จากกรณีเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.รัตนาธิเบศร์ ได้รับแจ้งเหตุพบศพชายลอยน้ำเจ้าพระยา บริเวณใต้สะพานพระนั่งเกล้า อ.เมือง จ.นนทบุรี จึงได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วยแพทย์จากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์และเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู ในที่เกิดเหตุพบศพชายนอนคว่ำหน้า คาดเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 1 วัน โดยสภาพสวมเสื้อยืดแขนสั้นสีเทา ใส่กางเกงกีฬาขาสั้นสีดำ บริเวณแผ่นหลังพบรอยสักเป็นรูปท้าวเวสสุวรรณ จากการตรวจสอบไม่พบบาดแผลใด ๆ ทราบชื่อผู้เสียชีวิตต่อมา คือ นายวีรชัย (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 50 ปี
โดยบัว (นามสมมติ) อายุ 49 ปี ซึ่งเป็นน้องสาวของนายวีรชัย (ผู้ตาย) เผยว่า เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ช่วงเวลาประมาณ 05.00 น. พี่ชายบอกแม่ว่าจะไปวิ่งที่ศาลากลางและจะไปทำงานเลย ช่วงประมาณ 10.00 น. เจ้าหนี้โทรเข้ามาทางเบอร์แม่ว่าให้พี่ชายไปชำระหนี้



จนมาถึงช่วง 14.00 น. เพื่อนที่ทำงานของพี่ชายมาหาที่บ้าน นิสัยส่วนตัวพี่ชายเป็นคนไม่เกเรเรื่องงาน แต่นัดลูกค้าไว้ช่วง 13.00 น. ทางเจ้านายเป็นห่วง กลัวว่าพี่ชายเป็นอะไรหรือเปล่า แม่จึงรู้ว่าพี่ชายไม่ได้ไปทำงาน และติดต่อไม่ได้ แม่โทรหาตน ตนจึงช่วยติดต่ออีกครั้ง แต่ติดต่อไม่ได้เช่นกัน ปิดเครื่อง ไลน์ก็โทรไม่ติด หลังจากนั้นเพื่อนที่ทำงานจึงตามจาก GPS ว่ารถพี่ชายอยู่ที่ไหน ขึ้นว่าอยู่ริมน้ำแถวกระทรวงพาณิชย์ ตอนนั้นตนทำงานอยู่แถวรามอินทรา มาถึงตอนประมาณ 20.30 น. ที่แฟลตทหาร โยธาธิการทหารบก เป็นสถานที่ที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก

ก่อนหน้านั้นขอให้เพื่อนที่เป็นทหารช่วยส่งรูปรถมาให้ดูว่าใช่รถพี่ชายหรือไม่ เพราะคิดว่าพี่ชายน่าจะจอดรถที่นี่ รถโตโยต้า วีออส ปรากฏว่ากุญแจรถ เอกสารทุกอย่างอยู่ครบ ส่วนโทรศัพท์มือถือมีการเปิดเครื่องแล้ว ตนจึงโทรหาอีกครั้งพบว่าโดนปิดเสียงไว้แต่เปิดระบบสั่นไว้ คาดว่าพี่ชายน่าจะเครียดจากการโดนทวงหนี้ และคงหาทางออกไม่เจอ เพราะพี่ชายไม่เคยคุยกับที่บ้าน ส่วนตนเพิ่งมาทราบว่าพี่ชายเป็นหนี้สินเยอะ ตนได้โทรหาน้องในที่ทำงานของพี่ชาย แจ้งว่าปกติพี่ชายไปไหนจะบอกล่วงหน้า ฝ่ายที่ทำงานเองก็พยายามช่วยกันตามหาจนรู้ว่ารถยังอยู่ที่นี่ ตนจึงรวบรวมหลักฐานทุกอย่างของพี่ชาย



