วันที่ 13 พ.ย.66 กรณีเพจ ฝ่ามือพลังจิต อาจารย์เอก ได้โพสต์คลิปการรักษาชาวบ้านด้วยการตบ พร้อมเขียนข้อความระบุว่า คนป่วยสองพันกว่าคน…. ตบๆหาย ถีบๆหาย โดยในคลิป อาจารย์เอก เดินรักษาผู้มีอาการป่วยด้วยการตบที่บริเวณไหล่แล้วอาการกระดูกทับเส้น จะดีขึ้น หรือหายจากการเจ็บปวดทันที

 

คลิปดังกล่าวเป็นเพียงผู้ที่ต้องการจะรักษาเดินต่อแถวให้อาจารย์เอกฯ ใช้มือตบหน้าอกซ้ายขวา ถือว่าการรักษาเสร็จสิ้น จนกระทั่งมีคำถามตามมาเป็นจำนวนมากว่า “หายจริงหรือไม่”

 

ผู้สื่อข่าวเดินทางไปสอบถามนางเสาร์ จินดาศรี อายุ 68 ปี ย่าน้องใบเตย ด.ญ.ชั้นอนุบาล 3 ที่เคยตกเป็นข่าวทำงานบ้านแทนยายตาบอดที่อยู่กันเพียง 2 คนตามลำพัง จนกระทั่งมีคนบริจาคเงินช่วยเหลือได้เงินร่วม 6 ล้านบาท

 

เนื่องจากอาจารย์เอกพลังจิต ได้เดินทางไปรักษาอาการตาฟางข้างขวาและบอดสนิทข้างซ้าย ของนางเสาร์ถึงบ้านที่ ต.ตาเสา อ.ห้วยราช จ.บุรีรัมย์ หลังเป็นข่าวดังในตอนนั้น โดยนางเสาร์ เล่าหลังการรักษาว่า

 

หลังการรักษายอมรับว่าอาการตาฟางข้างขวาซึ่งเหลือข้างเดียวที่ยังมองเห็นลางๆดีขึ้น หลังจากผ่านไปได้ 3 วันอาการกลับมาเป็นเหมือนเดิม และล่าสุดตาทั้งสองข้างบอดสนิทแล้ว ตอนนี้เชื่อหมอโรงพยาบาลมากกว่า แต่ก็ยังไม่ลืมพระคุณของอาจารย์เอก ที่อุตสาห์เดินทางมารักษาถึงแม้จะไม่ได้ผลก็ตาม

 

ทำให้ล่าสุดวันนี้ "อาจารย์เอก ฝ่ามือพลังจิต" ออกมาเปิดใจกับช่อง 8 ว่า ตนนั้นได้ทราบข่าวที่ยายเสาร์ออกมาพูดแล้ว ซึ่งตนมองว่าทุกอย่างนั้นบิดเบือนไปจากความเป็นจริง โดยตนยืนยันว่าตอนนี้ยายเสาร์ไม่ได้ตาบอดสนิท แค่มีอาการตาฟางจากต้อกระจก ซึ่งตนก็ขอออกมาโต้แย้งเพื่อปกป้องชื่อเสียงของตัวเอง โดยขอบอกก่อนว่า ช่วงแรกที่มีการรักษาอาการตาฟางของยายเสาร์ ตนนั้นได้เดินทางไปถึงบ้านเกิดของยายเสาร์ที่ จ.บุรีรัมย์ และหลังจากที่ทำการรักษาไป 2 ครั้ง อาการของยายเสาร์ก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด บวกกับตอนนั้นยายเสาร์เริ่มที่จะมีเงินบริจาคแล้ว ตนจึงบอกให้ยายเสาร์เดินทางไปรักษาที่ตำหนักของตนในจังหวัดนนทบุรี เพราะตนเองก็มีคนไข้อื่น ๆ ที่ต้องดูแลด้วย ทำให้ไม่สะดวกที่จะเดินทางไปจังหวัดบุรีรัมย์บ่อย ๆ แต่ยืนยันว่า ตอนนั้นตนทำการรักษาดวงตาให้ยายเสาร์ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น ซึ่งตนก็ได้บอกยายเสาร์ว่าให้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง ไม่เช่นนั้นอาการเดิม ๆ จะกลับมาอีก แต่หลังจากที่รักษาไป 2 ครั้ง ยายเสาร์ก็ไม่ได้มาหาตนที่ตำหนัก จึงไม่แปลกที่อาการตาฟางจะกลับมาเป็นอีก

