“ยุทธพงศ์” กัดไม่ปล่อยจ้องตัดงบกลาโหมเพิ่ม เดินหน้าค้านซื้ออาวุธฟุ่มเฟือย พบกองทัพเรือซื้อโดรนร่วมเกือบ 5 พันล้าน ด้านปารีณา แฉกลับ ยุทธพงศ์ทำตัวเป็นองครักษ์พิทักษ์กรมทางหลวง ไม่ยอมให้ตัดงบซื้อโดรน วอนสื่อติดตามพฤติกรรม 

นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม ในฐานะคณะอนุกรรมาธิการ (กมธ.) ครุภัณฑ์ และไอซีที กล่าวว่า วันนี้อนุ กมธ.ครุภัณฑ์ และไอซีทีฯ มีการพิจารณางบประมาณในส่วนของกระทรวงกลาโหมที่ตนตั้งเป้าตัดงบประมาณเพิ่มเติม เพราะจากการประชุม กมธ.งบประมาณชุดใหญ่ มีเพียงกองทัพเรือหน่วยงานเดียวที่ยื่นขอถอนโครงการจัดซื้อเรือดำนำลำที่ 2 และลำที่ 3  ส่วนรายการซื้ออาวุธอื่น ๆ ยังอยู่ครบ ดังนั้น อนุกมธ.ครุภัณฑ์ และไอซีทีฯ จึงต้องมาพิจารณาและเสนอตัดงบประมาณในส่วนต่าง ๆ ที่ไม่จำเป็นเพิ่มเติมอีก เช่น โครงการจัดซื้ออากาศยานไร้คนขับ (ยูเอวี) เพื่อลาดตระเวนชายฝั่งทะเลของกองเรือ งบประมาณ 4,100 ล้านบาท และพบว่ากองทัพเรือยังซื้อโดรน อีก 570 ล้านบาทในปีเดียวกัน ซึ่งรวมแล้วงบประมาณเกือบ 5,000 ล้านบาท จึงตั้งข้อสังเกตว่า มิติการรบของกองทัพเรือเป็นทางน้ำ แต่เหตุใดจึงตั้งงบซื้อทางอากาศ ดังนั้น วันนี้จะขอดูความเหมาะสมว่าจำเป็นต้องมีการจัดซื้อหรือไม่ อีกทั้งต้องดูบริษัทที่จัดซื้อด้วยว่าเป็นอย่างไร และเป็นการจัดซื้อรูปแบบไหน รวมทั้งต้องตามเรื่องการจัดซื้อเรือลำเลียงพลสะเทินน้ำสะเทินบก หรือเรือแอลพีดี ซึ่งเป็นการจัดซื้อเรือแต่ไม่มีระบบอาวุธ จนต้องทำหนังสือไปถึงประเทศจีน เพื่อขอความอนุเคราะห์ติดอาวุธเพิ่ม ซึ่งกองทัพเรือยังไม่ได้ให้คำตอบเรื่องนี้ ส่วนกองทัพบกก็มีการจัดซื้อเฮลิคอปเตอร์ และอุปกรณ์รถถัง ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีรายละเอียดเท่าที่ควร เพราะที่ขอไปทางกองทัพแล้วแต่ยังไม่ได้ส่งให้ 

“ส่วนตัวจะค้านการจัดซื้ออาวุธที่ฟุ่มเฟื่อย โดยเฉพาะเรือดำน้ำ เพราะมิติการรบปัจจุบันนั้นเปลี่ยนไปแล้ว และเป็นการใช้เทคโนโลยีมากกว่า ทั้งนี้ ยืนยันว่าจะเสนอตัดรายการซื้ออาวุธที่ไม่จำเป็นเพิ่มเติมอีก หากที่ประชุมไม่ยินยอมก็จะเสนอโหวตลงมติ และถ้าแพ้ก็จะไปสู้ในที่ประชุ กมธ.ชุดใหญ่ต่อ เราต้องไม่เกรงใจกัน”

ด้าน นางสาวปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะ กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 ได้มาติดตามการประชุมคณะอนุกรรมาธิการ (กมธ.) ครุภัณฑ์ และไอซีทีในวันนี้ด้วย พร้อมกับให้สัมภาษณ์ว่า ขอให้สื่อมวลชนติดตามพฤติกรรมของนายยุทธพงศ์ เพราะเมื่อวันที่ 13 ก.ค. ทางกรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม ได้มาชี้แจงขอจัดซื้อยูเอวีราคาสูงเหมือนกับกองทัพเรือ ตน และ กมธ.ของพรรคก้าวไกลมองว่า เป็นราคาสูงกว่าท้องตลาดมากถึง 2-3 เท่า โดยราคายูเอวี 1 ลำมีราคาแสนกว่าบาท และขอให้ตัดงบประมาณในส่วนนี้ รวมยังมีการของบประมาณมหาศาล แต่ถูกตัดลดแทบทุกรายการ เพราะราคาสูงหลายเท่า แต่นายยุทธพงศ์กลับมีพฤติการณ์ปกป้องว่ามีความจำเป็น ทำตัวเป็นเหมือนองครักษ์พิทักษ์กรมทางหลวง แต่มาพอถึงงบประมาณของกระทรวงกลาโหม ในส่วนของกองทัพเรือที่เป็นครุภัณฑ์ประเภทเดียวกันกลับคัดค้าน จึงฝากให้ช่วยติดตามว่าเกิดอะไรขึ้นกับนายยุทธพงศ์ และตั้งข้อสังเกตว่านายยุทธพงศ์มีอะไรที่เป็นเบื้องลึกเบื้องหลังกับกรมทางหลวงหรือไม่ หรือมีนอกมีในหรือไม่

ส่วนโดรนของกองทัพเรือสมควรจะจัดซื้อหรือไม่ ตนขอไปดูรายละเอียด ทั้งนี้ กมธ.ทุกคนควรทำงานอย่างเป็นธรรม ไม่ใช่แค่จ้องตัดงบประมาณกระทรวงกลาโหม จึงขอให้ดูที่การเสนอราคา และตัดงบฯ บางส่วน

ส่วนที่กองทัพเรือยอมถอยการจัดซื้อเรือดำน้ำ นางสาวปารีณา กล่าวว่า ตนรู้สึกเห็นใจกองทัพเรือ เพราะวันนี้เรามีทรัพยากรธรรมชาติที่อยู่ใกล้กับมาเลเซีย จึงมีความจำเป็นที่จะต้องมีเรือดำน้ำเฝ้าระวัง หากเราไม่มีความพร้อมเท่าเขาอาจทำให้เกิดการสูญเสียทรัพยากรธรรมชาติได้  และหากเกิดเหตุการณ์ขึ้นก็จะมาโทษทีหลังว่าทำไมไม่ซื้อ แต่ด้วยสถานการณ์โควิดตอนนี้ก็เข้าใจได้ แต่ไม่ใช่แค่กองทัพเรือที่เสนอซื้อเรือดำน้ำ ทุกหน่วยงานก็เสนอซื้อเครื่องมืออย่างอื่นด้วยเช่นกัน