จากกรณีเวลา 11.45 น. วันที่ 6 พฤศจิกายน 2566 พ.ต.ท.พลวัต โพธิ์ฉัตร รอง ผกก.ป.สน.บางคอแหลม ได้รับแจ้งเหตุว่ามีหญิงกระโดดสะพานกรุงเทพลงไปในแม่น้ำเจ้าพระยา จึงได้สั่งการนำเรือของ สน.บางคอแหลม ออกไปช่วยโดยด่วน จากการตรวจสอบเป็นเด็กหญิงอายุ 14 ปี นักเรียนชั้น ม.2 พบบนสะพานมีกระเป๋าเป้สีดำ โทรศัพท์มือถือและรองเท้าผ้าใบสีขาว ทางตำรวจจึงรวบรวมไว้เป็นพยานหลักฐาน พร้อมกับเชิญพ่อ-แม่เลี้ยงเข้าให้ปากคำเพิ่มเติม เพื่อหาเหตุจูงใจในการคิดสั้นครั้งนี้เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินการขั้นตอนต่อไป



ทีมข่าวช่อง 8 ได้หลักฐานแชตจากนายสุทัศน์ อายุ 40 ปี ซึ่งเป็นพ่อของเด็กหญิงที่เสียชีวิต เป็นภาพที่นายสุทัศน์โพสต์เฟซบุ๊ก วันที่ 1 มกราคมปีนี้ ซึ่งเป็นแชร์ข้อความทรงจำที่เกิดขึ้นมาหลายปีก่อน ระบุว่า “คิดถึงลูกสาวจังเลยไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะเจอกันสักที พ่อรอลูกอยู่รักลูกเสมอ “พร้อมกับโพสต์ภาพลูกสาวตอนที่อายุสองขวบที่เคยอยู่ด้วยกัน ก่อนที่ตนจะเลิกรากับภรรยาเก่าเมื่อหลายปีผ่านมา ต่อมาลูกสาวเห็นสิ่งที่พ่อโพสต์ จึงมาคอมเมนต์ข้อความว่า “นั่นพ่อเหรอ” ทางพ่อก็รีบตอบกลับข้อความทันทีว่า “ใช่ครับ ลูกใช่ไหม พ่อตามหาหนูมากกว่า 10 ปีแล้ว”



จากนั้นนายสุทัศน์ได้เผยแชตที่ได้คุยกับลูกลูกสาวในรอบ 12 ปี หลังภรรยาเก่าไม่ให้เจอหน้าลูกตั้งแต่เลิกรากันไป ซึ่งแชตหน้าแรก ลูกสาวเปิดบทสนทนากับตนโดยถามตนว่า “พ่อจะรับได้ไหมคะ หนูอยู่กับตายาย ตาข่มขืนค่ะ แต่ยายไม่รู้หนูเพิ่งแอบอัดคลิปเสียงไว้ ตาทำตั้งแต่หนูอายุหกขวบครึ่งจนอายุ 12-13 ปี ยังไม่มีหลักฐานมากพอ เขาบอกว่าถ้าหนูบอกไป เขาจะฆ่าตัวตายหรือไม่ก็ฆ่าหนูทิ้ง”

จากนั้นทางพ่อยังได้เปิดเผยหลักฐานคลิปเสียงที่ลูกสาวแอบอัดขณะพูดคุยกับนายสุชาติ (สงวนนามสกุล) ซึ่งเป็นตาของลูกสาว มีศักดิ์เป็นน้าเขยของภรรยาเก่าตน ในคลิปเด็กหญิงได้เรียกตาสุชาติว่าพ่อและมีการถามว่า หากน้องเอาเรื่องที่ตาข่มขืนไปบอกคนอื่น หรือคนอื่นรู้เอง พ่อจะทำอย่างไร จะฆ่าน้องเหมือนที่เคยขู่ก่อนหน้านี้ไหม ซึ่งพ่อตอบว่า “ไม่แน่”



ต่อมาเสียงที่สองเด็กหญิงก็ได้มีการถามตาสุชาติต่อว่า “ถ้าวันหนึ่งหนูไม่ได้พูด แล้วคนอื่นจะทำอย่างไร” ซึ่งทางตาสุชาติตอบมาว่า “ถ้าหนูไม่พูดแล้วใครจะรู้ ถ้ารู้พ่อก็ติดคุกติดตะราง พ่อก็อาจจะฆ่าตัวตาย หรือเขาอาจไม่ฆ่าตัวตาย แต่หนูอาจจะตายก็ได้ เอาผิดพ่อไม่ได้เพราะหนูสมยอม”