 

หลังจากนี้ หากใครอยากพิสูจน์ว่ายายเสาร์กลับไปตาบอกสนิทจริงหรือไม่ ในฐานะอาจารย์เอกฝ่ามือพลังจิต ตนก็พร้อมที่จะเดินทางไปจังหวัดบุรีรัมย์อีกครั้ง พร้อมกับพิสูจน์การมองเห็นของยายเสาร์ให้ทุกคนได้ดูแบบสด ๆ กับตา เพื่อให้ทุกคนคลายข้อสงสัยในฝ่ามือพลังจิตของตน

 

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึง อาจารย์เอก ฝ่ามือพลังจิต โพสต์คลิปการรักษาชาวบ้านด้วยการตบ ซึ่งมีคุณยายอายุ 68 ปี มารักษาอาการตาฟาง ด้วยการตบ ทำให้สายตาดีอยู่ 3 วัน จากนั้นก็ตาบอดสนิท แต่อาจารย์คนดังกล่าวออกมาระบุว่า การแพทย์แผนปัจจุบันไม่สามารถรักษาโรคเหล่านี้ได้ อีกทั้งยังท้าทายกระทรวงสาธารณสุข และ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข ให้มารักษากับตน โดยอย่าอ้างถึงเรื่องกฎหมายเพียงอย่างเดียว

โดยนายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า การดูแลรักษาที่เกี่ยวกับชีวิตมนุษย์จะต้องเป็นไปตามกฎหมาย เนื่องจากเกี่ยวข้องกับอันตรายต่อชีวิต ดังนั้น ต้องไปดูว่าสิ่งที่เขาทำนั้นมีกฎหมายอะไรมารองรับ มีการประกอบวิชาชีพที่ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ซึ่งจะอ้างว่ากฎหมายมาจำกัดสิทธิ์ผู้ป่วยไม่ได้ สิทธิ์ทุกอย่างต้องอยู่บนพื้นฐานของกฎหมายคุ้มครอง บ้านเมืองมีกฎหมาย คนที่ไม่ยอมรับในกฎหมายก็อยู่ในบ้านเมืองไม่ได้

 

"ไม่ต้องมาท้าผม ถ้าทำผิดกฎหมาย ผมส่งคนไปจับอยู่แล้ว อย่าท้า ถ้าทำผิดกฎหมาย ผมมีหน้าที่ควบคุมดูแล ไม่ให้ประชาชนได้รับผลกระทบจากการดูแลสุขภาพที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย"

 

เมื่อถามว่าจำเป็นต้องไปตรวจสอบตัวผู้ทำการรักษาหรือไม่ เพราะเกิดกรณีรักษาคนจนตาบอดสนิท นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ต้องไปดูในรายละเอียดว่า หลังจากการรักษาด้วยการตบนั้นเป็นเหตุที่ทำให้ตาบอดสนิทหรือไม่ ซึ่งนี่เป็นตัวอย่างที่เราต้องดูแลคุ้มครองผู้บริโภคจากการรักษาพยาบาลที่มีมาตรฐานมีความปลอดภัยให้ประชาชน อย่างไรก็ตาม สธ.มีหน้าที่ควบคุมสถานบริการที่ใช้ในการรักษา และควบคุมผู้ประกอบวิชาชีพโรคศิลปะ และประกอบวิชาชีพเวชกรรม ดังนั้นก็จะเอากฎหมายที่มีอยู่นำมาบังคับใช้ จะไม่ใช้กฎหมายไม่ได้ ยิ่งท้าว่าอย่าเอากฎหมายมาพูดก็ยิ่งต้องพูด

 

"จริงอยู่ที่มีหลายศาสตร์ ที่เราไม่สามารถเรียนรู้ได้ทั้งหมด แต่การจะใช้ศาสตร์ต่างๆ นั้นมาดูแลรักษาโรค ดูแลชีวิตมนุษย์ จะต้องอยู่บนพื้นฐานของการยอมรับ มีมาตรฐาน มีความปลอดภัย"

 

หมอชลน่านไม่ทน! สั่งลุยสำนัก "เอก พลังจิต" โต้ทำย่าเด็กกตัญญูตาบอด ท้าชนทุกหน่วย