดังกล่าวขึ้นมาแล้ว 1. คือแม่กับคนในบ้านหายป่วย 2. ตนรู้สึกได้ว่าเริ่มมีเงินเก็บจากการขายของ และ 3. สุนัขที่ก่อนหน้านี้ จะมาเห่าหอนที่หน้าบ้าน ก็ไม่มาหอนอีกเลย ซึ่งสุนัขจะมาหอนที่ศาลพระภูมิแทน ในช่วงวันโกนกับวันพระ

ยิ่งไปกว่านั้นตะกรุด ที่ระบุข้อความเอาไว้ว่า บ้านแตกเป็นเรื่องจริง เพราะ 1. สามีตนเองขอเลิกโดยไม่มีเหตุผล 2. แม่มันนอนก็เป็นเรื่องเหลือเชื่อที่ แม่เคยนอนป่วยอยู่ในบ้าน 2 เดือนเต็ม ๆ และ 3. ลูกของตนเองก็มาตายหลังคลอดออกมาไม่กี่วัน จึงเชื่อว่าสิ่งของคุณไสยที่ขุดเจอทั้งสองจุดในบ้าน เป็นต้นเหตุทำให้ชีวิตตนเองไม่ราบรื่นมาตลอด หลังจากสร้างบ้านหลังนี้ขึ้นมา

ซึ่งถามว่า ตนเอง สงสัยใครไหมเป็นพิเศษ ยอมรับตรง ๆ ว่า เดาไม่ออกว่าเป็นใคร แต่เชื่อว่าคนที่นำของดังกล่าวมาไว้ในบ้าน เขาไม่หวังดีกับตนเองและคนในครอบครัว ซึ่งยืนยันว่า พ่อแม่และคนในครอบครัว ไม่เคยทะเลาะหรือมีศัตรูกับใครมาก่อน จะมีเรื่องเดียวคือ ตนเองเป็นคนปากไม่ดี ถ้าคนที่จะมาทำต้องเป็นคนที่ไม่ชอบตนเอง และที่เขาต้องการให้แม่ตนตาย เป็นเพราะว่าถ้าชีวิตตนเองไม่มีแม่ ก็จะไม่มีใครมาช่วยประคองชีวิต



อ.เจมส์ ชี้ คุณไสยหวังทำคนในบ้านชิบหาย

จากนั้นทีมข่าวได้เดินทางไปที่ สำนักอาจารย์เจมส์ สุราษฎร์ธานี บารมีพ่อปู่ฤาษีแก้วตาเพชร ในพื้นที่อำเภอพระแสง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งลักษณะของสำนักของอาจารย์เจมส์ จะมีรูปปั้นฤาษีขนาดใหญ่ตั้งอยู่ที่หน้าสำนัก

ซึ่งอาจารย์เจมส์ บอกกับทีมข่าวว่า สำหรับของครอบครัวของ น.ส.นัยยา เริ่มต้นที่อาจารย์ไปเจอเรื่องร้าย ๆ กับทางครอบครัว ก็คือเมื่อประมาณ 5 ปี ที่แล้ว ซึ่งครั้งนั้น ลุงของ น.ส.นัยยา ที่เป็นอดีตกำนัน มีอาการป่วยทั้งครอบครัว จึงมาขอให้อาจารย์ไปดูที่บ้าน ซึ่งปรากฎว่าเมื่ออาจารย์ไปก็พบว่ามีคุณไสย ฝั่งลักษณะเดียวกันกับที่เจอที่บ้านของ น.ส.นัยยา ฝั่งอยู่ที่ข้างบ้าน และพอไปพบคนในครอบครัวก็หาย ซึ่งการที่มาพบสิ่งของที่คล้ายกันที่ บ้านของ น.ส.นัยยา ที่แม่ของเขาเป็นน้องสาวของกำนัน ส่วนตัวอาจารย์ เชื่อว่ามันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ

ซึ่งล่าสุดที่ไปเจอคุณไสย ใต้พื้นบ้านของ น.ส.นัยยา ไม่ได้รู้สึกอะไรแต่สัมผัสได้ว่ามีของไม่ดีฝั่งอยู่ตรงนั้น โดยหลังเจอแล้ว ที่ต้องนำสิ่งของไปไว้ที่ใต้ศาลพระภูมิก่อน เป็นเพราะว่าตอนนี้ ยังไม่ทราบว่า เขี้ยวที่อยู่ในห่อถุงเท้าเป็นเขี้ยวอะไร จึงอยากจะให้สิ่งของดังกล่าว อยู่ในความดูแลของเจ้าที่เจ้าทางไปก่อน และหากค้นพบว่าว่าสิ่งของทั้งหมดเป็นอะไร และคนที่ทำหวังไม่ดีเรื่องอะไรบ้าง ก็จะมีการนำไปลอยน้ำหรือนำไปเผา

