ตำรวจไซเบอร์ ขยายผลจากแก๊งค้าข้อมูลคนไทยกว่า 2 ล้านรายชื่อให้มิจฉาชีพ จับเพิ่มได้อีก 3 ราย เป็นโบรกเกอร์บริษัทประกันภัย โปรแกรมเมอร์ และแอดมินกลุ่มเฟซบุ๊ก

วันที่ 6 พ.ย. 2566 ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.สอท.) พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. รรท.รอง ผบ.ตร.,พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท., พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รองผบช.สอท. พ.ต.อ.ภูมิพัฒน์ ภัทรศรีวงษ์ชัย รรท.ผบก.สอท.5 สนธิกำลังกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สกมช), สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (PDPC) ร่วมกันแถลงข่าวผลการกวาดล้างตามยุทธการ “DATA GUARDIANS OPERATION ปฏิบัติการล่าทรชน คนค้าข้อมูล”

พล.ต.ท. วรวัตน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เปิดเผยว่า ตำรวจกองบังคับการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 5 (สอท.5) ได้ขยายผลจากการจับของผู้ต้องหาขายข้อมูลส่วนตัวคนไทยกว่า 2 ล้านรายชื่อ ที่ถูกจับกุมได้เมื่อเดือนกรกฎาคม 2566 และผู้ต้องหาพ่อค้าคนกลางที่รับซื้อข้อมูลจากลูกค้าอาหารเสริมยี่ห้อดังกว่า 15 ล้านรายชื่อให้กับกลุ่มดาร์กเว็บ ซึ่งถูกจับกุมได้ในเดือนสิงหาคม

โดยเจ้าหน้าที่ได้จับกุมผู้ต้องหาสำคัญที่มีส่วนเกี่ยวข้องได้อีก 3 ราย ในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี กาฬสินธุ์ และอุดรธานี ประกอบด้วย นายพศิน อายุ 41 ปี โบรกเกอร์บริษัทประกันภัย ที่นำข้อมูลลูกค้าประกันไปขายให้มิจฉาชีพ ซึ่งอยู่ระหว่างตรวจสอบว่าถูกนำไปจำหน่ายจำนวนกี่รายชื่อ และจะขยายผลไปยังผู้รับซื้อต่อไป

นายณัฐพงศ์ อายุ 28 ปี โปรแกรมเมอร์ผู้เขียนโปรแกรม API Bypass face scan เพื่อใช้ปลดล็อกการสแกนใบหน้าในแอปพลิเคชั่นธนาคาร เพื่อให้โอนเงินจำนวนมากกว่า 50,000 บาทตามข้อกำหนดของธนาคาร ให้กลุ่มบัญชีม้า และกลุ่มพนันออนไลน์ใช้โอนเงินจำนวนครั้งละมากๆ ได้อย่างรวดเร็วได้โดยไม่ต้องสแกนใบหน้า แต่ขณะนี้โปรแกรมดังกล่าวยัง ใช้ได้กับโทรศัพท์ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์เฉพาะบางรุ่นเท่านั้น

และนายยอดชาย อายุ 24 ปี เป็นแอดมินกลุ่ม Facebook นำข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้จากฐานข้อมูลเว็บพนันออนไลน์ไปจำหน่ายกว่า 15 ล้านรายชื่อ ซึ่งเป็นข้อมูลเบื้องต้น เช่น ชื่อ เบอร์โทรศัพท์ อีกทั้งในกลุ่ม Facebook ดังกล่าว ยังมีการซื้อขายแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน และซื้อขายข้อมูลกันระหว่างกลุ่มดาร์กเว็บเพื่อทำกำไร

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่แจ้งข้อกล่าวหาความผิดตามพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ ในฐานความผิดเกี่ยวกับ การนำข้อมูลส่วนบุคคลไปเปิดเผยแก่ผู้อื่น, การเข้าถึงข้อมูลที่มีมาตรการป้องกันโดยเฉพาะโดยมิชอบ, ทำให้เสียหายเปลี่ยนแปลงข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยมิชอบ และจัดให้มีการเล่นโฆษณาหรือชักชวนให้ผู้อื่นเข้าเล่นการพนันโดยไม่ได้รับอนุญาต แล้วเจ้าหน้าที่จะสืบสวนขยายผลไปยังผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเพิ่มเติมต่อไป