"ชูวิทย์" ลั่นไม่ใช่ฮีโร่ แต่เป็นมหาโจรปราบโจร รณรงค์ต่อต้านกัญชา-คอร์รัปชั่น พร้อมแฉกลับ "ทนายตั้ม" ทำตัวเป็นทนายเซเลป ที่ออกมาเคลื่อนไหวเหตุจะร่วมธุรกิจพนันออนไลน์กับนายซัว ยันไม่ได้ฟอกเงิน

วันที่ 24 มี.ค.66 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ลงพื้นที่ซอยพหลโยธิน 18/2 ซอยเฉยพ่วง โดยมีการเดินแจกแผ่นสติ๊กเกอร์และเข็มกลัดต่อต้านกัญชาเสรี พร้อมแจกเสื้อให้กับประชาชน รวมถึงมีการขึ้นรถหาเสียง โดยมีประชาชนมาโบกมือ และมอบดอกไม้ให้กำลังใจ พร้อมขอถ่ายรูปด้วยตลอดทาง

หลังจากนั้นนายชูวิทย์ได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าว โดยระบุว่า เมื่อวานนี้ (23 มี.ค.66) มีผู้ใหญ่ที่ตนเองเคารพในวงการเมืองได้โทรหาตนเองบอกให้ตนเองหยุดพูดและหาทางลง แต่ตนเองยืนยันที่จะต่อสู้จนกว่าร่างกายจะไม่ไหว โดยในกระบวนการนี้มี 2 เรื่องที่ตนเองจะต้องทำ เพราะหากตนเองไม่ทำก็ไม่มีใครทำ

เรื่องแรกคือตนเองจำเป็นจะต้องเดินหน้าต่อต้านกัญชาเสรี สาเหตุเพราะใกล้ชิดกับเยาวชนเกินไป กัญชาไม่ได้เป็นเสรี และไม่มีประโยชน์ ซึ่งมีพรรคการเมืองขู่จะฟ้องตนเองให้ฟ้องได้เลย เพราะตนเองก็จะเปิดกฎหมายต่อสู้ตามกระบวนการ ซึ่งทนายความของตนเองบอกว่าหากมีเรื่องต่อสู้ไปถึงกระบวนการยุติธรรม ตนเองก็ยินดีขึ้นศาล ต่อสู้ และจะต่อสู้โดยวิถีประชาธิปไตย

ขณะเดียวกันนายชูวิทย์ยังพูดถึงนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม หลังจากที่ทนายตั้มออกมาโพสต์แฉตนเอง โดยนายชูวิทย์ฝากถามถึงทนายตั้มว่าหากทนายตั้มรู้ว่ามีคนเอาเงินมาให้ตนเองนานแล้วอย่างที่ทนายตั้มบอก ทำไมทนายตั้มถึงเพิ่งออกมาพูดตอนนี้ โดยมองว่า การกระบวนของทนายตั้มที่ทำอยู่ตอนนี้ย้อนแย้งกับการที่เคยบอกว่าจะทำงานในฐานะของทนายประชาชนแต่สิ่งที่ทำอยู่คือเป็นทนายเซเลป และยังแฉเพิ่มด้วยว่า การที่ทนายตั้มออกมาเคลื่อนไหวในลักษณะดังนี้ เนื่องจากจะมีการทำธุรกิจพนันออนไลน์ร่วมกับนายซัว ส่วนหากอยากทราบรายละเอียดให้ไปถามกับลูกน้องของพลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

ส่วนเงินที่ตนเองบริจาคให้กับ 2 โรงพยาบาล รวม 6 ล้านบาท นั้น ยืนยันว่าตนเองได้รับเงินมาแค่นั้น และก็นำไปให้โรงพยาบาล ส่วนหากโรงพยาบาลไม่รับ ตนเองก็จะนำไปให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และหากตำรวจถามว่าใครเป็นคนเอาเงินมาให้ ตนเองก็จะบอกชื่อ 2 คนที่นำมาให้ตนเอง และให้ตำรวจไปสอบสวนต่อเองว่าเงินมาจากไหน

ทั้งนี้ยืนยันว่าตนได้มีการตั้งทีมทนาย คือ นายอนันตชัย ไชยเดช หากใครฟ้องมาตนก็พร้อมที่จะฟ้องกลับ และยืนยันว่าจะรณรงค์ทำลายเสียงต้านกัญชาเสรีทั่วประเทศ ส่วนการจะตอบโต้ในสิ่งที่ทนายตั้มโพสต์หรือไม่นั้น ในเรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องมีการตอบโต้ ไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด หากมีหลักฐานว่าตนกระทำความผิด ก็สามารถไปแจ้งตำรวจ หรือฟ้องศาล และถึงวันนั้นตนเองจึงจะตอบ เนื่องจากไม่อยากตกเป็นเครื่องมือให้เขาใช้หาแสง และจะไม่เล่นเกมตำรวจจับโจร อย่างไรก็ตาม ตนเองได้ออกมาเคลื่อนไหวคนเดียว ไม่เกรงกลัวอะไร พร้อมที่จะพลีชีพ 

