"สันธนะ" โต้เดือด "ชูวิทย์" จี้ตรวจสอบขาย 6 อาบอบนวด ได้เสียภาษีถูกต้องหรือไม่ ลั่นไม่ห่วงกระแสห่วงกระสุน

เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 12 พ.ย.65 ที่โรงแรมแกรนด์เซ็นเตอร์พ้อยซ์ เพลินจิต นายสันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตตำรวจสันติบาล แถลงชี้แจงประเด็นวิวาทะกับนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ นักธุรกิจและอดีตนักการเมืองชื่อดัง พร้อมนำเอกสารและรูปภาพโชว์ต่อสื่อมวลชน

นายสันธนะ กล่าวว่า ส่วนตัวเป็นคนติดตามโซเชียลพอสมควร ไม่ห่วงเรื่องกระแสมากเท่าไหร่ แต่เรื่องกระแสกับกระสุน เป็นห่วงกังวลเรื่องนี้กับใครบางคนมากกว่า ชีวิตผ่านอะไรมาหลายครั้งแล้ว ตนพยายามจะหยุดความรุนแรง ซึ่งขณะนี้มีทัวร์ 5 บริษัท ทั้งสาย เหนือ สายใต้ สายกลาง สายตะวันออก และสายตะวันตกที่เข้ามาถามตนว่าจะเอาอย่างไร หากตนพยักหน้าตอบรับอาจจะเกิดความรุนแรงได้ ซึ่งตนบอกว่าให้รอข้อเท็จจริงออกมาทั้งหมดแล้ว ค่อยตอบกลับทีเดียว ตนอยากให้ปิดเกมไปเลย หากดูจากคอมเมนต์คนด่าตนทั้งประเทศ แต่คอมเมนต์เหล่านี้ไม่สามารถนำตนเข้าไปในคุกตารางได้ กรณีที่ตนเคยติดคุก แต่เมื่อเรื่องถึงศาลฎีกาก็ได้ความเมตตาจากศาลรอดคุกมาทุกคดี อีกฝ่ายที่ออกมาพูดทุกวัน แต่ไม่ดูประวัติที่ผ่านมาของตัวเอง

นายสันธนะ กล่าวอีกว่า หากใครเกิดไม่ทันไม่รู้ว่าชีวิตของนายชูวิทย์ เริ่มต้นมายังไงให้ไปย้อนดูประวัติเอาเองว่าเคยกระทำอะไรกับใครไว้บ้าง ทั้งบ้านทรงไทย และเรื่องรื้อบาร์เบียร์ นายชูวิทย์ก็พาน้องๆ ติดคุกหมด พร้อมเปิดรูปเก่านายชูวิทย์สมัยที่เจอกันเมื่อครั้งก่อน เป็นรูปคู่ระหว่างนายสันธนะและนายชูวิทย์

นายสันธนะ ยังกล่าวอีกว่า คนรวยอย่าง นายชูวิทย์ ขายธุรกิจอาบอบนวด 6 แห่ง อยากทราบว่าขายในราคาเท่าไหร่ โรงแรมทั้งหมดและธุรกิจของนายชูวิทย์ ทั้งหมด นั้นนำมาแสดงว่าปลอดหนี้สินทั้งหมดหรือไม่ถ้าใช่จะยกให้เป็นเจ้าสัว ส่วนภาพที่ตนร้องไห้นั้นคือน้ำตาที่บ่งบอกความรู้สึกว่าสังคมนี้ไม่ยุติธรรมกับตน ส่วนกรณีกล่าวหาว่าตนรีดไถนั้น ต้องเข้าใจก่อนว่าการรีดไถ่คือการข่มขู่ ถ้าจะกล่าวหาขอให้เรียกบุคคลเหล่านั้นมาว่าตนเคยกระทำจริงหรือไม่ และการกล่าวหาว่าตนถูกไล่ออกจากราชการนั้น ตนออกมาใช้ชีวิตอย่างมีความสุข พร้อมกับโชว์เอกสารรับเงินเดือนข้าราชการตำรวจช่วงปี 2540 ประมาณหมื่นกว่าบาทแต่ตนไม่เคยรับและบริจาคเงินเดือนทั้งหมดให้กับมูลนิธิตำรวจทั้งหมด ทั้งนี้อยากให้สังคมตรวจสอบทรัพย์สินของนายชูวิทย์ ถึงธุรกิจต่างๆว่าได้เสียภาษีถูกต้องหรือไม่