เห็นหัวเด็กแล้ว! เด็ก 1 ขวบตกท่อส่งน้ำบ่อน้ำบาดาลลึกกว่า 10 เมตร แต่ยังไม่สามารถนำตัวขึ้นมาได้ ติดแน่นอยู่กับโขดหิน ทีมกู้ภัยเร่งช่วยเหลืออย่างระมัดระวัง ป้องกันดินสไลด์ คาดเกินเที่ยงนี้จะช่วยเด็กออกมาได้

วันที่ 7 ก.พ.66 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณี เด็กหญิงวัยอายุ 1 ปี 7 เดือนชาวเมียนมา พลัดตกลงไปในท่อส่งน้ำบ่อบาดาล ติดค้างอยู่ภายในหลุมที่มีความลึก 15 เมตรโดยเหตุเกิดผ่านไปเกือบ 20 ชม. แล้ว โดยเหตุเกิดกลางไร่มันสำปะหลัง เขตอำเภอพบพระ จังหวัดตาก

นายสมชัย กิจเจริญรุ่งโรจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก ได้กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าว ตนเองได้รับรายงานจาก นายสัญญา เพชรเศษ นายอำเภอพบพระ ตั้งแต่เมื่อช่วงเย็นวันที่ 6 ก.พ.66 ที่ผ่านมา โดยมอบหมายให้นายอำเภอเป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ พร้อมระดมหน่วยงานจากทุกภาคส่วนเข้าทำการช่วยเหลือในทันที ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมาจนถึงเช้านี้ชุดช่วยเหลือได้ขุดดิน อย่างช้า ๆ เพื่อป้องกันอันตรายจากดินยุบตัว ใกล้ถึงตัวเด็กแล้ว มีเสียงร้องไห้ดัง ทั้งนี้ถือเป็นอุทาหรณ์สำหรับผู้ปกครองและผู้ประกอบการขุดบ่อบาดาล จะต้องมีคำสั่งเพื่อป้องกันเหตุซ้ำรอยต่อไป

ล่าสุดตลอดทั้งคืนผ่านมาถึงช่วงเช้าที่ผ่านมาทีมกู้ภัยจำนวนมากต่างเร่งรีบทำงานแข่งกับเวลาซึ่งทุกวินาทีมีคุณค่าต่อเด็กหญิงรายนี้เป็นอย่างมาก ซึ่งช่วงเช้ามืดเจ้าหน้าที่ใช้รถแบ็กโฮ 3 คันขุดเปิดหน้าดินลึกลงไป 13 เมตร จากนั้นใช้กำลังพลขุดต่อไปด้วยความระมัดระวัง ซึ่งข่าวดีพบว่าระหว่างที่เจ้าหน้าที่เร่งขุดดินซึ่งเหลือความลึกเพียง 1 เมตรก็จะถึงตัวเด็กที่ติดอยู่ในหลุมเด็กมีการตอบสนองโดยมีการส่งเสียงร้องไห้ดังออกมาเป็นระยะ ซึ่งเสียงร้องไห้นี้ก็ส่งผลทำให้นางอะเท อายุ 20 ปี สัญชาติเมียนมาซึ่งเป็นมารดาเด็กเกิดอาการวิตกและสีหน้าและแววตามีน้ำตาคลอเบ้าตาอยู่ตลอดเวลาเพื่อนบ้านและทีมพยาบาลสนามต้องเข้าไปดูแลปรับสภาพจิตใจพร้อมพูดให้กำลังคุณแม่ให้เข้มแข็ง

ซึ่งรายงานล่าสุดขณะนี้ทีมกู้ภัยซึ่งทุกนายทุ่มเทกำลังกายและกำลังใจช่วยกันเร่งขุดดินอย่างต่อเนื่องแต่ประสบปัญหาจุดเกิดเหตุมีหินเป็นจำนวนมากจึงทำให้การขุดเกิดการล่าช้าและต้องทำด้วยความระมัดระวังเพื่อป้องกันดินสไลด์เพิ่มและคาดว่าภายในไม่เกินเที่ยงนี้อาจจะมีข่าวดีเนื่องจากทีมกู้ภัยสามารถส่องกล้องมองเห็นตัวเด็กหญิงได้อย่างชัดเจนและเด็กยังคงหายใจได้เองโดยมีการเสริมสายส่งอากาศออกซิเจนลงจากปากหลุมลงไปถึงจุดที่เด็กหญิงติดค้างซึ่งปฏิบัติการยังคงแข่งกับเวลาท่ามกลางสภาพอากาศที่หนาวเย็นเนื่องจากจุดเกิดเหตุเป็นหุบเขาติดแนวชายแดนไทย-เมียนมา