ทีมข่าวได้พูดคุยกับนายสุทัศน์ เล่าว่า ตนได้เลิกรากับภรรยาเก่าซึ่งเป็นแม่แท้ ๆ ของน้องประมาณปี 2552 เนื่องจากขณะนั้นแม่ของน้องตัดสินใจจะเดินทางไปทำงานที่ต่างประเทศ หลังเลิกราแม่น้องอิ๋วได้พาลูกสาวย้ายไปอยู่ที่อื่น และบล็อกทุกช่องทางติดต่อกับตน พร้อมทั้งกีดกันไม่ให้ตนเจอหน้าลูกอีกเลย จึงทำให้ตนไม่ได้เจอหน้าลูกมา 12 ปีแล้ว ต่อมาตนได้พบกับภรรยาคนปัจจุบันทางเฟซบุ๊ก จากนั้นมีการพูดคุยกันและตกลงใช้ชีวิตคู่ด้วยกันมาประมาณ 10 ปีแล้ว

ในช่วงเวลาที่ตนพลัดพรากจากลูกและติดต่อลูกไม่ได้ ตนพยายามโพสต์ตามหาในเฟซบุ๊ก มีความหวังว่าลูกจะเห็นโพสต์ตนและทักกลับสุดท้ายเป็นจริง ลูกเห็นที่ตนโพสต์และคอมเมนต์ข้อความกลับหาตนในเดือนกรกฎาคม แต่ลูกสาวยังไม่ปักใจเชื่อว่าเป็นพ่อของลูกสาวมีการขอดูบัตรประชาชนเพื่อยืนยันข้อเท็จจริงซึ่งตนก็ส่งให้ลูกสาวดู จนกระทั่งแน่ชัดจึงมีการพูดคุยกันทางแชต



ตนตกใจมากที่ลูกสาวเปิดบทสนทนาถามก่อนว่า พ่อรับได้หรือไม่เรื่องที่ลูกสาวตนถูกตากระทำชำเรามาตั้งแต่เด็กแล้วรวมเป็นเวลากว่า 8 ปี ซึ่งตนก็ตกใจมากและรีบส่งรูปให้มาอยู่กับต้นทันทีแต่รูปปฏิเสธว่ายังไม่ได้เนื่องจากทุกตาสุชาติขู่จะฆ่าหากมีคนอื่นรู้เรื่องนี้ จึงมีการวางแผนให้ตนไปรับที่โรงเรียนในจ.ชุมพร แล้วลูกสาวบอกว่าจะให้คุณครูในโรงเรียนช่วย

ในช่วงเดือนกรกฎาคมตนและภรรยาใหม่ของตนเดินทางไปรับลูกสาวที่ จ.ชุมพร โดยมีการนัดและคุยกับลูกก่อนที่โรงแรมแห่งหนึ่ง มีการย้ำให้ลูกพาเพื่อนมาด้วยหลังเลิกเรียน เนื่องจากลูกสาวอาจจะมีความระแวงตน จากนั้นลูกสาวเล่าให้ฟังว่าภรรยาเก่าของตนพาลูกมาฝากเลี้ยงกับตาและยายที่ จ.ชุมพร โดยยายที่เลี้ยงเป็นน้องสาวของยายแท้ ๆ ของลูก ส่วนตาก็เป็นตาเขยที่เป็นเครือญาติเดียวกัน ยายเลี้ยงดูลูกสาวด้วยความรุนแรงหากทำผิดก็จะได้รับโทษคือการตบตี ส่วนตาก็ข่มขืนลูกสาวตนมาเป็นเวลานาน ซึ่งลูกบอกตนว่าอยากออกจากนรกที่นี่

จากนั้นตนกับคุณครูที่โรงเรียนของลูกก็พาลูกสาวไปแจ้งความผู้เป็นตาที่กระทำชำเราในท้องที่ สภ.เมืองชุมพร แล้วตนก็พาลูกสาวไปร้องขอความช่วยเหลือกับนางสาวปวีณา หงสกุล เนื่องจากลูกบอกว่าตาเป็นผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่นและมีเงินเกรงว่าจะหลุดคดี แล้วตนก็พาลูกมาอยู่ที่บ้ทนพักตนที่กรุงเทพฯ ต่อมาพอตำรวจจับกุมตาสุชาติก็ปรากฏว่าได้รับการประกันตัวออกมาถึง 2 ครั้ง ระหว่างเป็นคดีความตาชาติได้โทรศัพท์มาหาแล้วขอให้ตนถอนแจ้งความเพื่อให้เรื่องมันจบ โดยตนมีคลิปเสียงที่ได้อัดไว้ขณะพูดคุยกัน

จากในคลิปจะได้ยินเสียงตาสุชาติคนก่อเหตุที่พูดชัดเจนว่า “เรามาตกลงกันได้ไหม ว่าให้เด็กมาอยู่เหมือนเดิม” ซึ่งตนก็บอกว่า “เปลี่ยนที่เรียนแล้วครับไม่สะดวก” แต่อีกฝ่ายก็ตอบกลับมาว่า “ ถ้าเปลี่ยนที่เรียนแล้วไม่เป็นไร แต่กลัวไม่มีที่เรียนแล้วไม่สะดวกจึงถาม เพราะตอนสงสารน้องอยากให้เรียนอยากให้มีอนาคตไกล ตนยังพูดไม่ได้วัดทำหรือไม่ได้ทำหลาน โดยการที่เป็นแบบนี้ถ้าคุยกันได้ก็คุยเลยอยากให้มันบานปลาย” หลังจากที่ตนได้ยินตนก็บอกอีกฝ่ายว่า “ตอนนี้ไม่สะดวกคุย ให้ไปคุยกันที่ศาล” โดยตาสุชาติมีความพยายามโทร. มาไกล่เกลี่ยกับตนถึงสามครั้ง แต่ตนก็ยืนยันทุกครั้งว่าเรื่องนี้ไปคุยกันที่ศาล



ขณะที่วันเกิดเหตุ 6 พฤศจิกายน ตนออกจากบ้านพักเพื่อไปทำงานเวลา 06.00 น. ลูกสาวตนออกจากบ้านพักเพื่อไปโรงเรียนประมาณ 07.00 น. ขณะนั้นที่บ้านมีเพียงน้องและภรรยาใหม่ซึ่งเป็นแม่เลี้ยงของน้องอยู่กันสองคนเท่านั้น โดยน้องแต่งชุดนักเรียนในวันเกิดเหตุและยังได้แสดงพฤติกรรมแปลก ๆ คือการขอกอดแม่เลี้ยงก่อนออกจากบ้านพัก

จนกระทั่ง 10.00 น. ลูกสาวทักแชตมาหาตนพิมพ์ข้อความมาว่า “เหนื่อยอ่ะพ่อ” จากนั้นตนพยายามติดต่อลูกสาวและพิมพ์แชตไปปรากฏว่าลูกสาวไม่ตอบเลย จนกระทั่งเวลา 11.00 น. ตำรวจโทร. มาบอกให้ตอนไปรับลูกสาวที่ สน.บางคอแหลม แต่ปรากฏว่าเมื่อไปถึงที่ให้ไปรับลูกสาวคือไปรับศพลูกสาวที่เสียชีวิตแล้วจากการกระโดดน้ำ

ต่อมาทีมข่าวยังได้พูดคุยกับ น.ส.นวลพรรณ อายุ 49 ปี แม่เลี้ยงผู้เสียชีวิต เปิดเผยพร้อมน้ำตาว่า หลังจากสามีของตนได้เลิกรากับภรรยาเก่า สามีของตนก็ขึ้นมาทำงานที่กรุงเทพฯ แล้วเล่าให้ฟังว่าภรรยาเก่ากีดกันไม่ให้ติดต่อหรือพบหน้าลูก ทราบเพียงว่าหลังสามีเลิกภรรยาเก่าภรรยาเก่าได้นำตัวน้องกลับบ้านเกิดภรรยาเก่าที่ จ.นครสวรรค์ เท่านั้น



ซึ่งสามีของตนก็พยายามที่จะตามหาลูกมาตลอดเป็นระยะเวลา 12 ปี จนในที่สุดปี 2566 เจอลูกสาวเป็นครั้งแรกแล้วก็ต้องตกใจเมื่อลูกบอกข้อมูลว่า แม่แท้ ๆ ของลูกสาวไม่เคยเลี้ยงลูกเองแล้วยังมีพฤติกรรมติดเหล้า โดยเอาน้องไปฝากตาและยายที่ จ.ชุมพร เลี้ยงตั้งแต่เล็ก ๆ จนกระทั่งสามีตนเจอลูกสาวทางเฟซบุ๊ก และมีการนัดแนะกันเพื่อช่วยเหลือ

