สธ.เร่งสอบปมครูสาวฉีดสลับวัคซีนดับ ชี้มีโรคความดันโลหิตสูง ชูสถิติไทยฉีดแล้ว 14.8 ล้านโดส รายงานเสียชีวิต 229 ราย ไม่มีใครตายเพราะวัคซีนโดยตรง

 

นายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงกรณีที่ น.ส.พงศ์ภัค ศรัทธาโสภณ อายุ 39 ปี ครูสอนพิเศษ สถาบันคณิตศาสตร์เอกชนแห่งหนึ่งใน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เสียชีวิต หลังจากฉีดวัคซีนสูตรผสมซิโนแวคเข็มแรก และแอสตร้าเซนเนก้าเข็มที่ 2 วานนี้ (20 ก.ค.2564) ว่า กรณีดังกล่าวผู้เสียชีวิต มีโรคความดันโลหิตสูง และมีค่า BMI 31 มีประวัติฉีดเข็มแรก เป็นวัคซีนซิโนแวค เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน และเข็มสองเป็นแอสตร้าเซนเนก้า วันที่ 19 กรกฎาคม และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้ยังไม่สรุปว่ามีความเกี่ยวข้องกับวัคซีนหรือไม่ ยังต้องหาสาเหตุต่อไป โดยแพทย์ได้ตรวจเบื้องต้น และมีการชันสูตรที่โรงพยาบาลพระจอมเกล้า จ.เพชรบุรี คาดว่าผลการตรวจออกมาเร็ววันนี้

นายแพทย์โสภณ กล่าวต่อว่า กระทรวงสาธารณสุข ได้ปรับการฉีดวัคซีนในสถานการณ์ที่มีการระบาดของเชื้อสายพันธุ์เดลตา ซึ่งคำแนะนำคณะผู้เชี่ยวชาญ คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ได้พิจารณาข้อมูลผลการศึกษาระดับภูมิคุ้มกันที่ให้ฉีดวัคซีนชนิดเชื้อตาย และตามด้วยชนิดไวรัลเวกเตอร์ ห่างกัน 3 สัปดาห์ จะสร้างภูมิคุ้มกันอย่างรวดเร็วใน 2 สัปดาห์ หลังการฉีดเข็มที่สอง สามารถสู้กับเชื้อกลายพันธุ์สายพันธุ์เดลต้าได้ดีขึ้น โดยประเทศไทยฉีดวัคซีนโควิด-19 แล้วกว่า 14.8 ล้านโดส มีรายงานการเสียชีวิต 229 ราย คิดเป็นอัตรา 16 ต่อ 1 ล้านเข็มวัคซีน ในระยะ 1 เดือน หลังรับวัคซีน ซึ่งยังไม่พบว่าการเสียชีวิตเป็นผลที่เกิดโดยตรงจากวัคซีน คณะผู้เชี่ยวชาญมีการติดตามและพิจารณาสาเหตุโดยละเอียด ทั้งการฉีดวัคซีน อาการที่เกิดขึ้น ผลตรวจทางห้องปฏิบัติ ผลการชันสูตร ขณะนี้ยังไม่พบสาเหตุที่มาจากการฉีดวัคซีนโดยตรง แต่หลายรายมีโรคร่วม เช่น หลอดเลือดหัวใจ หลอดเลือดสมอง เป็นต้น และเป็นสาเหตุการเสียชีวิต สำหรับการฉีดวัคซีนสลับชนิดมีจำนวนมากกว่า 8.4 หมื่นคน