แม่ร้องพาลูก 1 ขวบเศษ เข้าเนอร์สเซอรี่วันแรก ครูพี่เลี้ยงปล่อยนอนลำพัง หน้าคว่ำ ผ้าปิดจมูกไม่หายใจตัวเขียว อาการโคม่า หมอบอกเปอร์เซ็นรอดไม่มี คาใจวงจรปิดพังเปิดดูไม่ได้ เผยลูกคนนี้รอมา 2 ปี ทำใจไม่ได้

วันที่ 20 ม.ค.66 สืบเนื่องจากกรณี แม่โวยหลังจากนำลูกชายวัย 1 ขวบเศษ ไปฝากเลี้ยงวันแรก เนอร์สเซอรี่โทรมาแจ้งว่าออกไปกินข้าว กลับมาเจอลูกตัวเขียวนอนคว่ำหน้าเอาผ้าปิดจมูกไม่หายใจ หมอบอกโคม่าเปอร์เซ็นรอดไม่มี แม่เผยช็อกแทบไม่มีสติ เนอสเซอรี่ละเลยปล่อยเด็กนอนลำพังไม่ดูแล คาใจวงจรปิดพังเปิดดูไม่ได้

ความคืบหน้าล่าสุด ทางด้านคุณสมเกียรติ นูมหันต์ ผู้สื่อข่าวช่อง 8 ได้ไปพูดคุยกับแม่ของน้องกุนที่วันนี้มาให้ปากคำกับตำรวจ สน.หนองจอก คุณแม่เล่าว่า ตนเองกับสามีได้ปรึกษากันว่าจะพาลูกเข้าเนอร์สเซอรี่ จึงได้เข้าไปดูเนอร์สเซอรี่แห่งนี้เพราะอยู่ใกล้บ้านและเห็นว่ามีกล้องวงจรปิด จึงลองให้ลูกทดลองเอาลูกไปฝากเลี้ยงเมื่อเดือนธันวาคมเพื่อดูว่าลูกคุ้นชินกับสถานที่ จนครูพี่เลี้ยงแอนก็ได้โทรศัพท์มาสอบถามว่าจะเอาน้องไปฝากเมื่อไหร่ ตนเองจึงยังปฎิเสธไปก่อน จนวันที่ 18 ม.ค.66 ที่ผ่านมา ได้เอาน้องไปฝากจนช่วงสาย ครูพี่เลี้ยงอีกคนก็ได้ส่งคลิปมา เห็นน้องกำลังกินนมอยู่ซึ่งไม่คิดว่าเป็นคลิปสุดท้ายที่ได้เห็นลูกชาย จนเวลาประมาณเที่ยงกว่า ๆ ได้ทักไลน์หาครูพี่เลี้ยงที่ชื่อหนิงไป ก็ไม่มีการตอบรับ จนช่วงบ่ายครูพี่เลี้ยงแอนโทรมาบอกว่าน้องไม่ได้หายใจ ให้แม่เอาสูจิบัตรของน้องมาให้ที่โรงพยาบาล ยอมรับว่าตกใจ จนไม่สามารถทำอะไรได้ จนมีเพื่อนที่ทำงานต้องมาส่งที่โรงพยาบาล ซึ่งมาถึงที่โรงพยาบาลก็เข้าไปพูดกับน้องตามในคลิปว่า "แม่ขอโทษไม่คิดว่าจะไปส่งหนูจะเป็นแบบนี้ และบอกว่าให้หนูสู้เท่าที่ร่างกายหนูไหว" ซึ่งตอนนี้ทำใจไม่ได้ที่จะสูญเสียลูกไปเพราะกว่าจะได้ลูกคนนี้มาตนเองพยายามมา 2 ปี เพราะมีภาวะมีลูกยาก และตอนนี้น้องกำลังน่ารัก แต่พยายามทำใจยอมรับว่าเปอร์เซนต์รอดนั้นไม่มีตั้งแต่วันแรกที่ถูกนำส่งโรงพยาบาล