ตอนที่ไปเข้าช่วยเหลือน้องที่ จ.ชุมพร น้องเล่าให้ตนฟังว่า ถ้าไม่ได้พ่อและแม่เข้าไปช่วย น้องคงตายหรือไม่อาจฆ่าตัวตาย โดยดีใจมากที่ได้เจอพ่อและแม่เพราะตัวเองตกนรกมานาน และได้เข้ามาสวมกอดตนที่เป็นแม่เลี้ยง ตอนนั้นน้องระแวงพ่อเพราะไม่ได้เจอพ่อนาน ซึ่งตอนนั้นน้องยังกลัวผู้ชายเพราะถูกกระทำชำเราโดยตาซึ่งเป็นเครือญาติเดียวกัน จึงทำให้น้องจะพูดคุยกับตนซึ่งเป็นแม่เลี้ยงเป็นส่วนใหญ่

น้องพยายามเอาเรื่องที่ตากระทำชำเราไปบอกแม่แท้ ๆ และญาติทางแม่แต่กลับไม่มีใครเชื่อหาว่าน้องกุเรื่อง น้องขอความช่วยเหลือจากใครไม่ได้จนมีความคิดอยากฆ่าตัวตายเพราะไม่มีใครช่วยเหลือน้องแล้ว สุดท้ายน้องได้เจอพ่อแท้ ๆ ที่พลัดพรากมา 12 ปี จึงขอความช่วยเหลือซึ่งพ่อก็เชื่อคำพูดของน้องและช่วยออกมาในที่สุด ในส่วนพฤติกรรมของยายที่เลี้ยงน้องมาก็ลงโทษน้องอย่างหนักชอบกระชากผมและตบตีน้อง น้องไม่เคยมีความสุขที่อยู่ในบ้านพักหลังนั้น

ส่วนสาเหตุที่ทำให้น้องต้องจบชีวิตตัวเองเพราะเครียดสะสม เรื่องที่ถูกตาครอบครัวเราทำชำเรามาหลายปี ตนก็อยากให้กฎหมายยุติธรรมและให้คนที่ก่อเหตุกับน้องได้รับโทษ นอกจากนี้แม่เลี้ยงยังได้เปิดเผยภาพพ่อกับน้องขณะที่เคยใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันที่บ้านพ่อ จ.แพร่ ก่อนที่จะมีการเลิกรากับภรรยาเก่า โดยน้องวตอนเด็กเป็นเด็กที่น่ารักและสดใสมาก



โดยทีมข่าวช่อง 8 ยังได้ภาพหลักฐานจากกล้องวงจรปิดในบริเวณหอพักที่ทางพ่อและแม่เลี้ยงของน้องอิ๋วพักอาศัยอยู่ เป็นเหตุการณ์สุดท้ายที่น้องเดินออกจากหอพักในย่านโชคชัย 4 ก่อนที่จะพบเป็นศพเสียชีวิตจากการกระโดดลงแม่น้ำเจ้าพระยาในวันที่ 6 พฤศจิกายน

โดยกล้องวงจรปิดตัวที่หนึ่งและตัวที่สองบันทึกนาทีชื่อน้องใส่ชุดพละและสะพายเป้เดินออกมาจากห้องพักที่อยู่บริเวณชั้น 3 แล้วกำลังลงบันไดแต่ปรากฏว่าได้หยุดชะงักตรงบริเวณบันได และนั่งลงเพื่อนเล่นโทรศัพท์มือถือเป็นเหตุการณ์เกิดขึ้นช่วง 08.09 น. ของวันที่ 6 พฤศจิกายน

ต่อมาจะเห็นนาทีที่น้องเดินลงบันไดมาที่ชั้นหนึ่ง ซึ่งเจ้าตัวยังคงมีการเล่นโทรศัพท์มือถือเรื่อย ๆ โดยขณะนั้นคล้ายจะแชตคุยกับใครอยู่ ก่อนที่จะค่อย ๆ เดินไปที่ประตูรั้วแล้วเดินออกไปจากหอพัก หลังจากที่น้องออกไปประมาณ 11.00 น. วันเดียวกัน ทางตำรวจได้โทรศัพท์หาพ่อของน้องเพื่อให้มารับศพน้องที่เสียชีวิตจากการกระโดดลงแม่น้ำเจ้าพระยา



