ร้อง ปคบ.ตามจับแชร์ "บ้านฝ้ายออมทอง" ชักชวนลงทุนซื้อ-ขายทองคำ เสียหายกว่า 100 ล้านบาท

เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 1 ธ.ค. ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ถนนพหลโยธิน จตุจักร กทม.

 

กลุ่มตัวแทนผู้เสียหายจากจังหวัดชลบุรีและใกล้เคียงจำนวน 10 คน เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ปริญญา ปาละ รอง ผกก.(สอบสวน) กก.1 บก.ปคบ.แจ้งความกรณีถูกหลอกให้ร่วมลงทุนการซื้อขายทองคำ ทั้งทองแท่งและรูปพรรณ กับ น.ส.ฝ้าย (นามสมมติ) ที่ชักชวนผู้สนใจผ่านเฟซบุ๊กบัญชี “บ้านฝ้ายออมทอง” และ “Supatsara Faii”

 

โดยอ้างว่าเป็นตัวแทน VVIP ของร้านฮั่วเซ่งเฮง ได้ทองมาในราคาบาทละ 25,500 บาท แต่จะต้องรอสินค้า ซึ่งถูกกว่าราคาหน้าร้านที่มีส่วนต่าง 4 พันกว่าบาท ใครซื้อแล้วจะรับทองไปเลยหรือฝากไว้ก็ได้

 

น.ส.ฝ้าย ซึ่งรู้จักกับผู้เสียหายบางคน และเป็นเพื่อนในเฟซบุ๊ก จะอินบ็อกมาชักชวนให้ร่วมลงทุนออมทองกับเขา โดยมีโปรโมชั่นหลายแบบ ชักชวนคนที่สนใจ เช่น ซื้อทอง 10 บาท จะได้ทอง นน.11 บาท  ซื้อทอง 20 บาท จะได้ทอง นน.22 บาท เป็นต้น

 

 นางเอ หนึ่งในตัวแทนการจำหน่ายทองคำ เล่าว่า รู้จักกับผู้ก่อเหตุมานานเนื่องจากเคยเป็นญาตสนิทกัน จนเมื่อเกิดโควิด-19 ตนเองตกงาน น.ส.ฝ้ายจึงชักชวนให้มาร่วมเป็นตัวแทนขายทองคำ  ในราคาบาทละ 25,500 บาท ซึ่งจะได้ส่วนแบ่งบาทละ 500 บาท นางเอจึงโพสต์ผ่านFacebook ชวนคนมาซื้อ จนเมื่อมีลูกค้าติดต่อซื้อทองคำ จึงได้มาร่วมลงทุนการขายทองคำกับผู้ก่อเหตุ ร่วมลงทุนไปทั้งสิ้นกว่า 800,000 บาท แต่สุดท้ายเมื่อถึงวันที่ผู้ก่อเหตุต้องจ่ายผลกำไร กลับบ่ายเบี่ยง อ้างต้องทำเอกสาร จนเวลาล่วงเลยมานานกว่า 2 เดือน เธอจึงเข้าแจ้งความที่ สภ.หนองปรือ

 

ในกลุ่มไลน์ผู้เสียหายที่ตั้งขึ้นมาติดต่อกับ มีผู้เสียหายประมาณ 60 คน มูลค่าความเสียหายร่วม 100 ล้านบาท

 

ผ่านมาหลายเดือนแล้วตำรวจท้องที่ยังตามจับกุม น.ส.ฝ้ายไม่ได้ ถามทีไรก็บอกให้รอ  พวกเราเดือดร้อนเงินที่ออมมาก็หมดไปกับการลงทุนออมทอง อยากให้ตำรวจจับกุมมาดำเนินคดีเร็วๆ วันนี้จึงรวมตัวกันมาร้องขอให้กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางเร่งรัดติดตามจับกุมมาดำเนินคดีโดยเร็วด้วย

 

พ.ต.ท.ปริญญา กล่าวว่า เบื้องต้นตรวจสอบพบว่าผู้เสียหายแจ้งความ สภ.ท้องที่เกิดเหตุ ทั้งที่ สภ.พัทยา สภ.หนองปรือ และ สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ แล้ว ทางพนักงานสอบสวน ได้รวบรวมพยานหลักฐานจนเสนอศาลอนุมัติออกหมายจับ น.ส.สุภัสสรา(สงวนนามสกุล)ข้อหาฉ้อโกงประชาชน และเมื่อสัปดาห์ที่แล้วมีกลุ่มผู้เสียหายกลุ่มที่ผู้ต้องหารายเดียวกันเดินทางมาร้อง บก.ปคบ.เช่นกัน

 

ทาง ผบ.ตร.ได้ตั้งศูนย์ พีซีที.ขึ้นมารับคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเหล่านี้โดยเฉพาะ เพื่อดำเนินคดีด้วยความรวดเร็ว และอายัดเงินที่ถูกหลอกลวงไป ทาง สภ.ท้องที่ได้ออกหมายจับแล้วถือว่าทำงานรวดเร็ว แต่ผู้เสียหายประสงค์ที่จะให้จับกุมผู้ต้องมาดำเนินคดีโดยเร็ว และติดตามอายัดทรัพย์สินคืนมาให้มากที่สุดโดยไว

พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.สั่งตำรวจในสังกัดให้เป็นที่พึ่งสุดท้าย ประชาชนต้องพึ่งได้ คดีนี้ไดมอบหมาย พ.ต.ท.กฤษ สว.กก.1 บก.ปคบ.รับผิดชอบได้สืบสวนสอบสวนมาระยะหนึ่ง คาดว่าน่าจะได้ตัวผู้ต้องหารายนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป