ก. พลังงานแจง ประเด็น "ไทยมีหลุมขุดเจาะน้ำมัน และปิโตรเลียมจำนวนมาก แต่ราคายังแพงกว่าส่งออก" เป็นข้อมูลเท็จ จำนวนหลุมผลิตมาก ไม่ได้หมายความว่าจะมีปริมาณปิโตรเลียมมากตามจำนวนหลุม

 

(2 มิ.ย.65) ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมเผยว่า ตามที่มีการเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับประเด็น "ไทยมีหลุมขุดเจาะน้ำมัน และปิโตรเลียมจำนวนมาก แต่ราคายังแพงกว่าส่งออก" ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กระทรวงพลังงาน พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ

โดยได้ตรวจสอบข้อมูล และชี้แจงว่า จำนวนหลุมผลิตมาก ไม่ได้หมายความว่าจะมีปริมาณปิโตรเลียมมากตามจำนวนหลุม เพราะประเทศไทยมีแหล่งปิโตรเลียมขนาดเล็กเป็นกระเปาะ โครงสร้างทางธรณีวิทยาไม่ต่อเนื่อง ซึ่งหลุม ๆ หนึ่งผลิตปิโตรเลียมได้ไม่มากไม่เหมือนกับแหล่งใหญ่ที่ไม่ต้องใช้หลุมผลิตจำนวนมากก็ผลิตได้มาก และโดยส่วนใหญ่เป็นหลุมที่ผลิตแก๊สธรรมชาติในทะเลอ่าวไทย ซึ่ง ณ เดือน มี.. 65 มีหลุมที่ผลิตอยู่ 1,757 จากจำนวนหลุมทั้งหมด 5,535 หลุม ซึ่งส่วนใหญ่ผลิตแก๊สธรรมชาติ

ข้อมูลการผลิตปิโตรเลียมทั้งประเทศ ประกอบด้วยแก๊สธรรมชาติเหลว และน้ำมันดิบ ทั้งบนบก และในทะเล ในปี 2564 ประกอบด้วย
1. แก๊ส
ธรรมชาติ 27,654,777,386 ลิตรเทียบเท่าน้ำมันดิบ (997,383.25 ล้านลูกบาศก์ฟุต)
2. แก๊ส
ธรรมชาติเหลว 4,202,993,890.88 ลิตรเทียบเท่าน้ำมันดิบ (29,063,418 บาร์เรล)
3.
น้ำมันดิบ 5,534,121,292.33 ลิตร (34,808,640 บาร์เรล)
รวม 37,391.89 ล้านลิตรเทียบเท่าน้ำมันดิบ

จากที่มีการกล่าวว่า ใช้น้ำมันที่ขุดได้ในประเทศในราคาที่แพงกว่าที่ส่งออกนั้น ต้องแยกเป็นการส่งออกน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูป โดยการส่งออกน้ำมันดิบนั้น กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติได้มีแนวทางปฏิบัติกำหนดให้ผู้ประกอบการต้องขายภายในประเทศก่อน หากไม่สามารถขายได้จึงส่งออกไปขายยังต่างประเทศ และมีเงื่อนไขว่าต้องส่งออกปิโตรเลียมในราคาสูงกว่าที่ขายในตลาดภายในประเทศ ซึ่งนับเป็นผลดีต่อประเทศเพราะทำให้ประเทศมีรายได้จากการส่งออก

รัฐบาลสามารถเก็บค่าภาคหลวง และภาษีได้สูงกว่าการที่ผู้ประกอบการจะขายภายในประเทศ เพราะในเมื่อน้ำมันดิบมีคุณสมบัติไม่ตรงกับที่โรงกลั่นต้องการ โรงกลั่นก็จะรับซื้อในราคาถูกซึ่งจะทำให้รัฐมีรายได้น้อยลง โดยการส่งออกน้ำมันดิบนี้ มีกฎหมายกำกับดูแลอย่างใกล้ชิด รอบคอบ และรัดกุม จะส่งออกในราคาที่แพงกว่าขายในประเทศ

สำหรับในส่วนที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันสำเร็จรูปนั้น เนื่องจากราคาน้ำมันหน้าปั๊มในแต่ละประเทศขึ้นอยู่กับโครงสร้างภาษีที่แตกต่างกันไป โดยประเทศไทยนั้นโครงสร้างราคาน้ำมันประกอบไปด้วย
1.
ราคาหน้าโรงกลั่น จะอ้างอิงกับราคาตลาดโลก
2.
ภาษีสรรพสามิต มีชื่อเล่นว่าภาษีน้ำมัน ถือเป็นรายได้ก้อนใหญ่ในปัจจุบันของรัฐบาลไทย
3.
ภาษีท้องถิ่น เงินทำนุบำรุงท้องที่
4.
เงินอุดหนุนกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เหมือนการหยอดกระปุกเก็บไว้ในวันที่น้ำมันราคาถูก แต่จะหยิบออกมาใช้ในวันที่น้ำมันราคาแพง เป็นกลไกในการรักษาเสถียรภาพทางราคาของน้ำมัน
5.
เงินอุดหนุนกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน สนับสนุนพลังงานทางเลือก พลังงานทดแทน และการเพิ่มประสิทธิภาพและลดการใช้พลังงาน
6.
ภาษีมูลค่าเพิ่ม
7.
ค่าการตลาด แม้จะใช้ชื่อว่าค่าการตลาด แต่ความจริงแล้วรวมเอาค่าใช้จ่ายทุกสิ่งอย่างตั้งแต่การจัดการคลัง การขนส่ง และค่าบริการ รวมทั้งผลกำไรของผู้ประกอบการธุรกิจค้าปลีกน้ำมันเอาไว้เรียบร้อย

ในขณะที่ราคาส่งออกน้ำมันจะไม่ได้รวมภาษีน้ำมันต่าง ๆ ไม่ได้ส่งเงินเข้ากองทุนตามโครงสร้างราคาน้ำมันภายในประเทศ ราคาส่งออกจึงถูกกว่า

ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ และประชาชนสามารถสอบถามข้อมูลการเดินทางเพิ่มเติมได้ที่กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กระทรวงพลังงาน เว็บไซต์กระทรวงพลังงาน และ โทร. 0-2794-3000