ก่อนหน้านั้นได้โทรเข้าไปที่ 1300 เพื่อแจ้งคนหายแต่ทางหน่วยงานให้โทรเข้า 191 เพื่อแจ้งความ ทางร้อยเวรสภ.รัตนาธิเบศร์เป็นคนพบศพพี่ชาย โทรเข้ามาแจ้งว่าเจอศพผู้ชายลอยน้ำ ใช่พี่ชายของตนหรือไม่ พอมาถึงตนจึงให้เจ้าหน้าที่เปิดหลังดู เพราะพี่ชายสักยันต์ไว้ เพราะตนจำพี่ชายได้แม่น และพี่ชายมีโรคประจำตัวเยอะ ทั้งความดัน เบาหวาน เจ้าหนี้ยังตามทวงหนี้อยู่ ตนคอยรับสายตลอด สรุปแล้วพี่ชายน่าจะเครียดหลายเรื่องและหาทางออกไม่เจอ คาดว่าเป็นการตัดสินใจของพี่ชายเองโดยที่ไม่ได้บอกใครเลย ตนได้มีการจุดธูป รวมถึงศาลพระภูมิ ซักพักเจ้าหน้าจึงโทรเข้ามาแจ้งเหตุดังกล่าว

เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบที่เกิดเหตุและได้นำร่างผู้เสียชีวิตมอบให้มูลนิธิร่วมกตัญญูนำส่งสถาบันนิติวิทยาศาสตร์เพื่อชันสูตรต่อไป

ต่อมาทีมข่าวช่อง 8 ได้พูดคุยกับบัว (นามสมมติ) อายุ 49 ปี ซึ่งเป็นน้องสาวของนายวีรชัย (ผู้ตาย) โดยเบื้องต้นบัวยังอยู่ในอาการช็อก จึงได้ให้ข้อมูลเพียงสั้น ๆ ว่า ตอนนี้เวลา 19.30 น. ตนได้เดินทางมาที่วัดชมภูเวก ต.ท่าทราย อ.เมือง จ.นนทบุรี เพื่อมาติดต่อในการจองศาลาสำหรับงานพิธีบำเพ็ญกุศลศพของพี่ชาย นอกจากนี้ก็ได้มีการติดต่อเชิญพระสงฆ์ไปทำพิธีเปิดรถยนต์ของพี่ชาย เนื่องจากรถยนต์ของพี่ชายได้จอดอยู่ที่บริเวณแฟลตทหารโยธาธิการทหารบก เพราะเกิดเรื่องแปลก ๆ ขึ้น โดยนางแอฟนั้นมีกุญแจรถยนต์ของพี่ชายอยู่ในมือ แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่สามารถเปิดรถของพี่ชายได้



ส่วนสาเหตุการตายของพี่ชายนั้น ตนไม่ได้ติดใจอะไร และคิดว่าอาจเป็นเรื่องของความเครียดสะสมที่พี่ชายได้มีหนี้สินนอกระบบมากมาย คาดว่าพี่ชายคงหาทางออกไม่เจอและมืดทั้งแปดด้าน จึงได้ตัดสินใจหนีปัญหาด้วยการจบชีวิตตัวเอง ที่ผ่านมานายวีรชัยไม่เคยบอกหรือเล่าเรื่องทุกข์ใจให้กับคนในครอบครัวฟังเลย นายวีรชัยมักจะเฮฮาสนุกสนานเมื่ออยู่ที่บ้าน และไม่มีท่าทีที่แสดงให้เห็นความผิดปกติเลย

โดยตั้งแต่ที่พี่ชายหายออกจากบ้านไป ตนก็ได้ไปแจ้งความคนหายที่โรงพัก จนมาวันนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้โทรศัพท์มาหาตนว่าพบศพชายลอยน้ำ เมื่อตนไปถึงก็จำได้ในทันทีว่าคือพี่ชายของตน ตอนนี้ตนอยากให้พี่ชายไปสบายอย่างหมดห่วง จึงไม่อยากขุดคุ้ยถึงประเด็นอื่น ๆ และไม่ขอติดใจในทุกกรณี