ทั้งนี้ ส่วนตัวข้องใจเรื่องกล้องวงจรปิด เนื่องจากที่ตัดสินใจฝากลูกที่นี่เพราะมีกล้องวงจรปิด แต่พอเกิดเรื่อง กลับอ้างสารพัด กล้องไม่ได้เสียบปลั๊ก กล้องไม่ได้บันทึกเพราะไม่มีเมมโมรี่การ์ด และก็บอกว่าโกหกพ่อแม่ว่ามีกล้อง แต่ส่วนตัวเชื่อว่ากล้องมีเมมโมรี่ จึงอยากให้ตำรวจตรวจค้นหาเมมโมรี่กล้องวงจรปิด

ด้านพันตำรวจเอกประเสริฐ สอนแจ่ม ผู้กำกับการ สน.หนองจอก บอกว่า จากการสอบปากคำครูพี่เลี้ยงแอนเจ้าของเนอร์สซารี่ บอกว่า วันเกิดเหตุครูพี่เลี้ยงอีกคนไปกินข้าว และเด็กคนอื่นนอนหลับกันหมดยกเว้นน้องกุน จึงเข้าไปอุ้มจากทางด้านหลัง แล้วนำไปนอนที่เบาะในลักษณะนอนคว่ำแต่น้องยังกอดผ้าปิดช่วงใบหน้าจนถึงหน้า แต่คำให้การบอกน้องตะแคงหน้าและครูพี่เลี้ยงก็พยายามตบหลังให้น้องนอน พอเห็นน้องเงียบคิดว่าน้องหลับจึงไปกินข้าวกลับมาอีกครั้ง จนเวลาประมาณเกือบบ่าย 2 ได้เข้ามาเพื่อปลุกเด็กทุกคนให้ตื่น ยกเว้นน้องกุนจึงเปิดผ้าดูก็พบว่าน้องกุนปากเขียวจึงติดต่อนำน้องส่งโรงพยาบาล เบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อกล่าวหาประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส

ขณะที่คณะแพทย์โรงพยาบาลนพรัตน์ราชธานี นำนายแพทย์เกรียงไกร นามไธสง ผู้อำนวยการโรงพยาบาล และทีมกุมารแพทย์ เจ้าของไข้อาการล่าสุด อาการของน้องกุนอยู่ได้ด้วยเครื่องช่วยหายใจและยากระตุ้นความดัน ระบบไหลเวียนภายในล้มเหลว และอวัยวะตับ ปอดไต ทำงานแย่ลงเรื่อย ๆ ซึ่งจากการตรวจร่างกายไม่พบร่องรอยบาดแผลแต่มีเพียงอาการสมองบวมแต่ไม่มีเลือดออกซึ่งได้วินิจฉัยว่าน่าจะมีภาวะร่างกายขาดออกซิเจนเป็นเวลานาน 4-5 นาที แต่ในทางการแพทย์น้องอายุ 1 ปี 11 เดือน หากได้รับการช่วยเหลือและซีพีอาร์เร็วสมองจะตอบสนองดีกว่าผู้ใหญ่แต่กรณีนี้น่าจะขาดอากาศหายใจเป็นเวลานาน

นอกจากนี้แพทย์หญิงธนาภา แสงอังคนาวิน กุมารแพทย์ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าเด็กอายุเกือบ 2 ขวบเวลานอนหลับ จะมีการพลิกตัวหรือขยับร่างกายอยู่ตลอด แตกต่างจากทารก ซึ่งแน่นอนหากมีผ้ามาปิดหน้าหรือคลุมใบหน้าจนทำให้หายใจไม่ออก เด็กก็จะขยับเขยื้อนร่างกายหรือดึงผ้าออกได้ ซึ่งกรณีของน้องกุนทีมแพทย์จะช่วยเหลืออย่างเต็มที่สุดความสามารถ

ส่วนความเคลื่อนไหวของครูพี่เลี้ยงแอนล่าสุดวันนี้ก็ได้ปิดเนอร์สเซอรี่และขับรถออกไปตั้งแต่ช่วงสายและไม่รับโทรศัพท์แต่อย่างใด