ทีมข่าวช่อง 8 ได้มีโอกาสคุยกับน้องโชกุน อายุ 16 ปี เพื่อนชายของน้อง เปิดใจกับทีมข่าวช่อง 8 ว่า ที่ผ่านมาตนพยายามที่จะยื้อน้องไม่ให้ฆ่าตัวตายมาตลอด ถ้าตนจับมือน้องไปต่อตนคิดว่าน้องจะต้องไหว ตนจะคอยให้กำลังใจเขาเอง ที่ผ่านมาน้องเคยบอกกับตนว่าอยากฆ่าตัวตายแต่น้องยังไม่กล้าเพราะว่ากลัวความตาย

ที่ผ่านมาตนพยายามที่จะเข้าใจน้องมาตลอดอย่างการที่ตนมาเล่าให้ทีมข่าวฟังทีมข่าวอาจจะเข้าใจแค่เบื้องต้นลึกลึกแล้วทีมข่าวและตนเองก็คงไม่เข้าใจในความแตกต่างของชีวิตของน้องอิ๋ว พวกเราอาจจะบอกน้องได้เสมอว่าไม่เป็นไรแต่ลึกลึกแล้วทุกคนก็ต้องเข้าใจว่ามันเป็น

ภายนอกน้องอาจจะดูสดใสร่าเริง ตนก็คิดว่าน้องอาจจะดีขึ้นแล้วเมื่อช่วงเดือนตุลาคมตนได้เดินทางไปหาน้องที่จังหวัดกรุงเทพฯ น้องก็มีท่าทีที่ปกติแต่พอตนเดินทางกลับมาที่ชุมพรทุกอย่างมันก็แย่ลง



จนถึงเมื่อวานวันสุดท้าย ตนก็พยายามที่จะยื้อให้น้องมีชีวิตต่ออย่างเต็มที่ แต่สุดท้ายก็ไม่สำเร็จ โดยน้องได้ส่งรูปอยู่ที่สะพานมาหาตนตอน 10.34 น. และบอกตนว่าอยู่สะพานวัดบุคโล พร้อมทั้งยังบอกอีกว่า “จากกันตรงนี้แหละ ดีแล้ว” ตนจึงพยายามห้ามเขาและขอร้องไม่ให้เขาทำแบบนี้ แต่น้องตอบตนกลับมาเพียงว่า “จากกันเถอะนะ” จากนั้นตนโทร. หาน้องก็ไม่รับแล้ว

โดยน้องโชกุนยังมีแชตเสียงที่ตอนตนเองคุยกับน้องขณะยังมีชีวิตอยู่ ตอนน้องมาระบายเรื่องที่เกิดขึ้นในชีวิต น้องให้ตนเองฟังอีกด้วย ตนเองก็พยายามที่จะปลอบน้อง แต่น้องก็ร้องไห้ออกมาด้วยความอัดอั้นตันใจ และรู้สึกเจ็บปวดมาก



ล่าสุดทีมข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังบ้านของนายสุชาติ (สงวนนามสกุล) ซึ่งมีศักดิ์เป็นน้าเขยของน้องผู้ตาย พบเป็นบ้าน 2 ชั้น ชั้นล่างเป็นปูน ชั้นบนเป็นไม้ โดยผู้ใหญ่บ้านได้เข้าไปเรียก มีเพียงนางปุ้ย ภรรยาของนายสุชาติ ซึ่งเป็นน้าแท้ ๆ ของน้องผู้ตาย บอกผู้ใหญ่บ้านว่านายสุชาติไม่อยู่บ้าน

จากนั้นพอนางปุ้ย ภรรยาของนายสุชาติ เห็นทีมข่าวก็รีบวิ่งเข้าบ้านและบอกว่า ‘ถ้าถ่ายขอไม่คุย’ ก่อนจะปิดประตูบ้านหนีไม่ยอมออกมา ทีมข่าวพยายามเรียกให้ออกมาคุย และถามว่าตอนนี้น้องเสียชีวิตแล้วทางครอบครัวหรือตาสุชาติจะไม่ออกมาพูดอะไรบ้างหรือไม่ แค่ก็ไร้การตอบรับกลับมา