ครม. เห็นชอบ ร่างแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาทักษะทางการเงิน พ.ศ. 2565-2570 สร้างความตระหนักรู้ ให้คนไทยมีทักษะในการบริหารจัดการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ และมีวินัยทางการเงิน เพื่อสร้างความมั่นคง และความเป็นอยู่ที่ดีให้ตนเอง และครอบครัว

 

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ มีมติเห็นชอบร่างแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาทักษะทางการเงิน พ.ศ. 2565-2570  เพื่อเป็นกรอบนโยบาย และกลไกบูรณาการการดำเนินการพัฒนาทักษะทางการเงินของประเทศไทย และเป็นแนวทางการจัดทำโครงการ และกิจกรรมที่เสริมสร้างทักษะทางการเงินของคนไทยให้บรรลุเป้าหมายที่กำหนด ประกอบด้วย 8 มาตรการ 19 แผนงาน ดังนี้

เป้าหมายที่ 1 : คนไทยตระหนักรู้ถึงความสำคัญของการบริหารจัดการเงิน และเข้าถึงข้อมูลทางการเงิน
- มาตรการที่ 1 ยกระดับความสำคัญการพัฒนาทักษะทางการเงิน อาทิ จัดกิจกรรมเพื่อสร้างการตระหนักรู้ทางการเงินให้แก่ประชาชน  
- มาตรการที่ 2 ส่งเสริมการเข้าถึงข้อมูล และองค์ความรู้ทางการเงินที่ถูกต้อง และเชื่อถือได้เพื่อเพิ่มความตระหนักรู้และสนับสนุนการเรียนรู้ และพัฒนาทักษะทางการเงินด้วยตนเองของประชาชน ใช้เทคโนโลยี และสื่อดิจิทัลเพื่อเพิ่มระดับการเข้าถึงข้อมูล องค์ความรู้ และข่าวสารทางการเงินที่ถูกต้อง และเชื่อถือ พัฒนาเว็บไซต์ความรู้ทางการเงินเพื่อคนไทย www.รู้เรื่องเงิน.com เพื่อเป็นศูนย์รวมข้อมูล ความรู้ และข่าวสารด้านการเงินสำหรับประชาชน โดยเชื่อมโยงข้อมูลกับหน่วยงานต่าง ๆ

เป้าหมายที่ 2 : คนไทยมีความรู้ และทักษะทางการเงินเพียงพอที่จะนำไปประยุกต์ใช้อย่างเหมาะสมเพื่อสร้างความมั่นคงในชีวิต
- มาตรการที่ 3 กำหนดกรอบสมรรถนะทางการเงินสำหรับคนไทย 
- มาตรการที่ 4 ผลักดันการพัฒนาทักษะทางการเงินในหลักสูตรการเรียนในระบบการศึกษา ในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ระดับอาชีวศึกษา การศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย มุ่งให้เกิดการประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้จริง ส่งเสริมความรู้ด้าน Financial Literacy แก่กลุ่มข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษา 
- มาตรการที่ 5 พัฒนาทักษะทางการเงินของประชาชนทุกกลุ่มเป้าหมายตลอดช่วงชีวิต ประกอบด้วย กลุ่มเด็ก และเยาวชน กลุ่มอุดมศึกษา กลุ่มผู้มีงานทำ กลุ่มภาครัฐ กลุ่มประชาชนระดับฐานราก กลุ่มองค์กรการเงินชุมชน กลุ่มผู้สูงวัยหรือเกษียณอายุ กลุ่มประชาชนทั่วไป กลุ่มถ่ายทอดความรู้ และทักษะการเงิน กลุ่มเปราะบางทางการเงินสูง 
- มาตรการที่ 6 พัฒนากฎระเบียบและมาตรการเพื่อสนับสนุน อาทิ กำหนดให้องค์กรในภาคการเงินต้องจัดให้มีกิจกรรมหรือการดำเนินการพัฒนาทักษะทางการเงิน  กำหนดให้บุคลากรภาครัฐบรรจุใหม่ได้รับการฝึกอบรมการเงินส่วนบุคคล

เป้าหมายที่ 3 :  ประเทศไทยมีกลไกขับเคลื่อนการดำเนินการพัฒนาทักษะทางการเงินอย่างบูรณาการ เพื่อให้เกิดระบบนิเวศด้านการพัฒนาทักษะทางการเงินที่ยั่งยืน
- มาตรการที่ 7 จัดตั้งกลไกขับเคลื่อนการดำเนินการพัฒนาทักษะทางการเงินอย่างบูรณาการและยั่งยืน อาทิ แต่งตั้งคณะกรรมการการพัฒนาทักษะทางการเงินเพื่อขับเคลื่อน กำกับ ติดตาม และประเมินผลการดำเนินการตามร่างแผนปฏิบัติการฯ
- มาตรการที่ 8 สร้างระบบการติดตาม และประเมินผล อาทิ จัดให้มีการสำรวจระดับทักษะทางการเงินทุก 2 ปี ผลักดันให้มีการบูรณาการระบบข้อมูลความรู้หรือทักษะทางการเงิน

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรียังกล่าวว่า ครม. คาดหวังว่า คนไทยมีระดับทักษะทางการเงินสูงขึ้นในทุกด้าน และเพียงพอสำหรับการบริหารจัดการเงินอย่างเหมาะสมในแต่ละกลุ่มเป้าหมาย มีการก่อหนี้ และภาระหนี้ที่ไม่จำเป็นลดลง มีการออมเพิ่มขึ้น และมีการออมตามแผนทางการเงิน และเป้าหมายในแต่ละกลุ่มเป้าหมาย รวมทั้งมีภูมิคุ้มกันต่อความเสี่ยง และแรงกดดันทางการเงิน ผ่านการวางแผนทางการเงินที่เหมาะสมตามแต่ละกลุ่มเป้าหมาย ทั้งยังมีทักษะด้านการเงินดิจิทัล มีความรู้ความเข้าใจและสามารถใช้ประโยชน์จากการเงินดิจิทัลได้ รวมทั้งสามารถป้องกันและจัดการกับความเสี่ยงหรือภัยที่เกิดจากการเงินดิจิทัลได้อย่างเหมาะสม ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐที่ได้กำหนดเป้าหมายปี 2565 เป็น “ปีแห่งการแก้หนี้ภาคครัวเรือน”