ส่วนข้อความในตะกรุด คำว่านอน คนที่ทำต้องการให้แม่ของ น.ส.นัยยา นอนป่วยอยู่ในบ้าน ซึ่งคำว่าบ้านแตก คนที่ทำหมายถึงต้องการให้ น.ส.นัยยา บ้านแตก ก็คือต้องการให้เลิกกับผัวของเขา ส่วนคำว่าตาย ในปี 2567 ยังไม่ถึงเวลา เพราะมาขุดเจอเสียก่อน

ซึ่งสิ่งของดังกล่าว ส่วนตัวอาจารย์เชื่อว่า คนที่ต้องการให้ครอบครัวของ น.ส.นัยยา ชิบหาย เขามาทำช่วงที่มีการสร้างบ้าน ก็คือ 1. คนในครอบครัว 2. คนงานที่พ่อจ้างมาถ่มดินหรือเทปูน หรือ 3. ก็คือคนที่ไม่ชอบหน้า น.ส.นัยยา



ส่วนความบังเอิญ ที่ก่อนหน้านี้ เคยเกิดขึ้นกับบ้านกำนัน ซึ่งเป็นพี่ชายของแม่ น.ส.นัยยา ก็เป็นไปได้ว่าจะเป็นคนๆเดียวกันที่ทำ แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นใครและเขาต้องการทำไปเพื่ออะไร ซึ่งก็เป็นไปได้ที่อาจจะเป็นศัตรู รุ่นตากับยายของ น.ส.นัยยา ก็ได้

ซึ่งเหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าว ก่อนหน้านี้ ตนเองเคยรักษามาแล้ว กว่าร้อยครอบครัว ในอำเภอกาญจนดิษฐ์ ซึ่งเคสนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในพื้นที่ โดยถ้า น.ส.นัยยา ไม่เอารูปไปโพสต์ ก็ไม่มีใครรู้ว่ามีเรื่องแบบนี้ในพื้นที่ และการสัมผัสได้ถึงสิ่งของดังกล่าว ก็เป็นความเชื่อส่วนบุคคล ซึ่งอาจารย์แนะนำว่า คนที่ดูอยู่และมีอาการเหมือนครอบครัวนี้ อย่าเพิ่งมาหาอาจารย์ เพราะ การที่ชีวิตคนเราตกต่ำหรือมีอาการป่วย อาจจะเป็นเพราะ ตัวเราเองที่ทำให้ชีวิตตกต่ำ เช่นไม่ทำมาหากิน หรือรักษาไม่หายเพราะไม่เคยไปหาหมอตรงกับอาการป่วยที่เป็นอยู่ก็ได้

ขณะเดียวกัน หลังจากสัมภาษณ์เสร็จ อาจารย์ได้ทักว่านักข่าวพาใครมาด้วยหรือไม่ มีคนนั่งอยู่ข้าง ๆ รู้ไหม เป็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ซึ่งนักข่าวก็บอกว่าไม่มี จากนั้นอาจารย์ก็ขอให้แบมือ แล้วก็เขียนชื่อใส่กระดาษให้กับนักข่าวว่าคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ขอให้ไปทำบุญให้ เปิดชื่อดูเองแล้วกัน ซึ่งปรากฏว่าพอนักข่าวเปิดชื่อออกมาก็รู้สึกตกใจ เพราะชื่อในกระดาษ เป็นชื่อของแฟนของนักข่าวที่เสียชีวิตไปเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ซึ่งทุกคนก็งงว่าอาจารย์รู้ชื่อได้ยังไง ทั้ง ๆ ที่เบอร์โทร. ก็ไม่มีและตัวอาจารย์ก็ไม่เคยรู้จักกับนักข่าวมาก่อน

ตะลึง! ขุดบ้านเจอคำสาปแผ่นทองแดง ช็อกดับเบิ้ล ชื่อคนตายโผล่ใส่มือนักข่าว