ส่วนที่ทนายตั้มบอกว่า นายชูวิทย์ รับเงินเป็นเงินสดแต่เหตุใดจึงบริจาคให้โรงพยาบาลเป็นเช็ค นายชูวิทย์ชี้แจงว่า เนื่องจากโรงพยาบาลไม่สามารถรับเป็นเงินสดเพราะอาจจะติดในเรื่องการตรวจเช็คจำนวนได้ ดังนั้นเมื่อได้เงินมาตนเองจึงนำเงินไปที่ธนาคารและเปลี่ยนเป็นแคลเชียร์เช็ค จากนั้นก็นำไปบริจาคที่โรงพยาบาล

นอกจากนี้ยังบอกอีกว่า ตนเองคือโจร อย่าเรียกตนเองว่าฮีโร่ แต่ตนเองเป็นโจรที่ไม่ได้เอาประโยชน์จากสังคม ตนเองเป็นสีเทาและไม่เคยเปลี่ยนความเทา ข้อมูลต่าง ๆ ที่ตนเองได้ก็ได้มาจากสีเทา ตำรวจสีเทา อัยการสีเทา และคนเทา ๆ เพราะตนเองเชื่อว่าในประเทศไทยคนสีขาวไม่อยากยุ่งกับใคร ต้องใช้คนที่เป็นโจรแบบตนเองเพื่อปราบโจร ดังนั้นอย่าเรียกตนเองว่าฮีโร่ เพราะสังคมนี้ฮีโร่ได้ตายไปนานแล้ว ตนเองไม่ได้อยากเป็นฮีโร่ แต่ตนเองอยากเป็นมหาโจร

ส่วนจะมีการตรวจสอบเส้นทางการเงิน เพราะสงสัยว่าตนฟอกเงินหรือไม่นั้น ยืนยันว่าตนไม่ได้ฟอกเงิน หากฟอกเงินจะต้องเอาเงินไปลงทุน ไปซื้อที่ดิน หรือเอาไปหมุนเวียน แต่ตนเอาไปบริจาคให้โรงพยาบาล

ทั้งนี้นายชูวิทย์ยังได้โทรศัพท์ติดต่อไปยังทนายอนันต์ชัย ซึ่งได้มีการให้สัมภาษณ์ว่า หากลูกความต้องการให้ดำเนินการ ตนในฐานะทนายความก็จะดำเนินการให้ ในส่วนของการฟอกเงิน ตามความคิดของตนเองยังไม่เข้าข่าย เนื่องจากนายชูวิทย์ยังไม่รู้ว่าเป็นเงินผิดหรือเงินถูกกฎหมาย แต่การที่ทนายออกมาบอกว่าเข้าข่ายความผิดฟอกเงินสำเร็จแล้วนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำ และหากเป็นตนเองจะต้องคิดในหลายขั้นตอนหลายกระบวนการ และจะไม่ทำในลักษณะนี้อย่างเด็ดขาด เพราะผิดมารยาทและจรรยาของทนายความ นอกจากนี้การที่นายชูวิทย์ออกมาก็เพื่อประโยชน์ของสังคม แต่ไปกระทบกับหลายคน และการที่ไม่ได้นำเงินมาเก็บไว้แต่นำไปบริจาคจะเข้าข่ายความผิดฐานฟอกเงินได้อย่างไร

ส่วนเรื่องที่ดินที่นายศรีสุวรรณ จรรยา ไปร้องกับทางนานชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. ยืนยันว่า ที่ดินส่วนตนมีการเสียภาษีมาตลอด ดังนั้นตนเองเป็นเจ้าของใช่หรือไม่ และหากไปตรวจสอบดูที่กรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย ก็จะพบว่าฉโนดก็ยังเป็นของตนเองอยู่ อย่างไรก็ตาม อยากขอให้ไปศึกษาคำพิพากษาที่เกิดขึ้น หากตนเองทำแล้วสามารถลดโทษได้จริง ต่อไปคนรวยหากทำผิดก็จะวามารถทำได้ใช่หรือไม่ ทั้งนี้ตลอด 12 ปี ที่ผ่านมา ตนเองไม่เคยเข้าไปยุ่งกับที่ดินดังกล่าว

นอกจากนี้ยังเปิดเผยอีกว่า อาทิตย์หน้าจะมีการจับ 120 คน จะเป็นข่าวใหญ่ ให้รอติดตาม