ต่อมาทีมข่าวได้พูดคุยกับ นางเจน (นามสมมติ) อายุ 37 ปี ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านของนายวีรชัยเล่าว่า ปกติแล้วนายวีรชัย (ผู้ตาย) เป็นคนอัธยาศัยดี เจอหน้ากันทีไรก็พูดคุยทักทายกันตลอด โดยล่าสุดที่ตนเจอกับนายวีรชัย คือวันจันทร์ที่ผ่านมา เป็นเวลาประมาณ 2-3 ทุ่ม นายวีรชัยได้ขับรถยนต์มาจอดที่บริเวณหน้าบ้านตน ซึ่งตอนนั้นตนก็รู้สึกผิดสังเกต เนื่องจากนายวีรชัยนั้นนั่งแช่อยู่ภายในรถเกือบ 30 นาที ซึ่งหลังจากที่นายวีรชัยลงมาจากรถ เขาก็ยังทักทายพูดคุยปกติ แต่สีหน้าเขาดูไม่ค่อยสดใส และดูผอมลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ตอนนั้นคิดว่า นายวีรชัยคงออกกำลังกายเยอะ เพราะเขามักจะออกไปวิ่งในทุก ๆ เช้า ซึ่งเมื่อวานนี้นายวีรชัยก็ได้ออกไปวิ่งเหมือนทุกที แต่เขาไม่กลับมา จนเพื่อน ๆ ที่ทำงานเขามาตามถึงที่บ้าน กระทั่งมาทราบเรื่องในช่วงสายวันนี้ว่านายวีรชัยเสียชีวิต ตนก็รู้สึกตกใจ ไม่คิดว่าคนที่ภายนอกดูอารมณ์ดีร่าเริง จะตัดสินใจจบชีวิตตัวเองเช่นนี้



แฉเจ้าหนี้จอมเขี้ยวทวงเงินศพ เหยื่อฆ่าตัวตาย

จากนั้น นางน้อย (นามสมมติ) อายุ 62 ปี เผยว่า ตนนั้นรู้จักและสนิทสนมกับครอบครัวของนายวีรชัยมานานแล้ว ซึ่งปกตินายวีรชัยเป็นคนร่าเริง นิสัยดี วันนี้ที่มาทราบเรื่อง บอกตรง ๆ ว่าตนแทบจะไม่เชื่อว่านายวีรชัยจะคิดสั้นแบบนี้ และตนก็รู้สึกเสียใจ เพราะพ่อแม่ของนายวีรชัยก็อายุย่าง 80 แล้ว หลังทราบเรื่องสองตายายก็แทบช็อก ตนก็ทำได้แค่คอยปลอบใจ

ส่งนเรื่องปัญหาหนี้สินของนายวีรชัย ก่อนหน้านี้ก็ไม่มีใครเคยทราบมาก่อนว่านายวีรชัยมีหนี้นอกระบบ กระทั่งวันนี้ได้มีเจ้าหนี้ 2 ราย โทรศัพท์มาที่บ้านของนายวีรชัยเพื่อทวงหนี้ โดยแม่ของนายวีรชัยเป็นคนรับสาย และได้เล่าให้ฟังว่า เจ้าหนี้โทรมาถามหานายวีรชัย และถามว่านายวีรชัยหายไปไหน ทำไมติดต่อไม่ได้ พร้อมกับบอกให้ทางครอบครัวจ่ายเงินแทนนายวีรชัย แต่ทางครอบครัวก็ได้ตอบกลับไปว่า "จะจ่ายได้ยังไง คนที่คุณมาทวงหนี้เขาตายไปแล้ว" เจ้าหนี้ก็บอกว่าไม่เชื่อ เพราะนายวีรชัยเป็นคนนัดว่าจะจ่ายเงินให้ในช่วงเที่ยงวันนี้ พร้อมกับบอกให้แม่ของนายวีรชัยส่งหลักฐานยืนยันการตายมาให้ทางไลน์ และพูดว่า "ถ้าตายจริงก็ไม่เป็นไร แต่ถ้ายังไม่ตาย เดี๋ยวได้ตายสมใจแน่" ซึ่งทางครอบครัวก็ไม่ได้ส่งหลักฐานอะไรไปให้เจ้าหนี้ และพยายามไม่รับสายโทรศัพท์อีกเลย เพราะไม่รู้ว่าใครเป็นใครที่พยายามโทรเข้ามา

ส่วนสาเหตุการตาย เท่าที่นางน้อยได้พูดคุยกับทางครอบครัวนายวีรชัย ก็เห็นว่าเขาติดใจในการตาย คิดว่านายวีรชัยอาจถูกฆาตกรรม แต่คิดว่าทางครอบครัวคงไม่ต่อเรื่องต่อราวให้มากความ คงปล่อยให้นายวีรชัยไปสบาย เพราะหากไปติดใจอะไร ก็คงกังวลในเรื่องความปลอดภัยของครอบครัว

หนุ่มเครียดโดดน้ำดับหนีเจ้าหนี้ ญาติช็อกโทรตามทวงไม่เชื่อตายขอภาพศพพิสูจน์