"นายกฯ" มอบคณะทำงานผลักดัน "ข้าวเหนียวมะม่วง" เป็นมรดกวัฒนธรรม หลังดังไกลทั่วโลก


จากกระแส "ข้าวเหนียวมะม่วง" ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า หลังจาก ศิลปินสาว "มิลลิ" พาเมนูดังกล่าว ขึ้นไปทานบนเวทีดนตรีชื่อดังระดับโลก
วันนี้ทางผู้สื่อข่าวได้สัมภาษณ์นายกเกี่ยวกับ ประเด็น การเสนอยูเนสโกให้เมนู "ข้าวเหนียวมะม่วง" เป็นมรดกทางวัฒนธรรมหรือไม่


พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า เป็นเรื่องของคณะกรรมการที่ต้องดำเนินการ เรามีของดี ๆ เยอะ ย้ำเสมอว่าซอฟต์พาวเวอร์เรื่องอาหาร ธรรมชาติ เรื่องสุขภาพ ก็มีอยู่ นี่คือซอฟต์พาวเวอร์ที่เรามี


" ตนเป็นคนกำหนดเองว่าประเทศไทยจำเป็นต้องสนับสนุนและดำเนินการในการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์ของเราให้ได้ โดยเฉพาะทรัพยากรที่เรามีอยู่ ทำให้คนสนใจ ให้ความสำคัญกับประเทศไทย "

ด้าน นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ชื่นชมทีมงาน และ "มิลลิ" ที่นำข้าวเหนียวมะม่วง ขึ้นเวที จนเกิด  Soft Power Content บนเวทีคอนเสิร์ต ถือเป็นไอเดียที่เป็นดีและน่าชื่นชม

ซึ่งกระทรวงพาณิชย์พร้อมสนับสนุน Creative Economy โดยปี 2565 นโยบายหลักของกระทรวงพาณิชย์ได้ดำเนินมาตั้งแต่ต้นปีคือการส่งเสริมและเชื่อมตลาดด้านนี้โดยเน้น Soft Power และยินดีหากทีมนี้จะให้กระทรวงพาณิชย์ส่งเสริมสนับสนุน

นางมัลลิกา กล่าวว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ให้นโยบายกับกระทรวงพาณิชย์ ด้าน Soft Power ว่ากระทรวงพาณิชย์จะต้องเป็นผู้ที่ช่วยส่งเสริม Soft Power เพื่อที่จะทำให้ Soft Power ของไทยไปผงาดในตลาดโลก ซึ่งประเทศไทยมีจุดแข็งไม่ว่าจะเป็นเรื่องศิลปะวัฒนธรรม วิถีชีวิต โดยเฉพาะอาหารไทยเป็นที่เลื่องลือและยอมรับไปทั่วโลกและสิ่งที่มีความคุณค่ามากที่สุด คือ ความเป็นไทย ที่ไม่มีใครแย่งไปจากเราได้ ซึ่งนำไปขายได้ในทุกเรื่อง ทั้งในด้านการผลิตที่ละเอียดลออ งดงามและมีความรับผิดชอบ ในภาคบริการการท่องเที่ยวที่ไม่มีใครสู้เราได้ในโลก ซึ่งทั้งหมดนี้จะไปสู่โลกได้อย่างไร เราก็ทำมาเป็นลำดับและทำเป็นระบบชัดเจน มีกลไกรับผิดชอบยิ่งขึ้น

โดยในปี 2565 ได้มอบหมายให้ดำเนินยุทธศาสตร์ Soft Power ทำกิจกรรม ตั้งแต่เดือน ม.ค.-ธ.ค. เพื่อให้เกิดความต่อเนื่อง ซึ่งกิจกรรมแรกของปี 65 คือ การผลักดัน Soft Power ผ่านภาพยนตร์ แอนิเมชั่น และดิจิทัลคอนเทนต์ของไทย ในโครงการ Content Pitching เมื่อวันที่ 27 ม.ค. 65 ที่ผ่านมา ประสบความสำเร็จอย่างดียิ่งผู้เจรจาจากบริษัทฝั่งไทยสามารถสร้างรายได้รวมกว่า 815 ล้าน นับเป็นครั้งแรกในการดึงผู้ให้บริการสตรีมมิ่งความบันเทิงชื่อดังอย่าง Netflix, WeTV, iQiyi และ VIU เจรจาการค้ากับผู้ประกอบการไทย 15 บริษัท